วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คุณนายเกลือ



วันนี้จะเล่าเรื่องคุณนายเกลือ เรื่องมีอยู่ว่าประมาณช่วงสามทุ่มครับ ผมได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ปลายสายแนะนำชื่อตัวเองเป็นอย่างดีว่า ดิฉันชื่อ ... น๊ะค่ะ เป็นสมาชิกบัตรในเครื่องโรงแรม...ของคุณ อันนี้ถ้ามองโดยทั่วไปก็คงเป็นประโยคปกติสุขธรรมดาปราศจากความแปลกใด ๆ แต่ช้าก่อนแม่นาง ประโยคหลังจากนี้ซิครับสุดยอด “จริง ๆ พี่ไม่อยากมาพักที่โรงแรมนี้หรอกน๊ะคะ โรงแรม...นั้นเค้าเชิญพี่ไปพักพี่ยังไม่อยากไปเลยค่ะ เอาอย่างนี้แล้วกันขอราคาที่ถูกที่สุดให้พี่หน่อยค่ะ” ครับ อึ้งส์ครับ อึ้งแดกส์เลยครับผม ทำอะไรไม่ถูกเลยครับ สภาพตัวเองเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ด้วยสัตว์สงวนชนิดหนึ่งที่ทางการอยากจะเปลี่ยนชื่อให้เป็น วรนุช แต่ไม่อาจทำได้ ผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ ครับ ตกลงมึงบอกว่าไม่อยากมาแล้วมึงมาขอราคาที่ถูกที่สุดหาพี่ชายอามึงเหรอ ยังครับ ยังไม่จบแค่นั้น มันยังอ้างอีกครับว่ามันเป็นสมาชิกบัตรของโรงแรมในเครือ...ที่ผมทำงานอยู่แต่อ้างว่าบัตรหาย แต่ยังไงก็จะใช้สิทธิ์ให้ได้ เอาครับ เอากันเข้าไป นี่มึงกินหญ้าหรือกินข้าวเป็นอาหารวะเนี่ยบัตรราคาเกือบครึ่งหมื่นมึงเสือกทำหายได้ แต่เพื่อความแน่ใจผมจึงให้ลูกน้องโทรไปเช็คกับศูนย์บัตรครับ ปรากฏว่ามีชื่อแกอยู่จริง แถมศูนย์บัตรยังแจ้งมาอีกครับว่าให้ดูแลเจ๊แกดี ๆ (อยากให้บอกเจ๊แกกลับไปเหมือนกันแหละครับว่าอยากแก่ตายมั้ยเนี่ย) เพราะแกเป็นลูกค้า วีไอพี (เวรี่ อีเดียด เพอร์ซั้น) เชื่อมั้ยครับผมคุยกับเจ๊แก คุยไป คุยมา วางสายแล้วโทรกลับไป กลับมา กว่า 1 ชั่วโมงครับ ประเด็นอยู่แค่เพียงแกต้องการราคาที่ถูกและใช้สิทธิ์บัตรสมาชิกเท่านั้นเองครับ สุดท้ายผมเลยให้แกส่งสำเนาบัตรประชาชนมา เห็นหน้าแว็บแรกก็นึกถึงคำว่าแม่เลยค่ะ เอ๊ย ไม่ใช่ เห็นหน้าแว้บแรกรู้เลยครับว่าคำว่า หน้าตา ร้าย ๆ มันเป็นยังไง ทรงผมนี้กระบังลม 180 องศา หน้าอูม ๆ ขี้โกง ๆ น่ะครับ ดูแล้วรู้เลยว่าทำไมต่อกูจัง แต่เชื่อมั้ยครับว่าต่อให้ไม่พอใจแค่ไหน ผมก็ต้องรับจองห้องด้วยราคาที่ถูกเหมือนอุจจาระเลยครับ ทำไงได้งานบริการนี่นา

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไอ้หนุ่มขี้เมาและคนเคยพัก





เคสนี้เกิดขั้นเมื่อมันมาเช็คอินน์แล้วผมขอเงินมัดจำไว้ซึ่งจะให้คืนตอนเช็คเอาท์แต่เรื่องเกิดขี้น ก่อนหน้านั้นครับ มันบอกว่ามันขอห้องชั้น 7 มาตั้งแต่จองกับเซลส์ของโรงแรมเราแล้วครับ หึ เอาแล้วไงครับ มึงจองกับใครแล้วกูเสือกหน้าเจ้าไปดูตอนมึงจองตอนมึงบอกมั้ย โรงแรมทั่วโลกเค้าไม่มีการคอนเฟิร์มหมายเลขห้องกันหรอก ถ้าโจรจะปล้นมึงและเห็นหมายเลขห้องมึงตั้งแต่แรกป่านนี้เค้าก็ไปปล้นมึงแล้วดิ พอปล้นเสร็จมึงโทษใคร โทษโรงแรม ไอ้ควายตัวที่2 เอ๊ย เท่านั้นไม่พอมันยังปั้นหน้าปลากะโห้อ้วกใส่ผมอีกครับ นึกภาพตาตี่ ๆ ผมทรงเกาหลี(แต่หน้ามึงภูธรมาก) ถ้านึกไม่ออกให้นึกภาพหมากินแฟ้บแล้วอ้วกน่ะครับ ยืนทำหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มก็พอเสือกทำหน้าเป็นซนทีนอีกทีนี้ไปใหญ่เลยครับ ดูไม่ได้เลยครับ ไม่เกรงใจนี่เรียกแขกคนอื่นมาดูของแปลกแล้วน๊ะนี่ แต่ผมก็หาห้องให้มันจนได้ครับ หลังจากนั้นก็มาขอเงินมัดจำ มันทำหน้าเหมือนเดิมอีกครับ “อะไรกันคุณ ผมมาทุกครั้งไม่เคยเห็นขออะไรเลย” อ้าว แล้วมึงมาทุกครั้งนี่ใครเค้าจะไปจำมึงวะ โรงแรมเค้ารับมึงคนเดียวหรือไงหา ทั้งปีน่ะ มึงเป็นใคร สำคัญขนาดต้องจดจำเลยรึ “ไม่เป็นไรครับ(ด้วยความรำคาญ) ไม่เก็บก็ได้ครับ” แต่ในใจคิด ควายเอ้ย มึงสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไงวะ หลังจากให้กุญแจเสร็จผมก็รีบผละจากมันทันที ไม่อยากคุยกับควายแล้วครับงานนี้

