วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562

ใคร

ตอน ใคร???

เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นกลางดึกวันหนึ่งในขณะที่เฮียและน้อง Night G.S.A กำลังยืนทำงานอยู่บรรยากาศตอนนั้นก็เงียบสงัดเลยเพราะเป็นเวลาตี 3 แล้วในจังหวะที่เฮียกับน้องยืนทำงานอยู่เฮียบอกก่อนว่าปกติเพลงที่หน้า Lobby เฮียมันจะปิดตอนเวลา 4 ทุ่มเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนแขกที่กำลังพักผ่อน (แม้เสียงเพลงมันจะดังไปไม่ถึงห้องพักแขกก็ตาม) ทีนี้ก่อนหน้าที่จะถึงตี 3 เหตุการณ์มันก็ปกติดีทุกอย่างแต่อยู่ๆ เพลงที่ Lobby ก็ดังขึ้นเว้ย!!! แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยอ่ะแล้วดังเพลงอะไรรู้ป่ะ..เพลงอื่นมีตั้งเยอะไม่ดังมันมาดังเพลงที่เป็นดนตรีไทยบรรเลง เตรง เตรง... ดังอยู่ประมาณ 10 นาทีในระดับเสียงปกติที่เปิดให้แขกฟังตอนกลางวันตอนนั้นเฮียกับน้อง G.S.A ก็ไม่ได้สงสัยอะไร ก็นึกขำๆ ว่า น้องห้อง Operator มันคงไปกดโดนอะไรพลาดละมั้ง? แม้ในใจจะมีแว้บนึงคิดมาว่า “เครื่องเสียงมันอยู่ในตู้อย่างดีนะถ้าไม่ตั้งใจไปเปิดจะไม่มีทางที่จะดังขึ้นมาเองได้” แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเฮียกับน้อง G.S.A ก็กำลังยืนตรวจ Rate กันอยู่แล้วทีนี้อยู่ดีๆ “เสียงเพลงก็ดังขึ้นมาอีกเพลงเดิมเลยเพิ่มเติมคือระดับความดังมันดังขึ้นมากว่าเดิมมากเลย” แล้วอยู่ๆ ก็ดับไปคราวนี้เฮียรู้สึกว่าน้องข้างในมันเป็นอะไรหรือเปล่าอยู่ดีๆ มันปล่อยให้เพลงดังขึ้นมาได้ยังไงเฮียก็เลยเดินเข้าไปหลัง Office เพื่อเข้าไปในห้อง Operator พอไปถึงเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละแทบหงายหลัง...ปรากฏว่าน้องมันไม่อยู่ในห้องคาดว่าน่าจะไปห้องน้ำซึ่งโดยปกติถ้าจะไปห้องน้ำน้องมันจะโทรมาที่ Counter บอกว่าจะไปห้องน้ำแล้วโอนสายมาให้ก่อนไปเฮียก็เลยยืนรออยู่ในห้องแล้วก็โทรไปหาน้อง G.S.A แล้วถามมันว่า “เฮ้ย!! เจ้า...โทรไปบอกโอนสายเพราะจะไปห้องน้ำหรือเปล่า” น้องคนนี้มันก็บอกว่า “เปล่านะเฮียไม่ได้โทรมา” ตอนนี้เฮียเริ่มใจคอไม่ดีแล

