วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เช้านี้มาร้องเพลงกัน " Service เสี่ยงทาย" 

"แอบลุ้น Service นะจ๊ะ Owner ไม่รู้บ้างเลย"
"แอบถามบัญชีนิดๆ แต่เค้าก็ทำเฉยเมย"
"เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อย มันจะได้หลักร้อยหรือหลักพัน" เอ้ อี Yeah อี Yeah ........................ 

"โรงแรมอื่นได้เยอะนะ..ไอ้เราก็อิจฉาไป"
"ส่วนตัวโรงแรมเรานั้นนะ ก็คงต้องลุ้นต่อไป"
"เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อยเดี๋ยวก็รู้หลักร้อยหรือหลักพัน" เอ้ อี Yeah อี Yeah........................ 
"เรานั้นเห็นแขกมา Check In กันอย่างครื้นเครง"
"ห้องเต็ม ห้องเต็ม ไม่ค่อยมีว่างเท่าไหร่"
"ก็ไม่รู้ Owner นั้น ในใจแอบคิดอะไร
"ยังคงกังวลไม่แน่ใจหักเยอะไหมนั่น"

 "เพราะยังไงก็ต้องหมื่น ดูยังไงก็ต้องหมื่น"
" Service Service Service Service Babe ให้ GM ทำนายกัน"
 ** พอสิ้นเดือนมา Service ออกอย่างเร็วรี่ ***
** มาลุ้นดูซิ อาจจะเจอกับยอดที่ยังรออยู่ ***
** เห่ เฮ เฮ้ เผื่อจะดี........ลองลุ้นกันดู.........หมื่นหรือพันหรือร้อยต้องดูกันไป ***
** เปิดสลิปมา ฮา โอ้โห เยอะฉิบหาย ***
** ทำงานแทบตายแต่เดือนนี้กูได้แค่ไม่กี่พันเอง เห่ เฮ เฮ้ ท่าไม่ดี ***
** ออก ไม่ออก จะออก ไม่ออก ต้องลองคิดดูอีกสักนิด ไม่แน่ว่าเดือนหน้าอาจจะได้มากขึ้นมาอีกสักนิด ยังมั่นใจว่าเราจะได้หมื่นดั่งฝันในวันที่แขกเยอะ สักวันนึง****

เพื่ออรรถรสในการร้องเพลงลองเปิดเพลง "คุกกี้เสี่ยงทาย" BNK48 ไปด้วยนะทุกคน... Happy Working นะ เฮียนี่ FC. น้อง MOBILE นะ


วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ตอน หนูไม่รู้ แต่หนูต้องเกี่ยว

หลาย ๆ ครั้งอีกเช่นกันที่คนโรงแรมอย่างเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะตัวกลางแห่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแขกและบุคคลที่ 3 (ฟังดูเป็นทางการนะ) ซึ่งหลายๆ ครั้งเราก็รู้สึกว่ามันมีอาการเหมือน “เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักยังไงก็ต้องเนี่ยง คัมม่อน คัมม่อน โอ้เบบี้ ให้ เคสนี้ทำนายกัน” อยู่ในหลายๆ ครั้งเหมือนที่เฮียเคยเจออย่างเคสนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงเย็นๆ วันหนึ่งพอดีวันนี้เฮียเป็น Duty กำลังจัดการกับเอกสารและช่วยงานน้องๆ หลังผ่านช่วงเวลา Check In ในช่วง Long Weekend ไปอย่างสาหัสกันทุกคน ทันใดนี้พี่ Sales Manager. ก็เดินมาหาที่หน้า Lobby แล้วบอกเฮียว่า “แขกไปขี่ Jet Ski มาแล้วท่าทางจะขี่แบบฟงอวิ๋นไปหน่อย” เลยจัดไปแบบขี่พายุทะลุฟ้า Jet Ski ข้างลำเค้าเสียหายเป็นรอยขีดข่วน เจ้าของเรือจะมาตกลงค่าเสียหายกับแขก” แล้วก็พาแขกมาส่งให้เฮียก่อนกลับไป

