วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ร่างแหลก





ร่างแหลกกันไปหรือยังกับมหกรรมการ Check Out หลัง Long Weekend นี้ เรื่องข้าวปลาอาหารนี่เฮียคงไม่ต้องถามนะเพราะคาดว่าทุกคนคงไม่ได้ แด๊กส์ กันถ้วนหน้าเมื่อพบกับคลื่นมหาชนที่ถล่มทลายเข้ามา ไหนๆ ก็ไหนๆ และ วันนี้เฮียก็ขอพูดถึงเรื่องที่เจอบ่อยเวลาที่เราต้องพานพบกับการ ถล่ม Check Out ของแขกหลังช่วง Long Weekend

1. จด Mini Bar ผิดรายการ อาจจะด้วยทำงานอย่างอื่นไปด้วยในขณะที่แม่บ้านกำลังบรรเลงรายการมินิบาร์ โดยเฉพาะห้องที่แขกกินเข้าไปเยอะ และพูดมาอย่างไม่ขาดสายเพราะแม่บ้านก็ต้องรีบ บางทีจดผิดจดถูก แขกกินโค้กดันไปจดเป็น Condom หรือแขกกินช๊อคโกแลตไปจดเป็นแขกกินน้ำแร่เปอร์ริเอ้ สนุกสนานกันเลยมึง บางทีแขกก็ไม่รู้ตัว แต่พอแม่บ้านเอารายการมาเทียบกับ Front ปรากฏว่ารายการผิดหรือไม่ครบแขกจ่ายเงินขาด อันนี้ก็ช๊อตกันไป

2. Post รายการใน Folio ผิดแต่ดันไม่ Correction ออก สันนิษฐานว่าเกิดจากภาวะโรคแทรกซ้อนที่เรียกว่า “Telephone ลิซึ่ม” เนื่องจากรับสายที่กระหน่ำโทรมาแล้วลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก ประกอบกับแขกห้องที่ Check Out ในระบบก็กำลังทำอยู่พร้อมกัน ทีนี้พอเรียกเก็บเงินยอดก็เกินและสิ่งที่ตามมาก็คือหัวจะหายไปเพราะแขกแดกไปเรียบร้อยแล้ว 3. เครื่อง EDC เสีย..บอกตรงๆ ว่าจากการที่มันทำงานหนักและรูดบัตรรัวๆ หนักมาก บางทีเครื่องแม่งก็เกิดอาการท้อแท้กับชีวิตเลย Error แม่งเลย รูดไม่ได้ซะดื้อ งานนี้ก็ ซิบแซป กันไปซิมึง (แต่เดี๋ยวนี้เครื่องซิปแซป แบบที่เอาบัตรวางแล้วรูดก่อนโทรขออนุมัตวงเงินคงไม่มีแล้วมั้ง)

4. โดนกดดันด้วยประโยค “เสร็จหรือยังคะน้อง พี่รีบไป” บอกตรงๆ ว่ามันเป็นอะไรที่นรกแตกมาก เพราะความกดดันจะตามมาด้วยการทำให้เราลน โดยเฉพาะน้องใหม่ที่ชั่วโมงบินยังไม่เท่ารุ่นพี่ ที่จะเกิดอาการ เอ๋อเหรอ ได้ง่ายเนื่องจากกลัวแขกที่ยืนแยกเขี้ยวจะกินหัวอยู่ แถมมีบางครั้งแขกก็ใช้เป็นทริกให้พนักงานคิดยอดเงินผิดพลาดจะได้จ่ายน้อยๆ อีกต่างหาก

5. ระบบล่ม ...บอกตามตรงว่าถ้าเจอปัญหานี้อยากจะเอาคีย์การ์ดปากคอตาย หรือเอาหัวโขกเคาน์เตอร์แม่งตรงนั้นเลย ไหนแขกก็จะรีบ Out และยังรออยู่อีกเป็นร้อย ซึ่งเราดูรายจ่ายแขกไม่ได้เลย Manual กันสนุกสนานซิมึง

6. อดข้าว.. อันนี้ไม่ใช่การประท้วงรัฐบาลหรืออะไรนะ แต่มันจะเป็นอะไรที่ยุ่งมากจนแม่งไม่มีเวลาที่จะ Manage ไปกินข้าวได้เลยแม้แต่นาทีเดียว จะรีบไปรีบกลับก็สงสารเพื่อและกลัวไม่ทัน ครั้นจะสั่งข้างนอกมากิน บอกตรงๆ ว่าจากข้าวกลางวันแม่งคงเป็นข้าวเย็นไปแล้วล่ะ