สักพักน้องมันก็เข้ามาเฮียก็เลยถามมันว่า “เฮ้ย..เอ็งลืมปิดเพลงหน้า Lobby เหรอเฮียเห็นมันดังเพลงไทยขึ้นมา 2 รอบและมีอะไรหรือเปล่า??” น้องมันรีบหันมาบอกเฮียเลย “ไม่นะเฮียหนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ..ไม่ได้ยุ่งกับตู้เลยเพราะหนูกำลังไล่ Set Morning Call อยู่นะเฮีย” หนูไปห้องน้ำนะเมื่อกี้เพิ่งกลับมาเนี่ย” โอเคเฮียก็พยายามคิดไปได้ว่าอาจจะมีการผิดพลาดทาง “เทค นิค เค้า ล่ะ ดิ” เอ้ย!! เทคนิคอล เฮียเลยตามน้องช่างรอบดึกขึ้นมาดูสักพักพอมันขึ้นมาดูปรากฏว่ามันแจ้งเฮียมา “ทุกอย่างปกตินะเฮียเครื่องก็ปิดอยู่นะ” OK ตอนนี้ได้คำตอบแล้วว่า “น้อง Oper ไม่ได้เปิด, ช่างบอกทุกอย่างปกติ” แล้ว “ใครวะที่เปิดเพลง” และคืนนั้นทั้งคืนจนเช้าน้อง Operator ก็ออกไปอยู่ข้างนอกกับเฮียตลอดไม่เข้าไปอยู่ในห้องคนเดียวอีกเลยและคำถามที่เฮียถามตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้คือ

“ใครเปิดเพลงไทยวะเนี่ย???”



วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

Club Hotel Man เรื่องเล่าจากทางบ้าน
ตอน แอบ

โรงแรมมี 2 ตึก ตึกที่ฟร้อนอยุ่คือตึกใหญ่ ส่วนอีกตึกจะเป็นตึกเล็ก มีอะไรเราจะคอยดุกล้องอยุ่เรื่อยๆ แทน

เช้าวันหนึ่งแม่บ้านจากตึกเล็กมาบอกว่าชั้น 3 ห้อง .... ปิดปรับปรุงไว้ไม่ได้ขายเพราะปลวกขึ้น เมื่อวานก่อนกลับจำได้ว่าเปิดผ้าม่านหน้าต่างห้องไว้ ส่วนห้องก็ลักษณะปรกติ ผ้าปุก็ปุไว้ปรกติ แต่พอเช้านี้จะเคลียห้องดุความเรียบร้อย แต่พอเปิดเข้าไปผ้าม่านปิดผ้าปุก็ยับ เหมือนถุกใช้งาน แล้วที่สำคัญเจอกางเกงในสีแดงตกอยุ่ในห้องเราก็เลยงงว่าใครเข้าไปเลยรีกล้องดุปรากฏว่าเจอไรรุ้ไหมเฮีย

ลุกค้าห้องฝั่งตรงข้ามเป็นผุ้หญิงรัสเซีย 2 คน คืนนั้น 1 ในนั้นพาผุ้ชายจากที่อื่นขึ้นมาข้างบนตึกเค้าคลอเคลียกันมาตั้งแต่บันไดทางขึ้นแอบ อยุ่ตามซอกบันไดของแต่ละชั้นจนจุงมือกันขึ้นมาบนชั้นที่ลุกค้าผู้หญิงคนนั้นพักแล้วก็มาคลอเคลียกันอยุ่หน้าห้องที่ปลวกขึ้นแล้วผุ้ชายก็บิดลุกบิดชะโงกหน้าเข้าไปแล้วก็ปิดประตุสักพักก็จุงกันเข้าไปในห้องที่ปลวกขึ้นแล้วก็เอาป้ายห้ามรบกวนที่แขวนตรงลุกบิดประตุด้านในออกมาแขวนไว้นอกห้องอารมณ์น่าจะเมามากเลยเปิดประตุมั่วดันไปเจอห้องที่ปลวกขึ้นซึ่งแม่บ้านลืมล็อกห้องแล้วคงใช้ห้องนั้นทำภารกิจเลยบอกแม่บ้านว่าเดึ้ยวห้องนี้ลงมาจะชาร์ตเงิน