ว่าแล้วเฮียก็พาแขกไปนั่งที่ Lobby แล้วก็ด้วยประสบการณ์คือเอาจริงๆ เฮียไม่ได้เข้าข้างใครนะ เฮียอยู่พัทยามาเฮียก็พอรู้เรื่องปัญหา Jet Ski และ แต่ในขณะเดียวกันแขกที่ไปซัดของเค้าซะพังจริงๆ มันก็มี ความเป็นไปได้ตอนนั้นมันเป็นไปได้ทั้งคู่เพียงแต่ตอนนี้เรายืนอยู่ในฐานะพนักงานโรงแรมที่หน้าที่เราคือต้องช่วยเหลือแขกให้ดีที่สุดแต่ก็ต้องรักษาสัมพันธภาพกับคนในท้องถิ่นด้วยเช่นกันสิ่งที่เฮียทำตอนนั้นคือโทรหาพี่ตำรวจท่องเที่ยวที่รู้จักกันก่อนแล้วก็บอกเคสนี้ให้เค้าทราบแกก็บอกว่า “ถ้าตกลงกันไม่ได้ยังไงให้โทรมาหาอีกที” แล้วก็โทรหาสายตรวจบอกเล่าเหตุการณ์ว่ากำลังจะมีการเจรจาเรื่องนี้กันที่ Lobby เชิญมาที่โรงแรมหน่อยเพราะ 100 นึงเอาบาทเดียวเลยว่า “มันไม่จบง่ายๆ แน่นอนถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว” เสร็จแล้วเฮียก็นั่งคุยกับแขกๆ ก็เล่าให้ฟังว่า “เค้าไปขับ Jet Ski มากับเพื่อนคนละคันแล้วทีนี้ปรากฏว่า Jet Ski ที่เค้าขับมันไปเฉี่ยวกับเพื่อนมีรอยเฉี่ยวตรงข้างๆ ลำทีนี้พอเข้าฝั่งคนให้เช่าเค้าก็ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็เรียกค่าเสียหายมา 80,000 บาทสำหรับสองคันนี้เพราะเป็นรุ่นใหม่อะไหล่แพง (ตามเหตุผลของเค้าอ่ะนะเฮียก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่แต่ส่วนตัวก็ว่ามันแพงมากเลยนะ)

แต่แขกเห็นว่ามันมากเกินไปเพราะมันเป็นรอยขีดข่วนแค่นิดเดียวและเค้าไม่ได้ชนแรงอะไรแค่เฉี่ยวกันนิดเดียวและยินดีจะจ่ายแค่ 30,000 บาท ณ ตอนนั้นซึ่งถ้าเจ้าของตกลงเค้าก็จะจ่ายเงินให้เลย 1,000 USD แต่เจ้าของที่คุยผ่านคนดูแลเรือเค้าไม่ยอมจะเอา 80,000 บาท ถ้าไม่ให้จะแจ้งความแขกเลยบอกว่าถ้าไม่เอาเค้าก็จะกลับโรงแรมให้ไปแจ้งความมาเลยและไปหาที่โรงแรม (หึหึหึ น่ารักจังหางานให้กูด้วย 555) เรื่องมันก็เลยมาจบที่เฮียนี่แหละ สักพักคนดูแลเรือก็มาพร้อมกับผู้ช่วยอีก 2 คนแต่ก็ไม่ได้มาโวยวายหรือทำขึงขังอะไรก็เข้ามาปกติ เฮียก็แนะนำตัวแล้วก็ออกตัวเลยว่า “พี่ครับ ผมเป็นผู้จัดการเค้าเป็นแขกผม เอางี้แล้วกันนะพี่ผมบอกก่อนเลยแล้วกันเพราะมันเป็นปัญหาส่วนตัวของแขกที่เกิดขึ้นกับพี่ ตอนนี้ผมจะแปลข้อความและสิ่งที่เค้าต้องการให้พี่ฟัง ส่วนถ้าพี่ไม่ยอมรับหรือไม่ตกลงพี่ก็สามารถแจ้งความและตกลงกันตามกฏหมายได้นะครับเพราะผมไม่มีอำนาจตัดสินว่าใครผิดใครถูก) การพูดแบบนี้จะเป็นการลดความกดดันให้ตัวเองและทำให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรู้ว่า “ยูต้องตกลงกันเองไอไม่เกี่ยว” ออกตัวไว้ก่อนเลย เพราะในหลายๆ ครั้งพวกเราคงเคยเจอว่าคนมีปัญหากันสุดท้ายไอ้คนแปลนี่แหละจะกลายเป็นจำเลยและซวยไปในที่สุด พี่เค้าก็โอเคซึ่งในระหว่างนั้นสายตรวจก็มาถึงโรงแรมพอดี 2 คน 

