Ok จำได้และว่าจะเล่าเรื่องอะไร
คือเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วเนี่ยช่วงนั้นบัตรเครดิตปลอมมันระบาดหนักมากแล้วในส่วนของโรงแรมเองเราก็มีการเฝ้าระวังกันอยู่ตลอดมีทั้งการทำ Training การดูบัตรปลอมเบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาให้คำแนะนำ จริงๆ ตอนนั้นวิวัฒนาการโรงแรมยังไม่นิยมจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตกันสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะใช้เงินสดหรือจ่ายมาตั้งแต่ตอนจอง ทีนี้มันมีครั้งนึงที่เฮียรับแขก Walk In คนนึงเป็นผู้ชายสัญชาติแถวๆ เอเชียบ้านเรานี่แหละ มากันสองคนก็ดูปกติแต่งตัวดูดีมีสถุนรุนชาติมากมาถึงก็ถามว่า (แปลเป็นไทยเลยละกัน) "มีห้องว่างไหมครับ" เฮียก็ดูในระบบมันก็มีห้องว่างเยอะอยู่แต่เราก็ต้องแอบเนียนๆ สร้าง Demand เล่นใหญ่นิดนึง 555 เลยบอกไปว่า "ตอนนี้มีห้องอยู่นะครับ จองเลยไหมครับเดี๋ยวเผื่อมีแขกท่านอื่นจองเข้ามาก่อน" แขกก็ตอบเฮียว่า "จองเลยครับ" อันนี้แว้บแรกเฮียเอะใจนิดนึงแต่ยังไม่ได้นึกถึงบัตรเครดิตนะเพราะพวกเอ็งของคิดดูนะ โดยธรรมชาติของแขกไม่ว่าจะ Wonderful Guest หรือ Fantastic Guest หรือแม้แต่พวกเราที่ในบางครั้งแปลงร่างจาก Hotel Staff ไปเป็น Guest แม้ค่าห้องจะถูกยิ่งกว่าโลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ แม็คโคร แต่ยังไง ยังไง เราก็ต้อง "ต่อราคา" กันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติแต่นีไม่ต่อเลย ด้วยความที่กลัวแขกจะเข้าใจผิดเฮียก็เลยแจ้งค่าห้องก่อนว่า "ค่าห้องพัก 3,000 บาท รวมอาหารเช้า Service Charge และ VAT แล้วนะครับ" แขกก็ตอบมาเฉยๆ ว่า "ครับ"
แต่ทีนี้มันมีพิรุธตรงนี้แขกควักบัตรเครดิตออกมาให้เฮียก่อน Passport แล้วบอกประมาณว่า "ช่วยเช็คให้หน่อยว่าบัตรเค้ารูดผ่านมั้ย? ถ้าผ่านเค้าจะได้เอาห้อง แต่ถ้าไม่ผ่านเค้าจะได้ไปกดเงินมาให้แทน" คืองานโรงแรมอย่างที่เฮียบอกแหละทุกๆ แผนกในส่วนของ Operation หรือแม้แต่ Back Office เวลาทำงานไปนานๆ มันเหมือนจะมี Sense พิเศษอย่างนึงเวลาที่เราเจออะไรที่ผิดปกติเพราะลองคิดภาพตามว่าเราเจออะไรที่ทำมาอย่างถูกต้อง ทุกวันๆ เราวันนึงเราเจออะไรที่ไม่ปกติเราจะรู้ทันที อันนี้เฮียก็เอะใจแหละแต่ก็รับบัตรมาแล้วพยายามพาแขกไปอยู่ในวิถีมุมมองของ CCTV พอรับบัตรมาแล้วกำลังจะเอาบัตรเข้าเครื่อง EDC เหลือบไปเห็นเลขหน้าบัตรตัวแรกขึ้นต้นด้วย "5" ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทำ Training น้องๆ ให้หัดสังเกตบัตรปลอมช่วงนั้นรู้เลยว่า "บัตรใบนี้ปลอมแน่นอน 100%" เพราะมันเป็นบัตร VISA ซึ่งหมายเลขประจำของ VISA มันจะขึ้นต้นด้วย "4" ไม่ใช่เลข "5" ที่เป็นหมายเลขของ Master Card เค้า ยังไม่นับรวม AMEX ที่เป็นเลข "3" แต่นี่บัตรเป็น VISA แต่เสือกขึ้นต้นเลขหน้าบัตรด้วย "5" ไม่รู้ว่าสองบริษัทนี้มันไป Merge กันตอนไหนวะเนี่ย ตอนนั้นเอาจริงๆ เราก็พนักงานโรงแรมธรรมดาอ่ะนะ จะให้แจ้งตำรวจมาตรวจสอบเลยมันก็จะข้ามหน้าข้ามตาไปและคงต้องส่งผลกระทบกับฝ่ายบริหารที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเฮียก็เลยบอกแขกว่า "รอสักครู่นะครับ" (แต่ตรงนี้อ่ะพลาดเพราะดันลืมบอกน้องอีกคนให้ดูแขก 2 คนนี้ไว้ก่อน) แล้วก็รีบเอาบัตรเข้า Office ไปหา RM บอก "มีแขกเอาบัตรปลอมมาใช้" RM ก็รับไปดูแล้วก็เรียก Security Manager ขึ้นมา 3 คนหารือกันสักพักก็ตัดสินใจว่าจะโทรเรียกสายตรวจเข้ามาเชื่อมั้ยว่าผ่านไปแค่ 5 นาทีเฮีย ย้ำว่าแค่ 5 นาที เฮียออกมา แขกสองคนนี้หายไปเรียบร้อยแล้ว ถามน้องมันบอกว่า "เห็นแขกออกไปแล้วตั้งแต่เฮียเข้าไป เลยนึกว่าแขกไม่เอาห้อง"
คือพอเฮียถือบัตรเข้าหลัง Office ก็เหมือนเค้าจะรู้ตัวและออกไปเลย สุดท้ายเฮียก็ต้องมานั่งทำ Incident Report ส่วนพี่ RM กับ Sec.Mgr. ก็ประสานงานกับสายตรวจต่อ จากนั้นก็ส่งข้อมูลแชร์กันในสมาคมโรงแรมเกี่ยวกัับรูปพรรณลักษณะของแขกกสองคนนี้ให้เฝ้าระวังเอาไว้นี่แหละ.... ปล. เวลาเจออะไรที่สุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับพวกมิจฉาชีพพวกนี้ พวกเอ็งต้องตั้งสติดีๆ และที่สำคัญ "อย่าทำคนเดียว" ให้หาคนช่วยหรือคนที่จะรับรองความปลอดภัยให้กับเอ็งได้เสมอ หัวหน้างาน หรือไม่ก็ GM แม้แต่ Owner เลยก็ได้ เวลามีปัญหามาจะได้ไม่เจ็บตัว
คือเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วเนี่ยช่วงนั้นบัตรเครดิตปลอมมันระบาดหนักมากแล้วในส่วนของโรงแรมเองเราก็มีการเฝ้าระวังกันอยู่ตลอดมีทั้งการทำ Training การดูบัตรปลอมเบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาให้คำแนะนำ จริงๆ ตอนนั้นวิวัฒนาการโรงแรมยังไม่นิยมจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตกันสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะใช้เงินสดหรือจ่ายมาตั้งแต่ตอนจอง ทีนี้มันมีครั้งนึงที่เฮียรับแขก Walk In คนนึงเป็นผู้ชายสัญชาติแถวๆ เอเชียบ้านเรานี่แหละ มากันสองคนก็ดูปกติแต่งตัวดูดีมีสถุนรุนชาติมากมาถึงก็ถามว่า (แปลเป็นไทยเลยละกัน) "มีห้องว่างไหมครับ" เฮียก็ดูในระบบมันก็มีห้องว่างเยอะอยู่แต่เราก็ต้องแอบเนียนๆ สร้าง Demand เล่นใหญ่นิดนึง 555 เลยบอกไปว่า "ตอนนี้มีห้องอยู่นะครับ จองเลยไหมครับเดี๋ยวเผื่อมีแขกท่านอื่นจองเข้ามาก่อน" แขกก็ตอบเฮียว่า "จองเลยครับ" อันนี้แว้บแรกเฮียเอะใจนิดนึงแต่ยังไม่ได้นึกถึงบัตรเครดิตนะเพราะพวกเอ็งของคิดดูนะ โดยธรรมชาติของแขกไม่ว่าจะ Wonderful Guest หรือ Fantastic Guest หรือแม้แต่พวกเราที่ในบางครั้งแปลงร่างจาก Hotel Staff ไปเป็น Guest แม้ค่าห้องจะถูกยิ่งกว่าโลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ แม็คโคร แต่ยังไง ยังไง เราก็ต้อง "ต่อราคา" กันอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติแต่นีไม่ต่อเลย ด้วยความที่กลัวแขกจะเข้าใจผิดเฮียก็เลยแจ้งค่าห้องก่อนว่า "ค่าห้องพัก 3,000 บาท รวมอาหารเช้า Service Charge และ VAT แล้วนะครับ" แขกก็ตอบมาเฉยๆ ว่า "ครับ"