7. แขก Complain ขอส่วนลดหรือไม่จ่ายบางรายการ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องปลีกเวลาไปสืบสวนสอบสวนก่อนเพื่อให้ทราบว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไรซึ่งใช้เวลาพอสมควร ส่วนใหญ่แขกประเภทนี้จะตั้งแง่มาตั้งแต่ก่อน Complain แล้วว่ายังไงกูก็ไม่จ่าย แล้วก็จะมากดดันพนักงานอีกดอกว่า “เร็ว ๆ หน่อยรีบ” แบบนี้เป็นต้น

8. รอเอกสาร..อันนี้เป็นการตบตีกันเองในหมู่พนักงานแบบขำๆ เพราะบางที่แต่ละ Counter มันจะมีเครื่อง Print ที่ต้องใช้ร่วมกัน ซึ่งเวลา Print Guest Folio หรือ Receive ก็ต้องคอยถามว่า “ใคร Print หรือ ของใคร” เวลารีบๆ นี่หยิบผิดหยิบถูกกันเลยทีเดียว

9. แม่บ้าน Check Mini Bar ไม่ทันเพราะกระหน่ำ Out กันแบบไม่ขาดสาย อันนี้ก็ต้องวัดใจถามแขกเอาเลยว่า “เมื่อคืนได้กินมินิบาร์อะไรไปมั้ย” เจอแขกพูดจริงหรือจำได้ก็ได้ ถ้าเจอแขกจำไม่ได้อันนี้ก็ จบข่าว

10. Bell Boy ขนกระเป๋าไม่ทันในขณะที่แขก Check Out เสร็จเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็ต้องเข้าใจเพราะเวลาที่เล่า Out พร้อมๆ กันหมดเกือบทุกห้อง การวิ่งขึ้นวิ่งลงของ Bell Boy ก็ต้องใช้เวลาสักนิด แต่มันก็ไม่ทันกับอารมณ์ของแขกอย่างแน่นอน

ปล. ช่วงนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนโดยยาดมแก้เป็นลมตรา Late Check Out.. "รีบๆ Check กันเข้า แขกก็ยังไม่ Out สักที"