การเจรจาก็เริ่มขึ้นซึ่งพี่ที่มาก็ต้องคอยคุยทางโทรศัพท์ตลอดเพราะเจ้าของเรือเป็นคนสั่งอยู่ในสายเจ้าของเค้าก็ยืนยันว่าจะเอา 80,000 บาท แขกก็ยังยืนยันว่าจะจ่ายแค่ 1,000 USD ถ้าไม่ให้ก็ไปแจ้งความ ยื้อกันอยู่แบบนั้นแหละจนสุดท้ายพี่สายตรวจเค้าก็ทนไม่ไหวขอคุยกับเจ้าของเรือแล้วก็แจ้งปลายสายว่า “แกเป็นสายตรวจแล้วก็ถามว่าเรือเป็นอะไรมามั้ย 80,000 มันแพงไปนะ เอาแค่นี้ดีไหมเดี๋ยวจะให้แขกเค้าจ่ายให้เลยและจะเป็นคนอยู่จนกว่าแขกจะจ่ายเงินเอง ตกลงมั้ย” เจ้าของก็หายไปสักพักก่อนกลับมาบอกว่า “1,000 USD ก็ได้แต่ก็ยังมีบ่นอิดๆ ออดๆ ว่า เรือใหม่ซ่อมยาก บลา บลา บลา” จากนั้นแขกก็จัดการจ่ายไป 1,000 USD ให้คนดูแลซึ่งพี่ตำรวจแกก็บอกว่า “เงินให้กับคนดูแลไปแล้วนะ มี CCTV และผู้จัดการเค้าเป็นพยายน” แล้วก็จบการสนทนาก่อนแยกย้ายกลับไป เคสนี้มันมีมาเรื่อยๆ นะสำหรับโรงแรมที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหรือตามย่านธุรกิจที่มีกิจกรรม เช่น ขับ Jet Ski, มอเตอร์ไซด์เช่าหรือรถเช่า, รถ Taxi ส่วนบุคคล, เฮียว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะพนักงานโรงแรมที่มีประสบการณ์เยอะ คงเคยเจอและต้องรับมือกันมาบ้างแล้วยังไงก็แก้ปัญหากันดีๆ นะ 

ปล.ฝากสติ๊กเกอร์ Hotel Man ไว้ในอ้อมใจด้วยนะจ๊ะ อย่าลืมโหลดกันเยอะๆ น้า เพราะรอนานมากกว่าจะผ่าน 555 https://store.line.me/stickershop/product/1943410




วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Hotel man: สวัสดีครับ Check in นะครับ

Fantastic Guest: ใช่ค่ะ…จองมาสองห้อง ขอห้องติดกันนะคะ

Hotel Man: ขอเช็ค Booking สักครู่นะครับ

Fantastic Guest : ยื่น CFM Letter มาให้ 

Hotel Man: รับมาดูอย่างรู้ชะตากรรม เพราะประกาศก้องว่าขอห้องติดมาแบบนี้รับรองว่าจบไม่สวยแน่นอน……แล้วก็เป็นดังคาดคือใน CFM ระบุมาว่า “แขกขอห้องติดกันเป็น On request และ Subject to room availability” ซึ่งรับประกันซ่อมฟรีได้เลยว่าแขกไม่เข้าใจแน่นอนว่าขอได้ถ้ามีห้องว่างจะจัดให้ 

Fantastic Guest: เจอมั้ยคะ?