พอตอนเที่ยงลุกค้าทยอยลงมาเอ้ารวมถึงห้องนี้ด้วยเลยถามลุกค้าผุ้หญิงคนที่เห็นในกล้องว่า "เมื่อวานพาคนนอกขึ้นไปข้างบนไหม" ทางลุกค้าก็ยืนยันเสียงแข็งว่า "ไม่ได้พาใครขึ้นไป" ส่วนผุ้หญิงอีกคนบอกว่า "ฉันไม่สบาย" เลยบอกว่า "เธอไม่เกี่ยวฉันรู้" แต่เพื่อนเธอพาคนอื่นขึ้นไปลุกค้าผู้หญิงห้องนั้นก็ยังเสียงแข็งว่าไม่มีใครขึ้นไปทั้งหมดก็เลยบอกลุกค้าว่า "งั้นดูกล้อง CCTV นะ" ทีนี้ลุกค้าคนอื่นที่รอเอ้าไม่มีใครไปไหนเลย เพราะอยากรู้ว่าเกิดไรขึ้นก็เลยเปิดกล้องให้ดูเห็นทุกอย่างในกล้องว่าพาผู้ชายขึ้นไปแล้วก็ทำอะไรบ้างจนลุกค้าที่ดูกล้องไปแปบเดียวก็บอกให้หยุดไม่ต้องเปิดแล้ว

เพื่อนที่พักด้วยกันก็มองหน้าเพื่อนประมาณว่า งง ว่าคืออะไร ลูกค้าผู้หญิงก็เลยพูดว่าฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ก็เลยบอกว่า "800 บาท" ลูกค้าก็โวยวายว่า "ทำไม 800 ค่าชาร์ตแค่ 500 "่ ก็เลยบอกว่า "ถ้าจ่าย 500 คือกรณีพาไปห้องตัวเองแต่นี่เป็นห้องอื่นถึงเราจะไม่ได้ล็อกห้องคุณก็ไม่สามารถใช้ห้องนั้น" ลุกค้าก่เลยตะโกนบอกว่า "จะไปคอมเพลนในเวป" ก็เลยบอกว่า "ถ้าไปคอมเพลนก็จะไปตอบในนั้นว่าเพราะอะไรถึงต้องชาร์ต" ลุกค้าเลยสะบัดบ๊อบลากกะเป๋าออกไปเลยพร้อมกับเพื่อนที่เดิมตามออกไปแบบ งงๆ อยู่ อ้อ ลืมบอกไปว่าสาเหตุที่รู้ว่าลูกค้าคนที่พาขึ้นไปอยุ่ห้องไหนก็เพราะแม่บ้านจำหน้าลูกค้าได้ว่าพักตึกเล็กและตอนนั้นตึกเล็กมีแต่ผู้ชายพักมีผุ้หญิงแค่ห้องนั้นห้องเดียว

****************************************************************
ตามทรรศนะของเฮียนะครับ
1. ในส่วนของแขกก็ผิดนะที่แอบเอาคนนอกเข้าไปแบบนี้เกิดคนนอกเข้าไปทำอันตรายกับแขกคนอื่นอาจเป็นเรื่องเป็นราวได้ รร เองก็น่าจะต้องหาทางปรับปรุงระบบการตรวจสอบการแอบพาคนเข้าพัก

2. จริงๆ การเปิดกล้องต่อหน้าแขกคนอื่นนี่ก็ไม่ควรทำนะเพราะบางเรื่องมันอาจเป็นการทำให้แขกถูกมองไม่ดีควรหามุมดีๆ พาแขกไปดูส่วนตัว

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่ามากครับและเป็นการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมากมีทั้งพยานหลักฐานครบจนชาร์จได้ แต่แอบ งง ใจว่า "นี่พวกเราทำงานโรงแรมหรืองานสืบสวนสอบสวนวะเนี่ย" 55555

เจ้าของเรื่องเตรียมรับของรางวัลด้วยนะครับ........



วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

ตอน จม (ยาวมากแต่ไม่มีภาคสอง)

ตอน จม (ยาวมากแต่ไม่มีภาคสอง)
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเป็นเหตุซึ่งในทางโรงแรมปัจจุบันนี้มีฝ่ายหนึ่งที่ถูกตั้งขึ้นมาและหลายๆ โรงแรมใช้เรียกแทนแผนก Security นันคือแผนก LP หรือ Loss and Prevention ซึ่งว่ากันให้เข้าใจง่ายๆ คือเมื่อก่อนเรามีแผนก Security ทำหน้าที่เป็นเหมือนตำรวจคือดูแลเรื่องความปลอดภัยและหาทางจัดการกรณีที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแต่ในปัจจุบัน LP จะเพิ่มของการเฝ้าระวังและป้องกันพร้อมทั้งประเมินด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือมีผลอาจทำให้เกิดความสูญเสียกับชีวิตและทรัพย์สินของแขกและพนักงาน เช่น การสำรวจ Lobby โรงแรมว่าจุดไหนมีความเสี่ยงให้แขกหรือพนักงานเกิดอันตราย การวางสิ่งของแบบนั้นเสี่ยงต่อการแตกหักเสียหายหรือไม่ ประมาณนี้นะถ้าลึกกว่านี้เฮียแนะนำให้ไปหา Google ดู ผ่าม!!! กลับมาที่เรื่องนี้ต่อมันเริ่มขึ้นบ่ายวันหนึ่งเฮียได้รับแจ้งจากน้องที่อยู่ในส่วนของ Sport & Recreation และเช่นเดิมสาเหตุที่ได้รับแจ้งเพราะแขกถามหา Manager ทั้งๆ ที่ Manager เค้าก็อยู่ที่นั่นแต่พี่แกก็ยังถามหาเพื่อไรไม่รู้เหมือนกันแต่ที่รู้ๆ คือหน้าที่เราคือทำความเข้าใจและดูแลแขกเฮียก็ไปที่นั่นทันที
พอไปถึงก็เจอมนุษย์แม่และคุณพ่อกำลังยืนต่อว่าพนักงานก็คือน้อง Sport กับ Manager อยู่ซึ่งตัวพี่ Manager แกก็พยายามจะอธิบายแต่เหมือนมนุษย์แม่โกรธมากไม่ฟังอะไรเลยโดยมีลูกทื่ยืนตัวเปียกร้องให้อยู่พอเฮียไปถึงเราก็ต้องเริ่มดึงสติและทำให้แขกหันมาให้ความสนใจกับเราก่อนเพื่อลดอัตราอารมณ์และความรุนแรงในการ Complain เพราะถ้าปล่อยให้พูดต่อแขกจะขึ้นเรื่อยๆ ต้องเบี่ยงเบนความสนใจเฮียก็แนะนำตัว “สวัสดีครับชั้นเป็น Manager เราไปหาที่นั่งคุยกันทางด้านโน้นดีไหมครับเพราะตรงนี้แดดค่อนข้างร้อนเดี๋ยวลูกยูจะไม่สบาย” เป็นสิ่งที่เราต้องแสดงให้เห็นก่อนว่าเรามีความห่วงใยเขาจริงๆ เพราะตอนนั้นเด็กยืนตัวเปียกอยู่แล้วแดดก็ร้อนถ้ายืนตากแดดริมสระนี่เดี๋ยวไม่สบายจะเรื่องใหญ่จากนั้นเฮียก็เชิญเขามาคุยอยู่ใน Cabana หลังหนึ่งแล้วก็เริ่มสอบถามพี่ Manager กับน้องว่าเกิดอะไรขึ้น
น้องที่เห็นเหตุการณ์ที่ตอนนี้ก็ตัวเปียกอยู่ก็เล่าว่าตอนที่แขกลงมาเล่นน้ำแม่กับสามียืนคุยกันอยู่ที่เตียงผ้าใบแล้วอยู่ๆ ลูกก็เดินมาเล่นริมสระทีนี้เดินไปเดินมาลูกก็ตกลงไปในสระแล้วพ่อกับแม่ก็ยังไม่เห็นซึ่งสระที่ตกลงไปมันเป็นโซนของผู้ใหญ่ไม่ใช่สระเด็กที่ตื่นทีนี้เด็กก็ตกใจแล้วก็เหมือนจะจมน้ำน้องมันก็เลยวิ่งมาโดดลงไปช่วยเด็กขึ้นมาตรงนี้แขกรอบสระก็เห็นกันอยู่พอเอาเด็กขึ้นมาได้พ่อแม่ก็รีบวิ่งมารับเด็กตกใจและก็ร้องให้แล้วอยู่ๆ แม่ของเด็กก็หันมาด่าพนักงานว่า “ทำไมเห็นลูกชั้นเดินมาริมสระผู้ใหญ่แล้วไม่รีบวิ่งเข้ามาดู” ซึ่งเอาจริงๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่ควรดูแลดีกว่านี้หรือเปล่า? แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเมื่ออยู่ในโรงแรมผิดถูกไม่รู้แต่กูขอโทษพนักงานไว้ก่อนเฮียก็หันไปถาม Manager ต่อว่า “ตกลงตอนนี้พี่ Offer อะไรไปแล้วบ้างครับ” พี่เค้าก็ตอบมาว่า “ยังนะพี่แค่พยายามจะอธิบายแต่เค้าไม่ฟังเลยแล้วเห็นบอกว่าจะฟ้องโรงแรมด้วย” เฮียเลยถามต่อไปอีกตามมารยาทในการทำงานว่า “พี่จะให้ผมคุยให้ไหมครับ” แกก็ตอบมาว่า “ได้แล้วแต่เลยเพราะเหมือนเค้าไม่อยากคุยกับพี่”