แต่ทีนี้มันมีพิรุธตรงนี้แขกควักบัตรเครดิตออกมาให้เฮียก่อน Passport แล้วบอกประมาณว่า "ช่วยเช็คให้หน่อยว่าบัตรเค้ารูดผ่านมั้ย? ถ้าผ่านเค้าจะได้เอาห้อง แต่ถ้าไม่ผ่านเค้าจะได้ไปกดเงินมาให้แทน" คืองานโรงแรมอย่างที่เฮียบอกแหละทุกๆ แผนกในส่วนของ Operation หรือแม้แต่ Back Office เวลาทำงานไปนานๆ มันเหมือนจะมี Sense พิเศษอย่างนึงเวลาที่เราเจออะไรที่ผิดปกติเพราะลองคิดภาพตามว่าเราเจออะไรที่ทำมาอย่างถูกต้อง ทุกวันๆ เราวันนึงเราเจออะไรที่ไม่ปกติเราจะรู้ทันที อันนี้เฮียก็เอะใจแหละแต่ก็รับบัตรมาแล้วพยายามพาแขกไปอยู่ในวิถีมุมมองของ CCTV พอรับบัตรมาแล้วกำลังจะเอาบัตรเข้าเครื่อง EDC เหลือบไปเห็นเลขหน้าบัตรตัวแรกขึ้นต้นด้วย "5" ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทำ Training น้องๆ ให้หัดสังเกตบัตรปลอมช่วงนั้นรู้เลยว่า "บัตรใบนี้ปลอมแน่นอน 100%" เพราะมันเป็นบัตร VISA ซึ่งหมายเลขประจำของ VISA มันจะขึ้นต้นด้วย "4" ไม่ใช่เลข "5" ที่เป็นหมายเลขของ Master Card เค้า ยังไม่นับรวม AMEX ที่เป็นเลข "3" แต่นี่บัตรเป็น VISA แต่เสือกขึ้นต้นเลขหน้าบัตรด้วย "5" ไม่รู้ว่าสองบริษัทนี้มันไป Merge กันตอนไหนวะเนี่ย ตอนนั้นเอาจริงๆ เราก็พนักงานโรงแรมธรรมดาอ่ะนะ จะให้แจ้งตำรวจมาตรวจสอบเลยมันก็จะข้ามหน้าข้ามตาไปและคงต้องส่งผลกระทบกับฝ่ายบริหารที่อยู่สูงขึ้นไปอีกเฮียก็เลยบอกแขกว่า "รอสักครู่นะครับ" (แต่ตรงนี้อ่ะพลาดเพราะดันลืมบอกน้องอีกคนให้ดูแขก 2 คนนี้ไว้ก่อน) แล้วก็รีบเอาบัตรเข้า Office ไปหา RM บอก "มีแขกเอาบัตรปลอมมาใช้" RM ก็รับไปดูแล้วก็เรียก Security Manager ขึ้นมา 3 คนหารือกันสักพักก็ตัดสินใจว่าจะโทรเรียกสายตรวจเข้ามาเชื่อมั้ยว่าผ่านไปแค่ 5 นาทีเฮีย ย้ำว่าแค่ 5 นาที เฮียออกมา แขกสองคนนี้หายไปเรียบร้อยแล้ว ถามน้องมันบอกว่า "เห็นแขกออกไปแล้วตั้งแต่เฮียเข้าไป เลยนึกว่าแขกไม่เอาห้อง"
คือพอเฮียถือบัตรเข้าหลัง Office ก็เหมือนเค้าจะรู้ตัวและออกไปเลย สุดท้ายเฮียก็ต้องมานั่งทำ Incident Report ส่วนพี่ RM กับ Sec.Mgr. ก็ประสานงานกับสายตรวจต่อ จากนั้นก็ส่งข้อมูลแชร์กันในสมาคมโรงแรมเกี่ยวกัับรูปพรรณลักษณะของแขกกสองคนนี้ให้เฝ้าระวังเอาไว้นี่แหละ.... ปล. เวลาเจออะไรที่สุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับพวกมิจฉาชีพพวกนี้ พวกเอ็งต้องตั้งสติดีๆ และที่สำคัญ "อย่าทำคนเดียว" ให้หาคนช่วยหรือคนที่จะรับรองความปลอดภัยให้กับเอ็งได้เสมอ หัวหน้างาน หรือไม่ก็ GM แม้แต่ Owner เลยก็ได้ เวลามีปัญหามาจะได้ไม่เจ็บตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น