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ช่วยกรูด้วย





เรื่องต่อมาครับขอเสนอตอน โรงแรมต้องช่วยชั้น เรื่องมีอยู่ว่า ประมาณ 3 ทุ่ม (เวลาอาถรรพ์จริง ๆ เลยเนี่ย) ปรากฏร่างเงาของแขกสันนิษฐานได้ว่าน่าจะมาจากตะวันออกกลางเพราะสำเนียงการพูดและหน้าตาใช่เลย แกมาพร้อมกับสาวที่แกพามาเมื่อคืนคับ เห็นแว้บแรกผมก็รู้เลยครับว่า ฮึ มึงมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินอีกแล้ว Hello I have a problem with lady. She stole my money. ประมาณว่าเขามีปัญหากับผู้หญิงเพราะผู้หญิงไปขโมยเงินเค้าครับ พลันที่แกแจ้งผมเสร็จเสียงเจ้าหล่อนก็ลอยมาเลยครับ “เงินมึงที่ไหน นี่มันเงินกูเอาออกมาจากกระเป๋าเมื่อกี้” นั่นได้ความอย่างหนึ่งแล้วครับว่าผู้หญิงคนนี้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องหรือเพราะมันเถียงกันมาแล้วรอบนึงก็ไม่ทราบ “คุณผู้หญิงกรุณาอยู่ในความสงบก่อนครับ แขกอื่นผมตกใจแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมขอเชิญหน้าโรงแรมครับ” ผมต้องปรามเธอก่อนครับเพราะรู้สึกว่าเธอเริ่มจะเดือดแล้ว ซึ่งหากเธอยังโวยวายแบบนี้ผมคงเดือดเหมือนกันครับ I want to call police. You have to call for me. I’m your guest. ประโยคแรกที่แขกคนนั้นจะแจ้งตำรวจเนี่ยผมพอรับได้ แต่ไอ้ประโยคที่สองที่บอกว่า “คุณต้องโทรให้ฉันเพราะฉันเป็นแขกคุณ” อันนี้ผมเริ่มไม่ไหวครับ มีอย่างที่ไหน กรูไปทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับมึงด้วยหรือเปล่า ก็เปล่า กูเอามีดจี้คอมึงให้พาผู้หญิงมาที่นี่หรือเปล่า ก็เปล่า มึงพาของมึงมาเอง แล้วพอถึงเวลาจะให้โรงแรมรับผิดชอบ ฝันครับ ฝัน ฝัน ฝัน ฝัน เลยมึงผมพยายามเก็บอารมณ์และตอบกลับไปอย่างสุภาพ I’m sorry sir evens your are our guest but our hotel don’t charge for joiner. So we not response for this case. ผมพูดด้วยสีหน้าที่แกมโมโหนิดส์ ๆ (จริง ๆ ก็ไม่นิดหรอกครับ) ประมาณว่า “ฉันรู้ว่าคุณเป็นแขกเราแต่โรงแรมเราก็ไม่ได้ชาร์จค่าที่คุณพาผู้หญิงเข้ามา ดังนั้นเราไม่รับผิดชอบกรณีนี้” พูดจบผมก็เอาหมายเลขโทรศัพท์สถานีตำรวจให้แกโทรไปแจ้งตำรวจ สักพักทั้งสองคนก็พากันไปสถานนีไปตกลงกันเอง แต่เชื่อไหมครับประมาณ 23.00 นาฬิกา หลังจากกลับมา มันสองคนเดินกอดเอวกันมาแล้วขึ้นห้องไปต่อซะงั้น ก่อนขึ้นเจอผมมันสองคนยังแวะขอโทษผมอีก เออ เอากะมันดิ เมื่อกี้มึงยังจะฆ่ากันอยู่เลย ทีงี้มารักกันซะงั้น.