สักพักเฮียก็หันมาหาแขกมนุษย์แม่กับมนุษย์พ่อแล้วก็เริ่มอธิบาย “ขอโทษนะครับชั้นได้รับข้อมูลทั้งหมดจากทางพนักงานของเราแล้วในส่วนของสระน้ำเรามีพนักงานคอยดูแลความปลอดภัยแขกอยู่ตลอดและกรณีนี้ทางเราเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติเราก็รีบเข้ามาให้ความช่วยเหลือเลยโดยไม่ได้รอให้เกิดเหตุมากกวานี้เราทำตามมาตรฐานการให้บริการเพื่อให้แขกปลอดภัยมากที่สุด” แม่ก็ยืนหนึ่งเถียงมาเลย “ไม่เธอทำไม่ถูกความจริงคือเธอเห็นเด็กเดินมาริมสระเธอต้องรีบเข้ามาห้ามหรือมาแจ้งชั้นกับสามีของชั้นแล้วไม่ใช่ปล่อยให้ลูกชั้นตกลงไปแบบนี้” โอเคคือสรุปโทษโรงแรมเฮียก็อธิบายต่อ “คุณผู้หญิงครับในบริเวณสระว่ายน้ำเรามีทั้งพนักงานและ CCTV ตามจุดต่างๆ ที่ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลคอยดูแลแขกตลอดกรณีของลูกคุณผู้หญิงเราเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแต่เรามั้นใจว่าเราให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ลูกคุณผู้หญิงปลอดภัยในทันทีที่เราเห็นสิ่งผิดปกติไม่ทราบว่าตอนที่ลูกคุณผู้หญิงตกน้ำคุณผู้หญิงกำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่าครับ?” โยนคำถามไปแบบนี้เลยเป็นการเปลี่ยนสถานะเราจากการถูกถามให้เป็นผู้ถามบ้างเพราะเราทำดีที่สุดแล้วคุณแม่ก็ตอบมาว่า “ชั้นกำลังยืนคุยกับสามีชั้นอยู่” เฮียก็ตบเข้าไปอีกดอกนึงว่า “แต่จริงๆ ก็น่าจะเห็นนะครับเพราะลูกคุณผู้หญิงยืนอยู่หน้าขอบสระว่ายน้ำเลยนะครับ” ตอนนี้แม่ก็เริ่มนิ่งแล้วก็หันไปคุยอะไรสักอย่างกับตัวของพ่อก่อนที่จะเปลี่ยนมือพ่อมาคุยกับเฮีย “มันสำคัญตรงไหนสิ่งที่ชั้นต้องการคือความรับผิดชอบจากโรงแรมเพราะลูกชั้นตกน้ำไปเกือบได้เป็นอันตราย” เฮียก็อธิบายกลับว่า “สิ่งที่เรารับผิดชอบคือในขณะที่คุณสองคนยืนคุยกันและเผลอปล่อยลูกของคุณเดินมาริมสระจนตกน้ำไปเรารีบวิ่งมาช่วยเหลือทันทีเพื่อป้องกันอันตรายและตอนนี้น้องก็ปลอดภัยส่วนถ้าอยากจะไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คร่างกายเรายินดีให้คนขับรถพาไปส่งให้แต่เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเรารับผิดชอบอย่างเต็มที่โดยไม่ได้รอให้เหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้แม้จะเป็นการรับผิดชอบที่ปลายเหตุเพราะน้องตกน้ำไปแล้วก็ตามซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก” พ่อก็นิ่งหันไปคุยกับแม่สักพักเปลี่ยนมือเอาแม่มา
“ชั้นต้องการให้โรงแรมรับผิดชอบกับความผิดพลาดครั้งนี้ชั้นและครอบครัวจะขอ Check Out ถ้าคุณไม่รับผิดชอบอะไร” เฮียก็ถามกลับไปว่า “เรารับผิดชอบและปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยอย่างเต็มที่แล้วนะครับกับการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่ควรเกิดขึ้นคุณผู้หญิงต้องการให้เรารับผิดชอบอย่างไรอีกครับ” คุณแม่ก็ตอบมาว่า “ชั้นจะขอคุยกับคนที่ใหญ่กว่าเธอ” เฮียก็เลยตอบกลับไปว่า “ได้ครับเดี๋ยวชั้นจะติดต่อ Front Office Manager ให้ครับ” แล้วก็จัดการโทรมือถือหาพี่เค้าแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังพี่เค้าก็แจ้งมาว่าให้เชิญแขกมาที่หน้า Lobby เฮียก็แจ้งกับแขกไปว่า “ผู้จัดการเชิญคุณทั้งสองคนไปที่หน้า Lobby ครับเชิญครับ” แล้วเฮียก็พาเค้าไปหา FOM พร้อมกับน้อง Sport และ Manager Sport 