จองมาน๊ะเว้ย

15 เมษายน 2553



วันนี้เริ่มต้นทำงานดูเหมือนว่ามันจะดีเพราะแขกค่อนข้างน้อยเนื่องจากบรรดาแขกทั้งหลายได้สิ้นสุดการเล่นสงกรานต์และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครสีแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แล้วไม่ทันไรก็ปรากฏร่างเงาของชายคนหนึ่งเดินเข้ามา Check in เวลาประมาณ 10 โมงเช้า ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นเวลาก่อนการเช็คอินท์ของทุกโรงแรมในสากลโลกนี้ Good Morning May I help you?” ผมทักทายตามปกติของพนักงานโรงแรมทั่วไปที่ไม่ว่าจะเจอแขกดี แขกไม่ดี เจอหมา เจอแมว เจอยาม เจอใครต่อใครก็จะต้องทักทายอย่างเป็นมิตร หากเวทีนางงามทั้งหลายไม่ว่าอะไร ช่วยเอารางวัลนางงามมิตรภาพมาให้ผมก็ดีน๊ะครับ “I have a reservation” แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า ฉันจองห้องมาแล้วน๊ะ หลังจากนั้นผมก็ขอพาสปอร์ต ให้ลงทะเบียน แล้วก็เก็บเงินมัดจำปกติ เสร็จสักพักก็บอกให้เขารอห้องประมาณ 11.00 ครึ่ง พอได้ยินว่าต้องรอห้องเท่านั้นแหละครับ ผี ห่า ซาตาน ที่ไหนไม่รู้เข้าสิง ตบ counter ดัง ป้าบ (แต่จริง ๆ น่าเป็นผมตบกระบาลมันมากกว่าที่เสือกมาทำเสียงดังหน้าล็อบบี้ เยี่ยงนี้) “ I already call to ask the reception she say I can check in” คราวนี้ผมขึ้นเลยครับ เพราะผมมั่นใจว่าโรงแรมที่เป็น International Shane อย่างโรงแรมผมไม่มีทางที่พนักงานจะฆ่าตัวตายด้วยประโยคที่เขาอ้างถึงว่า เขาโทรมาถามพนักงานแล้วเมื่อเช้าพนักงานบอกว่าเช็คอินได้เลย ผมจึงแจ้งแกกลับไปว่า “Sorry sir who’s informed you please show me. I will terminate her now” ผมตอบกลับแบบเดือด ๆ เลยครับประมาณว่า ขอโทษน๊ะครับ ชะนีตัวไหนบอกคุณว่าเช็คอินได้เลย ช่วยชี้หนังหน้ามันหน่อย กรูจะได้ไล่มันออก ณ บัดนาว ทีนี้มันอึ้งแดกส์ไปเลยครับ ไม่คิดว่าผมจะเล่นแรงขนาดนี้ สักพักพอเห็นว่าผมเอาจริงก็เลยทำเป็นย้อนถาม OK the room will be ready at 11.00 right I will wait. ฮึ เออ มึงก็ต้องรอนั่นแหละหรือมึงจะขึ้นไปช่วย maid กูทำห้องล่ะไอ้ฟาย สักพักมันก็เดินไปนั่งรอที่โซฟาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมบอดี้มากครับ สะใจอย่างแรง. ต่อมาเมื่อเวลาประมาณบ่ายสองโมงเจออีกแล้วครับ อีพวกชอบอ้างถึงอ้างว่า โทรมาจองเลยครับ “น้องคะพี่ขอห้องแฟมิลี่เรท 2,300 บาทรวมอาหารเช้าน๊ะค่ะ” น้าน สาด นี่มึงเป็นพนักงานหรือกรูเป็นเนี่ย โทรเสร็จบอกราคาบอกอาหารเช้าให้เสร็จเรียบร้อย นี่ถ้ามีเวลาสงสัยมันคงรวบภาษีกับค่าเซอร์วิสชาร์จให้ผมด้วยมั้ง แต่ที่โมโหที่สุดคือตอนลงท้ายครับมันบอกยังไงรู้มั้ยครับ “พอดีพี่รู้จักกับ Operation Manager น่ะค่ะ” น้าน มีอ้างถึงด้วย แต่งานคงเข้ามันน่ะครับเพราะแกออกไปแล้ว “ขอโทษน๊ะครับพี่ Operation Manager ที่พี่พูดถึงน่ะเค้าออกไปแล้วครับ” เงียบครับทีนี้ ความเงียบเข้าครอบงำการสนทนาทันทีเลยครับ ประมาณว่าเจ๊แกเข้าเยาวราชแล้วหาทางออกไม่ออกประมาณนั้นเลยครับ ผมไม่ปล่อยเวลาให้เสียปล่าวครับ ทับถมต่อเลยครับ “ขอโทษน๊ะครับพี่ตอนนี้ Rate ที่เราขายอยู่ที่ 4,000 บาท ครับ ช็อค ครับทีนี้ เธอช็อคครับ ได้ยินเสียงตามสายเล็ดลอดออกมาครับ “ว๊าย ทำไมแพงจัง” สักพักสงสัยเธอทำอะไรไม่ถูกมั้งคับเธอเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวพี่ขอคิดดูก่อนน๊ะค่ะ แล้วก็วางหูไปเลยคับ เออ เอากะเจ๊แกซิ