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เบลบอยขอมา


เบลบอยขอมา 20/07/2010




เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนผมมาแชร์ประสบการณ์อีกทีนึงครับ คือเพื่อนผมเนี่ยแกเป็นเบลบอย หรือให้เข้าใจง่ายก็คนยกกระเป๋านั่นแหละครับ แต่ครับแต่ แต่ช้าก่อนน๊ะครับอย่าดูถูกว่า เขาเป็นแค่ตำแหน่งคนยกกระเป๋าน๊ะครับ แล้วคุณจะเสียใจ เพราะทุกตำแหน่งในโรงแรมถ้าไม่นับ Concierge เบลบอยนี่แหละครับคือตำแหน่งที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ชนิดที่รายได้ของเขา 1 เดือนเนี่ย มากกว่าเงินเดือนผู้จัดการบางแผนกซะอีกบางคนทำงาน 6 เดือน ป้ายแดงมาแล้วครับ ในขณะที่หัวหน้าแผนกบางคนยังขับมอเตอร์ไซด์อยู่เลย ก็ได้แต่มองเขาตาปริบ ๆ ตำแหน่งนี้แนะนำครับสำหรับคนที่ไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ (ที่แดกไม่ได้ แถมมีแต่เรื่อง) สนใจแต่เก็บเงินเก็บทอง บางคนเป็นเบลบอยเป็น 10 ปีก็มีครับ ติดหนึบเหนียวแน่น ทนนาน เค้าจะเลื่อนตำแหน่งก็ไม่เอา จะส่งไปทำงานที่ดีกว่าก็ไม่เอา ไล่ก็ไม่ไป มักน้อยคับ แต่เงินที่ได้นี่ไม่น้อยเลยน๊ะคับพี่น้อง ก็แหมจะไม่ให้เยอะได้ยังไงล่ะครับ ยกกระเป๋าขึ้นห้องทีก็ได้ แล้วไหนจะยกลงตอนเช็คเอาท์อีก แต่อันนี้ก็แล้วแต่ดวงด้วยน๊ะครับ บางทีเจอแขกบางคนดูดีมีสถุนรุนชาติมากใส่สูทผูกไทด์ พอยกกระเป๋าไปส่งที่ห้องเสร็จ ได้มาเต็ม ๆ ครับ “Thank You” ฮึ...เมิงคิดว่ามันกินได้มั้ยเนี่ยไอ้คำว่า แทงยู ของเมิงเนี่ย เวลาซื้อข้าวกูเอาเงินซื้อโว้ยไม่ได้เดินไปบอกแม่ค้า “ข้าวจานนึง อ่ะนี่ Thank You” ถ้าให้แค่นี้ล่ะก็สงสัยมีรูกลับโรงแรมแน่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรน๊ะครับเพราะนั่นคืองานเขา กลับกันคับบางคนมาแบบบ้าน ๆ ขาสั้นรองเท้าแตะกระเป๋า 2 ใบ แต่เผอิญวันนั้นเบลบอยมันว่างงานเลยขึ้นไปส่งให้ พูดง่าย ๆ ทำตัวให้ดูดี แต่พอไปส่งถึงห้องต้องอ้าปากค้าง พี่แกควักแบงก์ 100 ยัดใส่มือเฉย ใจนี่อยากจะเรียกไอ้ดูดีเมื่อกี้มาเห็นจัง เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังครับว่าครั้งนึงมีแขก คอมเพลน มันเรื่องที่มันไม่ไปช่วยยกกระเป๋า เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศไทย ได้ปรากฏร่างเงาของรถยนต์คันหนึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรถยนต์ของแขกผู้มีเกลียดที่กรุณามาใช้บริการที่โรงแรม แต่แทนที่มันจะจอดหน้าโรงแรมเพื่อเอากระเป๋าและสัมภารก อะไรลงก่อนเหมือนที่ชาวบ้านและมนุษย์โลกเค้าทำกันแล้วค่อยขับรถไปจอด ไม่ครับ นี่คงไม่ใช่ทางของเขา เขาขับรถอ้อมไปหลังโรงแรมทันทีครับและขับเร็วแบบไม่สนโลกด้วยไม่รู้จะรีบไปตามควายที่ไหน ในขณะที่ถ้าไม่มีใครสังเกตก็ไม่มีใครเห็น (ก็แน่ล่ะคับ เบลบอยน๊ะไม่ใช่ยามจะได้ไปยืนเฝ้ารถอยู่ตลอดเวลา) ก็ไม่น่าจะมีใครคิดว่าเป็นแขกที่กำลังจะมาเช็คอินท์ซึ่งจะต้องมีของเยอะพะรุงพะรัง ทุกคนก็คิดว่าเป็นแขกที่เช็คอินท์แล้วและกลับมาจากออกไปข้างนอก แต่ครับแต่ แต่อีกแล้วครับ 5 นาทีผ่านไป ปรากฏร่างเงาของสองสามีภรรยาเดินถือกระเป๋าและสัมภาระมากมาย เห็นไกล ๆ นี่กูนึกว่าจะไปเดินป่ากันน๊ะนี่ หน้าบูดเบี้ยวเหมือนเคี้ยวหมาก เข้ามาในโรงแรม มาถึงก็ใส่เลยครับ “ขอพบผู้จัดการหน่อยค่ะ” น้าน มุขเดิม คำพูดเดิม แต่เปลี่ยนคนใหม่ ก็ไม่เข้าใจทำไมเมิงต้องถามหาแต่ผู้จัดการวะ ทำไมไม่ถามหาแม่บ้าน คนสวน รปภ หรือเด็กเสิรฟท์บ้าง จำไว้น๊ะครับต่อไปถ้าใครมีปัญหาเวลาไปพักโรงแรม ลองแวกแนวถามหาคนอื่นดูบ้างน๊ะครับประมาณว่า “น้องค่ะ พี่มีเรื่องจะแจ้งทางโรงแรมค่ะ ขอพบคนสวนหน่อยค่ะ” อะไรเงี๊ยะคับ จะได้แหวกแนวหน่อย ย้อนกลับมาที่สองสามีภรรยาคู่นี้พอพวกเขาพบผู้จัดการก็จัดการเลยครับ ร่ายยาวตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนกระทั่งถึงกรุงธนบุรี แล้วถัดมาเป็นรัตนโกสินทร์จนได้ใจความว่าเค้าโกรธที่ไม่มีใครไปช่วยเค้ายกกระเป๋า โอ้..ให้ตายเถอะซาร่า มึงจะมาเช็คอินเนี่ย เวลามึงขับรถไปด้านหลังเนี่ย เบลฯ เค้าต้องวิ่งตามตูดไปดูทุกคันเลยมั้ย คนอื่น ๆ เค้ามาเช็คอินท์ เค้าก็จอดวนหน้าโรงแรมเอากระเป๋าลงก่อน ถ้าเค้าบอกว่ากินปลาแล้วจะฉลาดสงสัยพวกพี่ต้องกินปลาวาฬกันแล้วมั้งคับเนี่ยจะได้ทำแบบชาวบ้านคับ แต่อย่างที่บอกครับงานโรงแรมเป็นงานที่ คุณต้องเตรียมตัวถูกด่าตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า “กูไม่ผิด” เต็ม ๆ คับเพื่อนผมก็โดนไป ทำอะไรไม่ได้คับต้องทำใจ ถ้าไม่รู้จะทำไงก็ไปหาปลาวาฬมาให้มันกินก็ดีครับ อีกเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับเบลบอยครับ “แขกด่าว่าส่งกระเป๋าช้า” อันนี้เป็นปัญหาคลาสสิคครับที่ บรรพบุรุษของเบลบอยทุกรุ่นพยายามหาทางแก้ไขถึงขนาดผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติแต่ก็แก้ไขไม่ได้สักที ลำพังไอ้พวกที่มาห้องเดียว สองห้องก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ถ้าไอ้พวกที่มาเป็น กรุ๊ปเนี่ยแหละครับ นรกดี ๆ นี่เอง ตอนส่งก็ไล่ส่งตามรายชื่อแต่พอขึ้นไป เอาแล้วครับ “น้องค่ะคนนั้นไปอยู่ห้องนี้ค่ะ” คนนี้ไปอยู่ห้องนั้น, ช่วยเอาของพี่ห้องนั้นมาไว้ห้องนี้, เอาใบนี้ไปไว้ห้องนู้นให้ที, เช็คอินท์ตั้งแต่ 6 โมงเย็น 2 ทุ่ม เบลฯกูยังส่งกระเป๋าไม่เสร็จเลยเนี่ย มัวแต่เล่นเก้าอี้ดนตรี นี่ไม่นับกรุ๊ปที่ต้องส่งกระเป๋าแบบ "ท่านประทานอยู่ชั้น 18”, ผู้จัดการอยู่ชั้น 9, พนักงานอยู่ชั้น 1-4, อีกน๊ะครับ คิดดูแล้วกันมา 30 ห้อง อยู่ชั้นนี้ 10 ห้อง, ชั้นนั้น 2 ห้อง, ชั้นโน้น 6 ห้อง,ชั้นรักเธออีก 8 ห้อง, เห็นกรุ๊ปเข้าทีแล้วเหนื่อยแทนเล้ย