Hotel Man: เจอครับ พอดีเห็นแจ้งใน Booking ว่าขอห้องติดมา ยังไงขอหาห้องให้ก่อนอีกครั้งนะครับ เพราะวันนี้ห้องค่อนข้างเต็มครับ

Fantastic Guest: ปรี๊ดแตกทันที……ทำไมจะไม่ได้คะก็จองมาแล้ว พนักงานคุณรับเรื่องแล้วนี่ก็ต้องได้ซิ 

Hotel Man: ครับ… แต่ที่เรารับมาจะเป็นลักษณะ On Request นะครับเนื่องจากช่วงนี้เป็นวันหยุดยาว ห้องเราค่อนข้างเต็มครับ ( ปากพูดไปมือก็หาห้องไปอย่างรวดเร็วซึ่งห้องว่างน่ะพอมีแต่ห้องติดนี่ไม่มี มีแต่ห้องห่างกันห้องนึง) ตอนนี้มีห้องสองห้องที่อยู่ใกล้กันนะครับ จะเว้นห่างกันห้องนึงครับ

Fantastic Guest : มาเต็ม เล่นใหญ่รัชดาลัย ด่าโรงแรมห่วยอย่างนั้น ระบบห่วยอย่างนี้ (ทั้งๆ ที่พนักงานก็แจ้งแล้วว่ารับเป็น On Request)

Hotel Man: ยืนฟังอย่างสงบและไว้อาลัยให้ตัวเอง… พอสักพัก Fantastic Guest พูดจบก็อธิบายต่อว่า “ตอนนี้เรามีสองห้องนี้ครับที่ใกล้กันที่สุดครับ”

Fantastic Guest: ไม่ค่ะ (เสียงแข็ง) ชั้นจะเอาห้องที่ติดกัน ถ้าไม่มีก็อัพเกรดชั้นไปซิ คุณต้องรับผิดชอบนี่ความผิดคุณ (ตรงไหนวะ เฮ่อๆ)

Hotel Man: ใช้ท่าไม้ตายเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะอัพเกรดฟรีง่ายๆ “เราไม่มีห้องสำหรับ Upgrade นะครับสำหรับตอนนี้ ห้องสองห้องที่เราจัดการให้เป็นห้องที่ใกล้กันที่สุด ณ ตอนนี้ครับ

Fantastic Guest: นี่รับผิดชอบได้แค่นี้เหรอ ชั้นจะไปโพสต์ลงเว็ปถ้าทำได้แค่นี้

Hotel Man: ยืนนิ่งเป็นตอม่อสะพานพระราม 8 ก่อนแจ้งกลับ “เราเสนอทางเลือกที่ดีสุดให้คุณผู้หญิงแล้วนะครับ เพราะอย่างที่ผมได้แจ้งไป เรารับคำขอพิเศษเป็น On Request นะครับ ถ้ามีเรายินดีจัดให้แน่นอนครับ……คุณผู้หญิงจะ check in เลยไหมครับ? 

Fantastic Guest: หันไปปรึกษากันพึมพัมๆ ก่อนหันกลับมาเหวี่ยงว่า “จองมาแล้วก็ต้องพักแหละเพราะเลือกไม่ไดเนี่ ห้องไม่มีก็ไม่ยอมรับผิดชอบด้วยการอัพเกรดให้ แก้ปัญหาได้ทุเรศมาก”

 Hotel Man: “ขอบคุณครับ” แล้วก็ทำเช็คอินพร้อมส่งกุญแจให้อย่างเร็วไว




วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“การให้ยากับแขก”

“การให้ยากับแขก”

ปัญหาการทำตามกฏความปลอดภัยง่ายๆ ที่อาจกลายเป็นเรื่องหนักใจต่อการไม่ใส่ใจแขก จริงๆ เราทุกคนคงรู้แหละว่าโรงแรมส่วนใหญ่ถ้าไม่มีห้องพยาบาลและมีพยาบาลในโรงแรมเค้าจะห้ามให้ยากับแขก แต่มันก็มีบางครั้งที่เราก็รู้อยู่ว่ามันเป็นยาพื้นฐานหรือยาที่มิได้มีอันตรายมาก เช่น ยาสามัญประจำบ้านทั่วไปอย่าง ยาแก้ปวด พาราเซตามอล ยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดง ซึ่งเป็นยาที่เรากินอยู่ทั่วไปปกติ แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าแขกนั้นอาจจะแพ้ยาพวกนี้ด้วยก็ได้ ซึ่งถ้าเกิดอาการแพ้ยาขึ้นมาแล้วช่วยเหลือไม่ทันมันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตแขกเอง

ด้วยเหตุนี้หลายหลายโรงแรมจึงมีนโยบายที่จะไม่ให้ยาอะไรเลยกับแขก แต่บางเหตุการณ์มันก็ทำให้ดูเหมือนโรงแรมไม่สนใจและไม่ช่วยเหลือแขกและนำาซึ่ง Comment หรือ Review ที่แย่ๆ ได้ เช่น แขกลงมาบอกว่า “อยากขอยาพาราเซตามอลแกปวดหัวหน่อย”

ปกติเราก็รู้กันอยู่ว่ายาพาราเป็นยาทั่วไปที่ใช้กินกันเวลาแกปวดหัวอยู่แล้วและแม้เราจะถามแขกเพื่อความแน่ใจว่าแพ้ยาหรือเปล่าแล้ว ซึ่งแขกอาจจะตอบว่า “ไม่แพ้” แต่เอาจริงๆ แขกบางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองยานะ ในกรณีนี้ถ้าเราให้ยาแขก โอเค...มันก็อาจจะทำให้แขกประทับใจในความช่วยเหลือแล้วก็กินยานั้นไปโดยที่ไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ก็ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าหากแขกกินเข้าไปแล้วเกิดผลข้างเคียงจนทำให้แพ้ยาและเป็นอันตรายถึงชีวิตขึ้นมาล่ะ???

แบบนี้โรงแรมก็ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ในฐานะคนที่ให้ยานี้กับแขก จากเหตุการณ์นี้ถ้าเราไม่ให้แขกและปฏิบัติตามกฎซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง....แต่บอกว่า “ให้แขกที่กำลังปวดหัวเดินไปซื้อยาเองหรือให้ไปหาหมอรักษาที่คลินิกหรือโรงพยาบาล” แม้แขกจะยืนยันว่าอาการปวดหัวมันเป็นการที่ไม่หนักหนาอะไรแต่อยากได้แค่ยาแบบนี้รับรองได้เลยว่า “ถ้าไม่ให้” พวกเอ็งและโรงแรมก็จะต้องโดนต่อว่าอย่างแน่นอน แล้วพวกเอ็งมีความคิดเห็นในเรื่องนี้กันยังไงบ้าง???

เพราะตอนนี้ปัญหานี้น่าจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่หลายๆ คนหลายๆ โรงแรมพบเจอ เนื่องจากตอนนี้การเจ็บป่วยมันเกิดขึ้นได้ง่าย คืนนี้เรามาลองมาระดมความคิดหรือแชร์เคสกัน!!!




วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

วันนี้มาพบกับ 10 อันดับ ประโยคสุด Classic ของ Fantastic Guest

วันนี้มาพบกับ 10 อันดับ ประโยคสุด Classic ของ Fantastic Guest 

 
  1. "ห้องไม่มี Upgrade Free ให้ไม่ได้หรือไง" เป็นคำพูดที่จะทะลุออกมาจากพวกเค้าเวลาที่เค้าพยายามจะหาทางได้ Upgrade Free และพยายามทำให้ห้องพักมีปัญหา เช่น น้ำไม่ไหล ไฟดับ
  2. "ตอนนี้เพิ่ง 10 โมง ให้ Check In บ่ายสองแล้วชั้นจะไปอยู่ที่ไหน" เป็นอาการที่พี่แกมา ECI แล้วอยากจะเข้าห้องทันทีโดยไม่สนหอ สนตอ ว่าเวลา Check In Time คือ บ่ายสองโมง 
  3. "พี่จองอาหารเช้ามานะ แล้วทำไมต้องจ่ายเพิ่ม" เหลือบไปดู VCH จอง RO มาตั้งแต่ Check In และผ่านการ Confirm มาแล้วตอน Check In กับ G.S.A ว่า RO (Room Only)
  4. ขอ LCO (Late Check Out) สัก 4 โมงเย็นนะลูกพี่กำลังเล่นน้ำอยู่ ครับพี่แขกใหม่ต้องนั่งรอลูกพี่ใช่ไหมครับ เฮ่อๆ
  5. ขอ Floor สูงๆ นะน้อง (โรงแรมมี 10 ชั้น ห้องอยู่ชั้น 10 สูงกว่านี้ก็ดาดฟ้าแล้วครับ) 
  6. พี่รู้จักกับเจ้าของโรงแรม ขอราคาพิเศษนะคะ.... แต่เจ้าของโรงแรมเค้ารู้จักพี่ด้วยไหมครับนี่ 
  7. "พี่ไม่ได้กิน Mini Bar ในห้องเลยนะ พี่ไม่จ่ายหรอก".... ไปดูที่ถังขยะเจอกระป๋องแฟนต้าวางหราอยู่เลย 
  8. "น้ำเปล่านี่ เอามาให้พี่วันละแพ็คเลยนะคะ พี่กินน้ำเก่ง" ... โรงแรม 3 ดาวค่าห้อง 1 พันนิดๆ ขอน้ำฟรีวันละแพ็ค
  9. "พี่มากัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ถ้าพักด้วยกันไม่ได้แล้วจะให้พี่ไปนอนที่ไหน" ... ไม่ได้บอกว่าพักไม่ได้ครับพี่แต่อยากให้จ่ายค่า EB (Extra Bed) ที่พี่ไม่ยอมจ่ายอ่ะครับ 
  10. "พี่มาพักปีที่แล้วราคาไม่ใช่ราคานี้นะ มันถูกกว่านี้" .... โรงแรมเพิ่งเปิดยังไม่ถึงปี พี่มาพักตอนไหนครับ