มาเองไม่ใช่หรือไงวะ



แว้บแรกที่นึกว่าตัวเองจะทำบล็อกอะไรดี ผมนึกอย่างอื่นไม่ได้เลยว่าถ้าผมไม่เขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับอาชีพที่ผมทำอยู่ในขณะนี้ แล้วผมจะไปเขียนเรื่องอะไรได้อีก เพราะอาชีพงานบริการโดยเฉพาะงานโรงแรมอย่างผมนั้น ถือได้ว่ามีสีสันเป็นอย่างมากเพราะเนื่องจากเราต้องทำงานตามอารมณ์แขกที่เข้าพัก ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิดอย่างไร พนักงานโรงแรมทุกคนจะถูกสอนให้จำไว้เสมอว่า แขกถูกตลอด แม้บางเรื่องที่เขาตำหนิ จะรู้ทั้งรู้ว่าเราไม่ผิดเพราะลูกค้าทำไม่ถูกเอง เช่นจะใช้สิทธิ์ห้องพักราคาสมาชิกแต่เจ้าของบัตรไม่ได้มา และก็ไม่มีบัตรมาเพียงแต่แอบอ้าง เชื่อมั้ยครับว่า เราก็ต้องให้เขาพักในราคาสมาชิก จริง ๆ อาชีพนี้เป็นอาชีพที่คลาสสิคครับ คือคุณสามารถโดนด่าได้ตลอดเวลาโดยที่คุณอาจไม่ทันตั้งตัว อีกอย่างหนึ่งที่ลืมเอ่ยถึงไม่ได้ก็คือ โรงแรมจะเหมือนกับสถานที่สำหรับพวกที่เก็บกดทั้งหลายที่เคยแต่บริการเค้า แต่ไม่ได้เคยได้รับการบริการเลย พวกนี้เวลามาก็จะชอบขอนู้นขอนี่ขอนั่น พนักงานโรงแรมเหมือนคนใช้สำหรับเขาต้องฟังเขาต้องตามใจเขา อีกอย่างที่เจอก็แขกพวกผู้สูงอายุขี้เหงา ประมาณว่าอยู่บ้านลูกเต้าไม่คุยด้วยเลยมาหาเรื่องตำหนิโรงแรม เพื่อจะได้มีคนสนใจ ประโยคนึงที่ผมจำตลอดเวลาที่ทำงานโรงแรมก็คือ “ถ้ารู้อย่างนี้ กรูไม่มาทำงานโรงแรมดีกว่า” เป็นประโยคที่ผมต้องสำนึกจำใส่กะโหลกน้อย ๆ ของผมอยู่ตลอดเวลาที่ผมคร่ำหวอดอยู่ในวงการโรงแรม ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่างานโรงแรมไม่ดี แต่เปล่าเลยงานโรงแรมน่ะดี ๆ มากถึงมากที่สุดในเรื่องของรายได้และการเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานอันใหญ่โตมโหฬารบานตะไท แต่ก่อนที่คุณจะไปถึงจุดนั้นได้คุณต้องผ่านกับสารพัดเรื่องเหล่านี้ให้ได้ซะก่อนโดยที่คุณต้องไปไม่ความรู้สึกรู้สาอะไรประมาณว่าตายด้านไปเลยได้ยิ่งดี สิ่งแรกที่คุณจะต้องเจอคือเรื่อง Guest Complain นี่คือเรียกให้หรูแต่ถ้าเรียกภาษาบ้าน ๆ ก็คือ ต้องโดนแขกด่านั่นเอง ตัวอย่างที่ผมเคยเจอมาก็เป็นกรณีสุดฮิตครับ ประเภทว่า she มาเช็คอินท์ตั้งแต่ 10 โมงเช้าซึ่งตามกฏโรงแรมมันเป็น Early Check in ต้องทำ Charge ครึ่งราคาของค่าห้องใช่ไหมครับพอแจ้ง she ไปปรากฏว่า She ก็ไม่เอาค้า