เอาอีก



วันนี้ผมเจอเคสนี้อีกแล้วครับ ขอห้องติดกัน เป็นปัญหาโลกแตกที่น่าเบื่อที่สุดในโลก แต่ก็หนีจากมันไปไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่ามีแขกคนไทย ย้ำครับว่า แขกคนไทย กลุ่มหนึ่งจองมา 3 ห้อง พอมาถึงเขาก็ประกาศก้องเลยครับ “สวัสดีค่ะ จองมาค่ะ 3 ห้อง” ผมก็ด้วยความหวังดี ๆ จริง ๆ ไม่ถามก็ได้แหละ แต่วันนั้นอารมณ์ดี “ต้องการห้องชั้นเดียวกันมั้ยค่ะ” พลันที่ประโยคนี้พลั้งปากหลุดออก ทีนี้ผมรู้เลยครับว่า นรกมันเป็นยังไง “ดีค่ะ ดิชั้นขอห้องที่อยู่ชั้นเดียวกันและติดกันค่ะ” นั่น ให้ 1 จะเอา 2 พอกูให้ 2 จะเอา 3 “ครับ เดี๋ยวผมหาให้น๊ะครับ” ผมก้มหน้าดูในระบบสักพักนึง แต่เนื่องจากตอนนั้นผมได้บล็อกห้องไว้สำหรับแขกทุกคนเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ห้องชั้น 4 ที่มี 2 ห้องติดกัน และเว้นห้องนึงเป็นห้องว่าง “โทษครับคุณผู้หญิง พอดีมีห้องชั้นเดียวกันแต่ 2 ห้องจะติดกันและเว้นอีกห้องนึงได้ไหมครับ” ยังไม่ทันจบประโยคเลยครับ มีเสียงเควี่ยตัวนึงสวนกลับมาเลยครับ พร้อมใส่เอฟเฟค กระแทกแดกดันสุดฤทธิ์ประมาณว่าผมเนี่ยผิด “ไม่ได้ค่ะ จะเอาติดกัน” อื้อ ซวยแล้วคับทีนี้ ห้องมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก เว้นห้องนึงมึงก็เว้นไม่ได้ นี่มึงนอนจับมือกันหรือไงวะ ถ้าอยากใกล้กันจริงมึงไม่ไปขี่คอนอนห้องเดียวกันเลยว่ะ ไอ้เควี่ยเอ้ย เชื่อมั้ยครับ ผมต้องยอมไปถอดบล๊อคห้องที่ผมจัดไว้ให้แขกคนอื่นแล้วเอามาให้ควายฝูงนี้แทน โอ้โหครับ สุด ๆ ครับ นี่แหละครับเค้าว่าคนเรามันไม่รู้จักพอจริง ๆ ตั้งแต่ผมทำงานมาน๊ะครับ ร้อยทั้งร้อย แขกที่ Complain กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ประมาณว่าไม่ได้ชั้นสูง ห้องไม่ติดกัน ห้องไม่เห็นทะเล เนี่ย เป็นแขกคนไทยครับ และผมเคยเจอครั้งนึงครับ มีแขกคนไทยมาถามผมว่า ที่นี่มีการแบ่งระดับการบริการหรือเปล่า ประมาณว่าฝรั่งบริการแบบนึง คนไทยบริการแบบนึง แถมทำหน้าประชดประชันสุดขีด จริง ๆ อยากจะตอบไปเหมือนกันนะครับว่า กูเนี่ยไม่ได้แบ่งระดับการบริการหรอก แต่มึงน่ะเคยเห็นใจคนไทยด้วยกันไหม เอะอะ อะไรก็จะ Complain ท่าเดียว เพราะรู้ว่าต้องได้อะไรสักอย่าง อาจจะ late check-out ได้ ไวน์ฟรี หรือ ดินเนอร์ฟรี จ้อง Complain ท่าเดียว ผมเคยเจอน๊ะครับ คิดได้ไงไม่รู้แขกคนไทยมา Complain ว่าท้องเสียเพราะกินกาแฟของโรงแรม ทั้ง ๆ ที่วันที่มันมา Complain น่ะ มันพึ่งออกไปกินส้มตำร้านหน้าโรงแรมมา พอผมให้ไวน์ไปขวดนึง เงียบเลยครับ เป็นฝรั่งเสียอีกที่ไม่ค่อยจะ Complain เท่าไหร่ เพราะพวกนี้ถ้าไม่หนักจริง ๆ เค้าจะไม่พูดครับเพราะเค้าถือว่ามาพักผ่อน แต่ฝรั่งงี่เง่าก็มีแต่ยังไงก็ไม่เท่าคนไทยเราด้วยกันนี่แหละครับ อีกอย่างแขกคนไทยชอบไม่ฟังครับเวลาอธิบายอะไร ที่เจอบ่อยก็พวกขอห้องติดกัน ขอห้องชั้นสูง แล้วอ้างว่าบอกแผนกสำรองห้องพักมาแล้วตอนจอง ทั้ง ๆ ที่เค้าก็บอกแล้วว่าของพวกนี้มัน On Request ไม่รับปากว่าได้แต่จะดูให้ เพราะเราไม่รู้ว่าห้องที่คุณจะเอาน่ะมีแขกอยู่หรือยัง ถ้ามีเราก็ให้ไม่ได้ จะไปให้เราเชิญเขาออกจากห้องเหรอ ไม่ว่าอธิบายยังไงก็ไม่ได้ ไม่ฟังจะเอาท่าเดียว ไม่ได้จะไม่พัก จริง ๆ ถ้าเป็นโรงแรมกูเองนี่ก็คงถีบหัวมึงออกไปแล้วล่ะ พูดภาษาคนไม่เข้าใจ ไม่ได้ห้องติดห้องชั้นสูงเราก็หาห้องที่ดี ๆ ให้ เสือกไม่เอาอีก อีกอย่างชอบจองระบุเบอร์ห้อง เช่น 1234 พอมาปุ๊บทีนี้งานเข้าล่ะครับ แขกเก่าเค้าอยู่ตั้งแต่มันยังไม่จอง บอกมันยังไงก็ไม่ฟังโทรไปหา Head Office ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากระดูกญาติฝ่ายไหนมันฝังอยู่ห้องนั้นถึงต้องได้ห้องนั้นตลอด เหลือกหน้าดูนามบัตรมัน ก็เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ คงไป 5 ดาวแล้วเค้าไม่ดูแลล่ะซิเลยต้องมา 3 ดาว นี่ถ้าไป 5 ดาว ขี้คร้านเค้าจะเฉดหัวออกมา จองแบบระบุห้องเนี่ยมึงเอาสมองส่วนไหนคิด