         ปล. พวกเอ็งมีอะไรอีกม่ะ มาเติมกันได้ ณ จุดๆ นี้ 



วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

Ok จำได้และว่าจะเล่าเรื่องอะไร

คือเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วเนี่ยช่วงนั้นบัตรเครดิตปลอมมันระบาดหนักมากแล้วในส่วนของโรงแรมเองเราก็มีการเฝ้าระวังกันอยู่ตลอดมีทั้งการทำ Training การดูบัตรปลอมเบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาให้คำแนะนำ จริงๆ ตอนนั้นวิวัฒนาการโรงแรมยังไม่นิยมจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตกันสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะใช้เงินสดหรือจ่ายมาตั้งแต่ตอนจอง ทีนี้มันมีครั้งนึงที่เฮียรับแขก Walk In คนนึงเป็นผู้ชายสัญชาติแถวๆ เอเชียบ้านเรานี่แหละ มากันสองคนก็ดูปกติแต่งตัวดูดีมีสถุนรุนชาติมากมาถึงก็ถามว่า (แปลเป็นไทยเลยละกัน) "มีห้องว่างไหมครับ" เฮียก็ดูในระบบมันก็มีห้องว่างเยอะอยู่แต่เราก็ต้องแอบเนียนๆ สร้าง Demand เล่นใหญ่นิดนึง 555 เลยบอกไปว่า "ตอนนี้มีห้องอยู่นะครับ จองเลยไหมครับเดี๋ยวเผื่อมีแขกท่านอื่นจองเข้ามาก่อน" แขกก็ตอบเฮียว่า "จองเลยครับ" อันนี้แว้บแรกเฮียเอะใจนิดนึงแต่ยังไม่ได้นึกถึงบัตรเครดิตนะเพราะพวกเอ็งของคิดดูนะ โดยธรรมชาติของแขกไม่ว่าจะ Wonderful Guest หรือ Fantastic Guest หรือแม้แต่พวกเราที่ในบางครั้งแปลงร่างจาก Hotel Staff ไปเป็น Guest แม้ค่าห้องจะถูกยิ่งกว่าโลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ แม็คโคร แต่ยังไง ยังไง เราก็ต้อง "ต่อราคา" กันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติแต่นีไม่ต่อเลย ด้วยความที่กลัวแขกจะเข้าใจผิดเฮียก็เลยแจ้งค่าห้องก่อนว่า "ค่าห้องพัก 3,000 บาท รวมอาหารเช้า Service Charge และ VAT แล้วนะครับ" แขกก็ตอบมาเฉยๆ ว่า "ครับ"