โชว์ความเป็นคุณแม่บ้านยอดประหยัดอันเป็นที่รักของสามีสุดฤทธิ์ ผมก็โอเคครับงั้น Check in Time บ่ายสองโมงน๊ะครับซึ่งผมก็มั่นใจว่ามันเป็นเวลามาตรฐานการ Check in ของโรงแรมทั่วโลกแม้แต่โรงแรม ห้าดาว หกดาว เจ็ดดาว แปดดาว หรือหาดาว มันก็ต้อง check in ตอนบ่ายสองโมงเป็นสรนะ ก็โอเค She ก็กรอก Register ทำ Card Verified เป็น Deposit ค่าห้องให้เรียบร้อยสุดฤทธิ์ แล้วสักพัก She ก็หายไป ผมก็โอเคโทรแจ้งแม่บ้านขอห้อง VC (ห้องสะอาดเตรียม Check in) สักพักเวลาประมาณ 12 นาฬิกาตรง ปรากฏร่างของหญิงผู้หนึ่งเดินมาที่หน้า Lobby พร้อมกับสอบถามผมด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มว่า “ห้องพี่ได้หรือยังคะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้า She อย่าง งง พลางนึงในใจ (อ้าวอีนี่ เมื่อกี้กูบอกมึงแล้วนี่ว่าถ้าเมิงจะเช็คอินท์ก่อนบ่ายสองกูจะขอชาร์จครึ่งราคาแต่เมิงได้ห้องเลย เมิงก็ไม่เอา เมิงจะรอ พอกรูบอกถ้ารอก็เช็คอินท์บ่ายสองโมง แล้วนี่เพิ่งเที่ยว เมิงจารีบมาหาลูกสาวคุณยายเมิงเหรอ) ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพนักงานโรงแรมทุกคนที่ต้องยิ้มไว้ก่อน ผิด ถูก โกรธ โมโห หรืออะไรกูไม่รู้แต่ที่รู้คือกรูต้องยิ้มไว้ก่อน “ตอนนี้ห้องยังไม่เรียบร้อยครับเดี๋ยวบ่ายสองโมงรบกวนมาติดต่ออีกทีน๊ะครับ” พลันสิ้นประโยค She ก็ ปรี๊ดแตกเลยครับ “อะไรกันน้อง พี่รอห้องมาสองชั่วโมงแล้วน๊ะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ เนี่ยมาตั้งแต่สิบโมงแล้วน๊ะ นี่โรงแรมห้าดาวน๊ะเนี่ยทำไมปล่อยให้แขกรอห้องนานจัง” แม้ว่าผมจะอธิบายเท่าไหร่เธอก็ไม่สนใจ ประมาณว่าผมคงพูดคนละภาษากับเธอน่ะคับ ทั้ง ๆ ที่มองหน้าเธอแล้ว เอ นี่ก็มนุษย์โลกเหมือนเรานี่หว่าไม่ได้พวกต่างดาวซะหน่อยทำไมกรูพูดกับมันไม่รู้เรื่องวะ เธอวีนอยู่ได้สักพักนึง แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับอารมณ์ งง ๆ ของผม เอ๊ะ เมิงมาโรงแรมตอน 10 โมง กรูก็ไม่ได้ไปลากเมิงออกมาจากที่นอนนี่หว่าเมิงก็ขับรถมาของเมิงเอง แล้วตอนเช็คอินกรูก็บอกแล้วว่า บ่ายสอง นี่มันเพิ่งเที่ยง ไม่ทราบว่านาฬิกาเมิงนี่ไม่ได้ตั้งตรงตามเวลาในสากลโลกเหรอ หรือเมิงดูนาฬิกาไม่เป็นวะเนี่ย ไม่เข้าใจ นี่คือตัวอย่างกรณีแรกที่พนักงานโรงแรมต้องเจอและต้องเตรียมตัวให้พร้อมอารมณ์ประมาณว่า ติวคณิตพิชิตเอนทรานส์ประมาณนั้นเลยคับ