รูดปี๊ด รูดปื๊ด


15/05/2010



สุดยอดครับวันนี้เจอแขกกวนตี... มาก ๆ ถึง 2 เคสด้วยกันครับ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ที่วุ่นวายมากมายก่ายกองในเขตกรุงเทพฯ เมืองหลวงของเรา ทำให้อานิสงฆ์เกิดกับโรงแรมในต่างจังหวัดที่ผมทำงานอยู่อย่างแร้งงงงง ครับ เพราะไม่รู้ว่าบรรดาแขกเหรื่อ ทั้งรับเชิญ(จองมา) กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ (ไม่ได้จองมา ภาษาโรงแรมเรียก Walk-In) มาจากไหนมารู้ครับ เยอะมากกก ถึงขนาดที่ว่าก้มหน้าทำงานอยู่แป๊บเดียว โผล่ขึ้นมาอีกที อ้าว นี่กูอยู่ในมหกรรมแกรนด์เซลส์ในห้างหรือวะเนี่ย นี่ห้องกูไม่ได้แจกฟรีน๊ะโว้ย และในจำนวนแขกที่มีอุปการคุณที่มาอุดหนุนประดุจดั่งมารับของแจกฟรีนั้น ปรากฏร่างเงาของควายตัวหนึ่งครับ เดินเขาโง้งเข้ามาหาผมจากรูปพรรณ สัณฐาน แล้วคาดเดาได้ว่า มันเป็นควายต่างชาติที่มีภรรเมียเป็นสาวไทยเราเนี่ยแหละครับ “สวัสดีครับ ผมต้องการห้องครับ ผมจองมา” อ้าว พูดไทยได้ด้วย นี่ ไม่ธรรมดาน๊ะเนี่ยควายตัวนี้ “ครับผม เดี๋ยวผมขอชื่อด้วยน๊ะครับ” ผมรีบขอรายชื่อเพื่อมาค้นหาในระบบว่ามีจองมาจริงหรือเปล่า “ผมชื่อ......(ขอสงวนชื่อควายตัวนี้น๊ะครับ รู้แต่ว่ามันเขายาวมาก)” สิ้นเสียงมัน ผมก็ค้นหาว่ามันมีการจองมาจริงหรือเปล่าเป็นเวลานานมากครับ ประมาณเกือบ 10 นาที จนผมเริ่มแน่ใจแล้วครับว่าควายตัวนี้แม่งมั่ว แน่ ๆ เลย “ขอโทษน๊ะครับ ผมไม่เจอชื่อคุณในระบบ ไม่ทราบว่าจองมาเมื่อไหร่ครับ” ทันที่ที่มันได้ยินว่าผมหาชื่อมันไม่เจอเท่านั้นแหละครับ เขามันสะบัดขวับมาทางผมทันที “ทำไมจะไม่เจอ ผมจองมาแล้วนี่จองเมื่อกี้เอง” ฮึ เจริญแหละครับ มึงจองเมื่อกี้ จองกับเว็บไซต์ไหนก็ไม่รู้ ปกติถ้าจองผ่านเว็บไซต์อื่นเขาจะต้องรอให้รายการจองลิงค์มาเข้าระบบของโรงแรมก่อน ไม่ใช่หมายความว่าจองปุ๊บได้ปั๊บน๊ะครับ “เอาอย่างนี้น๊ะครับ งั้นเดี๋ยวช่วยลงทะเบียนก่อนเดี๋ยวผมหาห้องพักให้ก่อนแล้วผมจะตามเรื่องให้อีกทีครับ” พูดจบผมก็ยื่นปากกาพร้อมใบลงทะเบียนให้ “มันใช้กีบเท้าหยิบไปพร้อมหน้าตาไม่พอใจ แต่หญิงไทยเรานี่แหละครับตัวดี แทนที่จะช่วยกันอธิบาย เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดทีนเลยครับ ประมาณว่าผมทำผิดมาก ผิดที่ซุกหุ้น ผิดที่ไม่ยอมตั้งชื่อลูกหมีแพนด้า และอาจจะผิดถึงขั้นที่เมาแล้วไม่ยอมขับ โทษฐานที่จำมันสองคนซึ่งเป็นคนสำคัญที่พึ่งมาที่นี่ไม่ได้ โอ้โห สายตาเหยียดหยามมากครับ ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงภาพ พจมานถูกตัวอิจฉา(ผมจำไม่ได้ชื่ออะไร) มองเยี่ยงนั้นเลยแหละครับ นี่กรูต้องตกอยู่ในสภาพนั้นหรือนี่แล้วชายกลางที่ไหนจะมาช่วยกรูว่ะ พลันจากที่มันหยิบปากกาไปครับ มันไม่ลงทะเบียนครับ มันเอาไปหมุนเล่น โอ้โห ไอ้เว..ร นี่ คนอื่นรอคิวอีกตั้งเยอะ มึงมาหมุนปากกาให้กรูดูทำลูกสาวคุณยายมึงเหรอ มันไม่เซ็นไม่พอครับมันยังหันกลับมาบอกอีกครับ “ผมเคยมาพักแล้ว มีประวัติ ไม่เห็นต้องลงทะเบียนใหม่เลย” ปรี๊ด เลยครับผมทีนี้ โง่แล้วเสือกอวดฉลาดอีก กะอีแค่มึงหยิบปากกามาเซ็นเนี่ยจะเป็นจะตายเลยหรือไงก็ไม่ทราบ แล้วที่บ้าน สามีแม่มึงไม่บอกเลยหรือว่ามาทุกครั้ง ทุกคนเค้าก็ลงทะเบียนใหม่ทุกครั้ง ทุกคน ใครเค้าจะเก็บประวัติมึงล่ะไอ้ควา..ย เอ้ย มึงสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง ผมนี่โมโหมากจนมือสั่นครับ คิดว่าคงไม่ให้เช็คอินน์แล้วครับ จะเชิญออกไปโรงแรมอื่นเลยครับ มันคิดได้ไงครับ ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ได้ทั้งชีวิต อย่างงั้นมึงก็จ่ายครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดเลยมั้ยล่ะสาดดด ขณะที่บรรยากาศมาคุอยู่นั้น หัวหน้าผมก็เดินมาแกเห็นท่าไม่ดีเลยรับเรื่องไปจัดการต่อครับ หลังจากนั้นเป็นไงผมไม่ทราบเพราะผมเข้าไปสงบสติอารมณ์ข้างในหลังจากที่ยืนเถียงกับควายตัวพ่ออยู่นาน