แต่ทีนี้มันมีพิรุธตรงนี้แขกควักบัตรเครดิตออกมาให้เฮียก่อน Passport แล้วบอกประมาณว่า "ช่วยเช็คให้หน่อยว่าบัตรเค้ารูดผ่านมั้ย? ถ้าผ่านเค้าจะได้เอาห้อง แต่ถ้าไม่ผ่านเค้าจะได้ไปกดเงินมาให้แทน" คืองานโรงแรมอย่างที่เฮียบอกแหละทุกๆ แผนกในส่วนของ Operation หรือแม้แต่ Back Office เวลาทำงานไปนานๆ มันเหมือนจะมี Sense พิเศษอย่างนึงเวลาที่เราเจออะไรที่ผิดปกติเพราะลองคิดภาพตามว่าเราเจออะไรที่ทำมาอย่างถูกต้อง ทุกวันๆ เราวันนึงเราเจออะไรที่ไม่ปกติเราจะรู้ทันที อันนี้เฮียก็เอะใจแหละแต่ก็รับบัตรมาแล้วพยายามพาแขกไปอยู่ในวิถีมุมมองของ CCTV พอรับบัตรมาแล้วกำลังจะเอาบัตรเข้าเครื่อง EDC เหลือบไปเห็นเลขหน้าบัตรตัวแรกขึ้นต้นด้วย "5" ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทำ Training น้องๆ ให้หัดสังเกตบัตรปลอมช่วงนั้นรู้เลยว่า "บัตรใบนี้ปลอมแน่นอน 100%" เพราะมันเป็นบัตร VISA ซึ่งหมายเลขประจำของ VISA มันจะขึ้นต้นด้วย "4" ไม่ใช่เลข "5" ที่เป็นหมายเลขของ Master Card เค้า ยังไม่นับรวม AMEX ที่เป็นเลข "3" แต่นี่บัตรเป็น VISA แต่เสือกขึ้นต้นเลขหน้าบัตรด้วย "5" ไม่รู้ว่าสองบริษัทนี้มันไป Merge กันตอนไหนวะเนี่ย ตอนนั้นเอาจริงๆ เราก็พนักงานโรงแรมธรรมดาอ่ะนะ จะให้แจ้งตำรวจมาตรวจสอบเลยมันก็จะข้ามหน้าข้ามตาไปและคงต้องส่งผลกระทบกับฝ่ายบริหารที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเฮียก็เลยบอกแขกว่า "รอสักครู่นะครับ" (แต่ตรงนี้อ่ะพลาดเพราะดันลืมบอกน้องอีกคนให้ดูแขก 2 คนนี้ไว้ก่อน) แล้วก็รีบเอาบัตรเข้า Office ไปหา RM บอก "มีแขกเอาบัตรปลอมมาใช้" RM ก็รับไปดูแล้วก็เรียก Security Manager ขึ้นมา 3 คนหารือกันสักพักก็ตัดสินใจว่าจะโทรเรียกสายตรวจเข้ามาเชื่อมั้ยว่าผ่านไปแค่ 5 นาทีเฮีย ย้ำว่าแค่ 5 นาที เฮียออกมา แขกสองคนนี้หายไปเรียบร้อยแล้ว ถามน้องมันบอกว่า "เห็นแขกออกไปแล้วตั้งแต่เฮียเข้าไป เลยนึกว่าแขกไม่เอาห้อง"

คือพอเฮียถือบัตรเข้าหลัง Office ก็เหมือนเค้าจะรู้ตัวและออกไปเลย สุดท้ายเฮียก็ต้องมานั่งทำ Incident Report ส่วนพี่ RM กับ Sec.Mgr. ก็ประสานงานกับสายตรวจต่อ จากนั้นก็ส่งข้อมูลแชร์กันในสมาคมโรงแรมเกี่ยวกัับรูปพรรณลักษณะของแขกกสองคนนี้ให้เฝ้าระวังเอาไว้นี่แหละ.... ปล. เวลาเจออะไรที่สุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับพวกมิจฉาชีพพวกนี้ พวกเอ็งต้องตั้งสติดีๆ และที่สำคัญ "อย่าทำคนเดียว" ให้หาคนช่วยหรือคนที่จะรับรองความปลอดภัยให้กับเอ็งได้เสมอ หัวหน้างาน หรือไม่ก็ GM แม้แต่ Owner เลยก็ได้ เวลามีปัญหามาจะได้ไม่เจ็บตัว


บทความแนะนำ