คลื่นเหงาสาวข้างห้อง




ย้อนกลับไปที่ case อยากได้ห้อง connecting อีกทีน๊ะครับ เคยเจอเคสนึง มาคนละครอบครัวแต่ต้องการห้องติดกันและที่แปลกกว่านั้นน๊ะครับ ครอบครัวนึงพ่อมากับลูก ๆ อีกครอบครัวนึงแม่มากับลูก ๆ แล้วจะไม่ให้ผมอดคิดได้ยังไงครับว่าตกกลางคืนอาจจะมีมหกรรมการแลกเปลี่ยน สมบัติผลัดกันชมอะไรเงี๊ยะเกิดขึ้นเพราะถึงตอนที่เราแจ้งว่า “ขอโทษน๊ะครับทางเราไม่มีห้อง connecting เลยน่ะครับ รบกวนขอเป็นห้องใกล้กันแทนได้ไหมครับ ทั้งสองคนรีบตอบพร้อมกันเลยครับ “ไม่ได้ครับ/ค่ะ” แหมใจก็อยากจะบอกน๊ะ ว่าแล้วทำไมเมิงไม่นอนด้วยกันให้มันรู้เรื่องไปเลยว่ะมาฟอร์มจัดทำเป็นแยกห้องรักษาภาพพจน์กันทำไม ด้วยความหมั่นไส้ปนโมโหนิด ๆ ครับผมเลยแจ้งไปว่าถ้ามีห้องต้องรบกวนรอง 3 ชั่วโมงน๊ะครับ ซึ่งจริง ๆ ห้องมันก็มัแหละครับแต่ยังไม่ได้ทำ ผมก็สงสารแม่บ้านและก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่จะไปเร่งให้เค้าทำห้องให้เพราะแขกก็เพิ่งออกไปแถมแขกที่ออกไปเป็นแขกที่มาจากเทือกเขาหิมาลัยอีก ไม่ต้องบอกน๊ะครับว่าสภาพห้องจะเป็นเยี่ยงไรเละเป็นโจ๊กโดนระเบิดเลยครับ (แต่ถ้าทำจริง ๆ 1 ชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ ฝากบอกแขกที่ชอบเรื่องมากนิดนึงน๊ะครับว่าอย่าคิดว่าท่านเป็นผู้ชนะเสมอไป พนักงานโรงแรมโรคจิตอย่างผมยังมี ฮิ ฮิ) เชื่อมั้ยครับขนาดบอกว่ารอทำห้อง 3 ชั่วโมง พวกเขายังยินดีที่จะรอพร้อมขอบคุณผมใหญ่ที่ทำให้ความฝันของเขาทั้งสองเป็นความจริง ผมเหลือกตาไปมองลูก ๆ ของพวกเขาพลางคิดในใจ คราวนี้ล่ะเมิงได้สมาชิกใหม่ในครอบครัวเพิ่มแน่ไอ้หนูเอ๊ย เสร็จสักพักผมก็โทรไปหาแม่บ้านพร้อมแจ้งแกด้วยความเร่งรีบ “พีครับ ห้อง connecting สองห้องนี้ ขอ VC ( เป็นศัพท์ทางโรงแรมย่อมาจาก Vacant Clean แปลตรง ๆ ก็คือ ว่างสะอาด เอ้ย ไม่ใช่ ทำห้องว่าให้สะอาดพร้อมอยู่ครับ) พร้อมกำชับแม่บ้านไปด้วยว่า ทำเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักน๊ะพี่ บอกแล้วครับ แขกผู้เข้าพักทุกท่านอย่าคิดครับว่าท่านเป็นผู้ชนะเสมอไป ฮ่า ๆๆๆ