อยู่ 2 คนค่ะ

11/05/2010



วันนี้เจอเคสที่หน้าด้านที่สุดในโลก กระเบื้องห้าห่วงยังเรียกพี่เลยอ่ะ เรื่องมีอยู่ว่าประมาณ 5 โมงเย็นของวันนี้มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาเช็คอินท์ครับ “น้องค่ะ พี่ต้องการเปิดห้องค่ะ” อ่ะนี่ครับกุญแจ เอ้ย ไม่ใช่ “แฟนพี่นอนคนเดียวค่ะพี่ไม่นอน” เธอแสดงเจตนารมได้แจ่มแจ้งมากครับ “ได้ครับพี่ราคาวันนี้อยู่ที่ประมาณ 1,600 บาทครับรวมอาหารเช้า (ซึ่งปกติมึงก็ต้องกินอยู่แล้วล่ะ) “ลดหน่อยไม่ได้เหรอค่ะน้อง” ฮึ มันมาแล้วครับลูกอีช่างต่อ นี่มึงคิดว่ามึงซื้อผักอยู่ปากคลองตลาดหรือไง โรงแรมกูก็ป้ายโชว์เบ้อเร่อเลยน๊ะว่า Hotel ไม่ใช่ Market ตามึงไม่ดีหรือว่ากูติดป้ายผิดวะเนี่ย ต่อกันอยู่นานคับ นานมากเจ๊แกต่อจนลิงหลับคับ จนพนักงานผมไปกินข้าวจนกลับมาแล้วยังต่อไม่เสร็จเลยครับนี่ถ้าหากทางออกไม่ได้มันคงยืนต่อผมไปอีกนานเท่านานเลยครับ ผมนี่อยากจะบอกเจ๊แกจริง ว่า นี่มึงจะเอาหรือไม่เอา ถ้ามึงจะเอาถูกก็นู้นเดี๋ยวกูกางเต๊นท์สนามหญ้าให้ นั่นแหละถูกโคตร มึงจะนอนตรงไหนเลือกปูเอาเลยน๊ะ แต่ผมก็ยังอุตส่าห์เสนอทางออก(แบบไม่เต็มใจ)ให้เธอน๊ะครับ “พี่ครับพอดีเรามีราคาที่ไม่รวมอาหารเช้าที่ถูกกว่าให้น่ะครับสนใจมั้ยครับ” พอได้ยินว่ามีราคาที่ถูกกว่า อีนี่ ตาโตเป็นไข่ห่านเลยครับ แทบจะถลนออกมานอกเบ้าเลยทีเดียว แต่มันเป็นทางออกสุดท้ายแล้วอ่ะผมคิดในใจ “แล้วราคาที่ไม่รวมอาหารเช้านี่เท่าไหร่ค่ะ” น้าน เริ่มแสดงออกมาแล้วครับ ธาตุแท้ของเธอ “อ๋อ ราคาไม่รวมอาหารเช้าก็ประมาณ 1,200 บาทครับ” โอเคค่ะงั้นพี่ขอห้องนึง 5 คืนไม่รวมอาหารเช้าค่ะ ในที่สุดเธอก็ตกลงจองห้องพักกับผม “เดี๋ยวขอบัตรเครดิตด้วยครับพี่” ผมขอบัตรเครดิตเธอมาชำระค่าห้องแต่เชื่อมั้ยครับผมรูดบัตรเธอ 3 ใบ ๆ ละ 5 ครั้ง ไม่ผ่านเลยสักใบ โอ้แม่เจ้า เป็นไปได้ไงท่าทางก็ออกจะดูดีมีสถุนรุนชาติ “เอ่อ ขอโทษครับคุณผู้หญิงบัตรรูดไม่ผ่านครับ” ผมแจ้งเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพแกมเซ็ง นิด ๆ พร้อมเป็นห่วงว่า มึงจะชักดาบกูมั้ยเนี่ย “เป็นไปได้ยังไงคะน้อง เมื่อกี้พี่ยังใช้อยู่เลย เครื่องน้องมีปัญหาหรือเปล่าค่ะ” ดูครับดู ๆ คนเรา ผมอุตส่าห์ไม่พูดว่าเงินมันไม่พอจ่ายโว้ยในบัตรมึงน่ะแล้วน๊ะเนี่ย อุตส่าห์เลี่ยงไปใช้คำว่าขอบัตรใหม่แล้วน๊ะ เสือกมาประจานตัวเองอีก ไม่เป็นไรอ่ะจัดให้ “คืออย่างนี้ครับ เครื่องแจ้งว่าบัตรวงเงินไม่พอจ่ายครับ ทั้ง 3 ใบเลยครับที่ไม่ผ่าน ไม่ทราบพอมีบัตรอื่นหรือเงินสดแทนมั้ยครับ” เงียบกริบเลยครับทีนี้บรรยากาศป่าช้ามาเยือน เหมือนรู้ตัวเองว่าเพิ่งเอาตังค์ไปบริจาควงไพ่มาแล้วเสือกลืม เลยมารูดต่อ “อ่ะไม่เป็นไรใช้บัตรของแฟนพี่ล่ะกัน” งานเข้าละคับไอ้ผู้ชาย มึงพากรูมานอนนี่ยังเสือกให้กรูจ่ายอีกนี่กูยืนอยู่เฉย ๆ น๊ะเนี่ย ถ้าผมเป็นไอ้ผู้ชายนี่คงเซ็งน่ะคับ แม่งเอ้ยพากรูมานอนทำเป็นจัดการดิบดี สุดท้ายกรูก็จ่าย หลังจากชำระเงินเสร็จพอดีแกมีเด็กมาด้วยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นเด็กธรรมดา คงเป็นเด็กที่เผลอกินควายเข้าไปทั้งตัวครับเพราะตัวแมร่งใหญ่มาก รอบเอวประมาณสามคนโอบได้ ผู้เข้าพักถ้ารวมตัวแกกับแฟนแกก็ 4 คน ซึ่งมันเกินจำนวนแขกที่โรงแรมอนุญาติให้เข้าพัก “โทษน๊ะครับไม่ทราบว่าพักกี่ท่านคับ “อ๋อ พี่นอนแค่ 2 ชม.เดี๋ยวพี่ก็ไปแล้วค่ะ แฟนพี่อยู่คนเดียว” จำไว้น๊ะครับ มันบอกแฟนมันอยู่คนเดียว พอผมขึ้นไปส่งแล้วมันเห็นห้องเท่านั้นแหละครับมันเสือกหลุดปากออกมาคับ “เดี๋ยวลูกนอนข้างล่างก็ได้เนอะ” ฮึ อีกห่..รากเอ้ย ไหนมึงบอกนอนคนเดียวไง แล้วไอ้หมูสองตัวนี้มึงจะให้มันนอนกับพื้น มึงบอกมาตั้งแต่แรกกูก็ไม่เอามีดจี้คอมึงหรอก เสือกโกหกอีก ผมไม่พูดอะไรคับเดินกลับลงมาดังเดิม จากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงผ่านไปครับ เธอลงมาหน้าล็อบบี้ “น้องค่ะ พี่ขอผ้าปูที่นอนหน่อยได้ไหมค่ะ” แว้บแรกที่สบสายตาและจบประโยคคำพูดมันควายยังคิดได้เลยคับว่ามันจะเอาไปทำอะไร มันจะเอาไปปูนอนคับ ปูนอนในห้อง ๆ ที่มันบอกว่าแฟนมันนอนคนเดียวนั่นแหละครับ อยากจะย้อนถามจริง ๆ จะเอาไปทำอะไรคับพี่ แฟนพี่นอนคนเดียวไม่ใช่เหรอครับ หรือพี่จะเอาไปห่อตัวพี่แล้วฝังครับ หมั่นใส้ครับ หมั่นจริง ๆ บอกเราแต่แรกว่าอยู่กันหมดจะไม่ว่า นี่โกหกแล้วเสือกหน้าด้านอีก