ไปถึงพี่ FOM ก็ถามรายละเอียดจากเฮียๆ ก็เล่าให้ฟังทั้งหมดแล้วพี่เค้าก็เปิดบทสนทนากับแขกแต่ช่วงนั้นเฮียติดเคสอื่นอยู่ก็เลยให้น้อง Sport กับ Manager อยู่กับพี่เค้าแทนแล้วปลีกตัวมาจัดการแขก Complain อีกเคสนึงผ่านไปประมาณ 20 นาทีที่เฮียจัดการเคสนี้เสร็จพอลงมาก็ไม่เห็นทุกคนเลยเข้าไปหาพี่ FOM ที่หน้า Lobby แล้วก็ถามพี่เค้าว่า “เป็นไงบ้างครับพี่เคสนี้” พี่เค้าก็ตอบมาว่า “แขกจะขอพักฟรี 1 คืนพี่เลยปรึกษา GM ทางนั้นเค้าก็ Approved ให้พร้อมกับให้ Dinner อีกมื้อนึง”
โอ้โห ได้ยินแล้วแบบว่า Ok เฮียก็เข้าใจแหละว่า GM บางคนไม่อยากปะทะและในบางครั้งเค้าก็อาจมีเหตุผลทางธุรกิจแต่ในความคิดเฮียคือโรงแรมนี่ไม่ได้ผิดอะไรเลยและทำดีที่สุดแต่ก็ยังต้องเสีย Benefit ตรงนี้นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “จงอย่าคาดหวังว่าคนที่แก้ปัญหาให้เราจะคิดเหมือนเราเสมอไป”


วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

ตอน หิว
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากความ “หิว” ของ FTG เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีแขกห้องหนึ่งสั่ง Room Service ขึ้นไปที่ห้องซึ่งจากการสั่งอาหารนั้นโดยปกติถ้าเป็นอาหารประเภทที่ว่าไม่ต้องใช้พิธีรีตรองในการทำนานมากระยะเวลาในการรออาหารก็ไม่น่าจะเกิน 10-15 นาทีแต่ถ้าคิวเยอะหรือว่าต้องรอนานเป็นพิเศษโดยทั่วไปเราก็จะโทรแจ้งแขกว่าอาจจะต้องรอนานหน่อยนะจะยังรับหรือไม่รับ? ก็ว่ากันไปทีนี้แขกห้องนี้เขาก็สั่ง “ซีซ่าสลัด” ซึ่ง Room Service ก็รับ Order มาแล้วก็แจ้งให้แขกรอสักครู่เพราะตอนนั้นคิวไม่เยอะน่าจะใช้เวลาปรุงไม่เกิน 10 นาทีหลังจากนั้น Room Service ก็นำอาหารขึ้นไปส่งแขกๆ ก็ทานจนหมดและโทรลงมาที่ Lobby ผ่าน Operator พร้อมประโยคกระชากวิญญาณว่า “ขอพบผู้จัดการหน่อย” น้องมันก็เลยส่งสายมาให้เฮียพอเฮียรับสายก็แนะนำตัว “สวัสดีครับชั้นเป็นผู้จัดการมีอะไรให้รับใช้ครับ” แขกก็แจ้งมาว่า “อาหารของยูช้ามากชั้นต้องทนหิวอยู่นานกว่าจะได้อาหารชั้นจะไม่จ่ายค่าอาหารมื้อนี้นะ” เอาและ..มีงานมาเยือนเฮียก็แจ้งกลับไปว่า “รอสักครู่นะครับขออนุญาตสอบถามรายละเอียดกับทางห้องอาหารสักครู่แล้วเราจะแจ้งกลับนะครับ” แขกก็ตอบมา “ได้แต่ชั้นไม่จ่ายนะ” วางสายเสร็จเฮียก็เดินไปหาน้อง Room Service คนที่รับ Order แล้วก็ถามรายละเอียดน้องมันก็บอกว่า “เฮียดู Report ผมก็ได้ครับผมรับ Order มาตอน 19.30 น. แล้วผมก็เอาไป Post Bill ใน POS เฮียดูเวลาได้เลยครับจากนั้นอาหารเสร็จและเอาขึ้นไปให้ตอน 19.43 น. มันแค่ 13 นาทีเองนะครับเฮียซึ่งเป็นการรอาหารปกติเพราะอาหารมันทำง่ายไม่ได้ยากขนาดนั้นครับ” เฮียก็ดูตัว Bill ตัวที่น้องมันรับรายการอาหารก็เป็นไปตามที่มันว่าและสามารถคาดเดาได้ว่าเคสนี้ FTG น่าจะอยากเนียนกินฟรีว่าแล้วเฮียก็พาน้อง Room Service ขึ้นไปกับเฮีย