ยังไม่อยากกลับโว้ย




กรณีต่อมากเป็นพวกที่ชอบขอ Late Check out ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนน๊ะครับว่าปกติการ Check out ทุกโรงแรมในสากลโลกนี้อนุญาติให้ Check out ได้แค่ เที่ยงวันแต่จะ Late ได้มากสุด บ่ายสองโมง มีเคสนึงที่ผมเคยเจอประมาณว่าตอนเช็คอินท์เดินมาบอกเลย “น้องค่ะพี่เป็น Member ของโรงแรมน้องค่ะขอเช็คเอาท์บ่ายสามน๊ะคะ” แล้วเธอก็เดินจากไปโดยที่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงหรือ เออ ออ อะไรด้วยเลย ก็นึกในใจ She นี่ก็หน้าด้านได้อีกเนอะ ถ้าตอนนั้นมีเวลาคุยก็อยากเอาไม้บรรทัดมาวัดหน้าเธอเหมือนกันว่าจะหนา 5 ห่วงได้สักกี่นิ้วกัน นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมคงตะโกนกลับไปว่า โอเคได้คับพี่เที่ยงวัน ขอบคุณคับ แล้วก็เดินจากมาเลย หากทำอย่างนี้คนที่งง ก็คงต้องเป็นเธอแหละครับคงไม่ใช่ผม แต่ก็อย่างว่าแหละคับ งานโรงแรม ทำได้แต่ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้มไปเรื่อย ๆ จำไว้น๊ะคับ นางงามคนไหนอยากได้ตำแหน่งแล้วต้องฝึกยิ้มให้มาทำงานโรงแรมน๊ะ คอนเฟิร์ม ว่าได้แน่ ไม่ใช่ On request ด้วย อีก เคส นึงเจอตอนนี้กำลังมาเข้ารอบกะบ่าย เดินมามึน ๆ เลยคับ เจ๊ะคนนี้ “น้องคะ Late check out ได้กี่โมงค่ะ” ผมก็ใจดีบอกเลยน๊ะครับ บ่ายสองโมงครับ เท่านั้นแหละ she ก็แสดงให้เห็นเลยครับว่านิสัยความไม่รู้จักพอมันเป็นยังไง “สี่โมงเย็นไม่ได้เหรอค่ะน้องให้พี่หน่อยเหอะ แหมพี่รู้น๊ะวันนี้วันจันทร์ไม่มีแขกมาต่อหรอก”    น่าน ขอแบบน่าเกลียดแล้วยังไม่พอมาโชว์ภูมิอีก ประมาณว่าอยากอวดรู้ว่ากรูเนี่ยเก่ง ผมนี่อึ้งแดกส์คับท่าน พูดไม่ออกในความหน้าด้านของเจ๊แก สักพักก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ได้จริง ๆ คับ เจ๊ เอ้ย คับพี่ ได้แค่บ่ายสองโมงคับ “ คราวนี้แกมาเลยคับ งั้นพี่ขอคุยกับผู้จัดการหน่อย ฮั่นแน่ เริ่มมีอ้างถึงคนใหญ่คนโตและ “ครับคุณผู้หญิง ผมนี่แหละครับผู้จัดการ” จากนั้นก็เริ่มวิงวอนพร่ำพรรณา ชักแม่น้ำทั้งห้า ท้องฟ้าทั้งหก นรกทั้งเจ็ด มารวมกันเพื่อที่จะให้ตัวเอง Late check out ให้ได้ตอน 4 โมงเย็น ประมาณว่าถ้ากูออกก่อนสี่โมงเย็นเนี่ยศาลต้องฟ้องล้มละลายกรูแน่เลย หรืออาจถูกยึดทรัพย์อะไรประมาณนี้แหละ ซึ่งดูไปดูมาแล้วเหมือนคนโรคจิตที่พยายามจะให้ตัวเองได้ตามที่ต้องการมากกว่า แต่ผมก็ยังยืนยันว่าได้แค่บ่ายสองโมงครับคุณผู้หญิง ยืนต่อรองกันอยู่นานประมาณเกือบ สิบห้านาทีได้ต่อกันเหมือนยืนต่อผักต่อปลาในตลาดนี่แหละ เปิดราคาที่ สี่โมงเย็น ผมต่อบ่ายสองโมงครึ่ง, เธอเปิดราคาอีกทีสามโมงครึ่ง ผมยืนยันราคาเดิมสองครึ่งขาดตัวคับพี่ นี่ไม่บอกต่อน๊ะเนี่ย ท้ายที่สุดจบลงที่บ่ายสองโมงครึ่งครับ แล้วเธอก็กลับไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะในเวลาที่เธอได้เพิ่มไปครึ่งชั่วโมงจากบ่ายสองโมงเป็นบ่ายสองโมงครึ่ง โอ้โห ดูเธอดีใจเหมือนชนะประกวดมิสยูนิเวิร์สเลยน๊ะครับเนี่ย คนเรานี่เวลาจะเอาอะไรให้ได้นี่ก็ต้องเอาให้ได้ซิเนอะ

Fintech


Hotel Industry พร้อมกันหรือยังกับการรองรับ Fintech

ในสมัยก่อนย้อนหลังประมาณ 10 ปีที่แล้ว เวลาทำงานโรงแรมเฮียจำได้ว่า ตอนลูกค้าหรือ Agency ที่จองห้องเสร็จก็ต้องนัดหมายกันให้โอนเงินเข้าบัญชีโรงแรม จากนั้นแผนกบัญชีก็ต้องคอย Check และแจ้งผลการได้รับชำระเงินกลับมาที่ Reservation เพื่อทำการ Confirm Booking ต่อไป ซึ่งถือว่าก็ค่อนข้างลำบากเหมือนกันกับแขกที่ทำการจองห้องพักและ Agency ที่ต้องหาธนาคารและวิธีการในการชำระเงินเพื่อ Guarantee Booking กับทางโรงแรม ถัดมาจากนั้นสักหน่อยก็เริ่มมีระบบ Internet Banking มาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปจ่ายค่าห้องที่ธนาคารด้วยตัวเองเพียงแค่นั่งอยู่หน้าคอมก็สามารถชำระเงินได้แล้ว ในส่วนของโรงแรมเองก็เริ่มมีการปรับตัวเพื่อรองรับกระแสนี้โดยเฉพาะแผนกบัญชีและแผนกบริหารที่ต้องอนุญาตให้ใครคนใดคนหนึ่งมีสิทธิในการ Log In เข้าไปตรวจสอบระบบบัญชีออนไลน์ของโรงแรมเพื่อให้ทราบว่ามียอดเงินโอนมาจริงๆ ไอ้โรงแรมขนาดเล็กที่เป็น Middle หรือ Economy Scale ประเภทมีเจ้าของคนเดียวห้องไม่เยอะและเจ้าของดูแลเองอันนี้ไม่ยาก แต่ในส่วนของ Large Scale ที่เป็นเชนมีระบบแบบแผนก็ต้องหาทางออกที่ดูเป็นขั้นเป็นตอนและยุ่งยากกันหน่อยแม้จะเสี่ยงในเรื่องของการทุจริตของพนักงาน แต่สุดท้ายก็ต้องปรับตัวจนได้เพื่อความรวดเร็วในการบริการ การ Confirm booking กับลูกค้า

ในระยะถัดมาก็มีบาง Agency หรือ OTA ใช้ระบบการชำระเงินที่เป็นลักษณะของการให้หมายเลขบัตรเครดิตเสมือนจริง (Virtual Card) เพื่อให้โรงแรมได้ตัดจ่ายเงินทันทีที่ Group หรือแขกของ Agency เข้าพักไปแล้วและมีการปิด City Ledger เข้าไปในระบบที่ถูกต้องเพื่อความรวดเร็วและสะดวกในการชำระเงินของ Agency เหล่านั้น

ถัดมาอีกไม่นานเราก็ต้องปรับตัวอีกครั้งกับการมาของ Solution การชำระเงินโดยตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคารแต่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกอย่าง Paypal ที่ทำให้บางโรงแรมต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการรายนี้ขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินไว้บริการลูกค้าอีกครั้งรวมถึงการเกิดขึ้นของ ระบบรับชำระเงินออนไลน์ใหม่ๆ อย่าง Paysbuy, Truemoney, หรือ Linepay,

และในปัจจุบันรวมถึงอนาคตอันใกล้ที่จะมาถึง คงต้องเป็นการเตรียมตัวเตรียมพร้อมอีกครั้งสำหรับธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจเดียวที่ยังคงเติบโตและเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องแม้สภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะเช่นไรก็ตาม อาจมีสะดุดบ้างแต่ก็เดินไปได้เรื่อยๆ กับการมาของกระแส Fintech ที่ต่อไปผู้ให้บริการทางการเงินจะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่กลุ่ม "ธนาคาร" เท่านั้น และยังรวมถึงการลดปริมาณการใช้เงินสดในการชำระเงินอย่างระบบ Promptpay สิ่งที่ท้าทายอุตสาหกรรมโรงแรมคือ ทำอย่างไรให้การให้บริการด้านการชำระเงินของลูกค้ามีความหลากหลายขึ้นและสะดวกสบายมากที่สุด เพราะพฤติกรรมลูกค้าทุกวันนี้รับไม่ได้กับการที่ต้องทำอะไรหลายขั้นตอน ยุ่งยากและรอนาน แม้ระบบการรับชำระเงินเหล่านั้นจะมีระบบ Plug In เพียงแค่เรานำมาเชื่อมต่อกับช่องทางการรับบริการชำระเงินง่ายๆ ได้ก็ตาม แต่มันก็มีในเรื่องของความเชื่อมั่นที่ต้องหาระบบมารองรับว่าหลังการเชื่อมต่อแล้วข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าจะไม่ถูกนำออกไปเผยแพร่ด้านนอกรวมถึงการถูก แฮก ข้อมูลด้วยเช่นกัน

เราจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง? วันที่ลูกค้าแค่เดินมาแล้วบอกหมายเลขบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือแล้วแจ้งชำระเงินได้? วันที่ลูกค้าจองห้องพักแล้วบอกให้เราเรียกเก็บเงินหรือตัดเงินจากบัญชี Linepay, Truemoney, หรือ Paysbuy? แม้แรกๆ เราอาจปฏิเสธว่าโรงแรมไม่มีบัญชีพวกนี้ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วในอนาคตที่บริการเหล่านี้จะเติบโตขึ้นเราคงหลีกเลี่ยงมันไม่ได้อย่างแน่นอนอยู่ที่ว่า "เราพร้อมแค่ไหนที่จะอยู่กับมัน" และพนักงานคงต้องมี Skill เพิ่มในการประสานงานกับผู้ให้บริการเหล่านั้นกรณีเกิดปัญหาไม่ได้รับเงิน,เงินหาย,หรือเงินไม่เข้าบัญชี, เป็นต้น

Hotel Man

บทความแนะนำ