ไปถึงก็กดกริ่งห้องรอสักพักแขกก็ออกมา “สวัสดีครับชั้นเป็นผู้จัดการและนี่คือพนักงาน Room Service คนที่รับ Order ยู” แขกก็พยักหน้าแล้วทำหน้านิ่งฟอร์มว่าไม่พอใจอย่างแรงจากนั้นก็เริ่มบรรเลง “ชั้นรออาหารนานมากกว่าจะมา ชั้นหิวมากเลย จริงๆ มันควรจะได้เร็วกว่านี้นะไม่ใช้ต้องรอนานแบบนี้ชั้นรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง” เฮียก็นิ่งรอดูต่อว่าจะเอายังไงแขกก็มาอีกดอกนึง “ชั้นไปพักที่อื่นมาถ้าสั่งอาหารแล้วมาช้าโรงแรมจะให้กินฟรีเพราะเป็นการรับผิดชอบชั้นหวังว่ายูจะทำแบบนั้นบ้างนะ?” จบปุ๊บเฮียก็เริ่มเลยโดยการเอา Order Taker ให้แขกดู “ยูดูนี่นะพนักงานชั้นรับออร์เดอร์ตอน 19.30 น.และบิลรายการค่าอาหารก็ Post เวลา 19.32 น. หลังจากนั้นเอาหารมาส่งยูตอน 19.43 รวมตั้งแต่สั่งอาหารแล้ว 13 นาทีซึ่งถ้าดูจากระยะเวลาที่ต้องเตรียมวัตถุดิบ ปรุงวัตถุดิบ ใส่ภาชนะแล้วมาเสิร์ฟยูมันเป็นระยะเวลาปกตินะครับไม่ได้นานเกินไปเลย

แขกก็รีบปางห้ามญาติมาเลยว่า “ไม่ ไม่ ไม่ มันนานเกินไปเกือบครึ่งชั่วโมงนะพนักงานยูโกหก” แล้วก็มาต่อ “ยังไงชั้นก็ไม่จ่าย” อ่ะไม่เป็นไรจังหวะนั้นเหลือบไปเห็น CCTV พอดีเฮียก็เลยแจ้งไปว่า “เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับยูมั่นใจใช่ไหมว่ารอเค้าเกือบครึ่งชั่วโมง” FTG ตอบมา “ใช่ชั้นมั่นใจเพราะชั้นดูนาฬิกาของชั้นอยู่” เฮียก็ตอบกลับ “Ok อย่างนี้ดีกว่านะครับเดี๋ยวชั้นจะโทรไปแจ้ง รปภ.ที่ดู CCTV อยู่และให้เค้าบันทึกเวลามาให้ว่าพนักงานชั้นมาส่งยูตอน 19.43 หรือเปล่าซึ่งเขามั่นใจว่ามาเวลานี้และอาจจะก่อนหน้านี้ด้วยถ้ามาตามนี้จริงๆ เราต้องขอคิดค่าอาหารตามปกติแต่ถ้าช้ากว่านี้จนถึงครึ่งชั่วโมงจริงๆ ตามยูบอกนั่นคือเวลา 20.00 น.ถ้ากรณีนี้มันเป็นการส่งช้าจริงยูไม่ต้องจ่ายเงินค่าอาหารให้ชั้น” คราวนี้แขกก็เริ่มเลิกลักๆ แล้วก็สวนมาว่า “ไม่ชั้นไม่จ่ายทำไมต้องดู CCTV ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด” เฮียก็อธิบายต่อว่า “ใช่ยูไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เราต้องการแก้ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าเราส่งช้าจริงก่อนที่จะทำการ Wave ค่าอาหารให้ยู” พูดจบยังไม่ทันที่แขกจะตอบเลยอยู่ดีๆ พี่แกก็ปิดประตูใส่หน้าเฮียซะงั้นแล้วก็เข้าห้องไป เฮียก็เลยหันมามองหน้าน้อง Room Service แล้วก็บอกว่า “ Post ตามปกตินะ” จากนั้นก็ลงไป Check CCTV ที่ห้อง รปภ. ก็เป็นตามนั้นแหละน้องมันขึ้นไปส่งอาหารจริงแต่ไปก่อนเวลาอีกประมาณ 19.41 ซึ่งมันแค่ 11 นาทีนับจากที่สั่งเลยให้ รปภ. Record CCTV เอาไว้กันเหนียว



บทความแนะนำ