ห้องข้าใครอย่าแตะ

10/05/2010



วันนี้เสนอตอน ห้องข้าใครอย่าแตะ....ช่วงนี้ผมเข้าเวรบ่ายครับซึ่งเวลาทำงานก็จะเป็นบ่ายสองโมงจนถึงห้าทุ่ม และในเวลา 20.30 น. นั้น ปรากฏร่างชายวัยกลางคนดูจากลักษณะแล้วคงจะใส่วิกเพราะผมจริง ๆ คงไม่กล้ารองรับความด้านได้ “เช็คอินครับ จองไว้ห้อง 354” งง ครับ วินาทีแรกที่เจอประโยคนี้ไป พี่แกเล่นแจ้งเบอร์ห้องล่วงหน้า ซี่งปกติตามหลักสากลโลกแล้วไม่มีโรงแรมไหนที่ปกติเค้าทำกันหรอกครับ เนื่องจากเพราะเราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าห้องนี้จะมีคนมาพักก่อนหรือไม่ มัวแต่รอมึงมาพอดีกูก็ไม่ได้ขายห้องกันพอดี แล้วก็เป็นดังคาดครับหลังจากที่เช็คห้อง 354 แล้วนั้นมีคนพักเรียบร้อยแล้ว ผมจึงแจ้งกลับให้คุณลุงแกทราบ “ขอโทษครับห้องนี้มีแขกพักก่อนหน้านี้แล้วครับ ไม่ทราบว่าเป็นห้องอื่นได้ไหมครับ” จริง ๆ ถ้าคนไม่กวน ทีน ก็คิดว่ามันก็น่าจะหยวน ๆ กันได้น๊ะครับเพราะกรูก็ไม่ได้ทำอะไรผิดอยู่แล้วมีแต่มึงนี่แหละที่ผิด เสือกขอห้องมาแล้วเข้าใจว่าต้องได้ห้องนี้ แต่ไอ้นี่มันเหมือนควายเผือกที่หายยากในป่าไผ่ครับเพราะ มันไม่เข้าใจทุกอย่างเหมือนที่ชาวบ้านเค้าเข้าใจ “โอเคครับคุณลองหาให้ผมละกันเอาแบบที่คล้าย ๆ กัน” มันบอกผมมาแบบนี้ครับซึ่งผมก็คิดว่ามันคงเข้าใจแล้วว่าห้องที่มันจองมาแล้วนั้นมันไม่ได้ แล้วแกก็เดินหายไป หลังจากนั้นได้ 5 นาที ย้ำครับว่า 5 นาที มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่ผมรับสายแล้วปรากฏว่าเป็นเสียงของแผนกรับจองห้องพักที่มีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพครับ “พี่ค่ะ พอดีแขกบริษัทผลิตน้ำผลไม้ยี่ห้องดังมากมาย (เลยคิดว่าตัวเองสำคัญ ซึ่งจริง ๆ มึงก็ไม่ได้เป็นคนคั้นกับเค้าด้วยเลยน๊ะนี่) โทรมาวีนหนูค่ะว่าไม่ได้ห้องที่จองไว้ ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาดมั้ยค่ะพี่” ปรี๊ดเลยครับผม ตอนนี้ปรี๊ดเลยคับ นอกจากจะรบกับแขกแล้วไม่พอนี่กรูยังต้องมารบกับมึงอีกเหรอนี่ มึงเป็นแผนกรับจองห้องมึงไม่เข้าใจเหรอว่าเราไม่มีนโยบายการันตีห้องพักแขก นี่มึงสอบสัมภาษณ์งานเข้ามาได้หรือส่งฝาโค้กชิงโชคมาได้วะเนี่ย ใจนี่อยากจะเดินไปกระชากคอเสื้อถามเลยครับว่า “ไม่ทราบว่ากระดูกของใครฝังอยู่ห้องนี้เหรอครับ เมิงถึงนอนห้องอื่นไม่ได้ จะต้องไปเคารพก่อน” ทีหลังถ้าเป็นอย่างนี้เวลาเข็คอินผมจะได้ทำรีวิวให้ เปิดพัดลม โปรยใบไผ่แห้ง พร้อมกับตัวเอกสบถทำอาลัย “ท่านพ่อ ข้าน้อยไม่สามารถดูแลท่านได้ เป็นเช่นนี้แล้ว ก๋วยเจ๋งขอลาก่อน หากแต่จะขึ้นไปเคารพอัตฐิท่านพ่อ ติดอยู่ก็แต่จอมมารพนักงานต้อนรับนี้ไม่ยอมให้ลูกได้ห้องที่กระดูกท่านฝังไว้” หลังจากนั้น เอื้อ แกก็กระอักเลือด อ่าเฮื้อ ข้าน้อยขอลาก่อน แหม คงจะดราม่าน่าดูครับ แต่ครับ แต่ แต่หลังจากนั้นผมก็ต้องขวนขวายหาห้องใหม่ให้ควายตัวนี้ได้ขึ้นไปเล็มหญ้าจนได้ นี่แหละหนาอาชีพบริการ ผิดถูกไม่รู้แต่แขกต้องถูกเสมอ









บัตรข้าใครอย่าแตะ



02/05/2010าเป็นเมื่อ 26 ปีที่แล้วผมคงอยู่ในสภาพแบเบาะเพราะแม่พึ่งคลอดผมมา ใช่แล้วคับ วันนี้วันเกิดผมแต่รู้ไหมครับว่าผมเจออะไร นดับแรกเลยครับ ชายผู้หวงแหนในความเป็นเอกราชและสิทธิส่วนบุคคลอย่างแรก เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ครับ คือแกได้ทำการจองห้องพักไว้น๊ะครับจำนวน 1 ห้อง และแกก็ได้มาลงทะเบียนที่หน้าล็อบบี้ “สวัสดีครับ เช็คอินน์น๊ะครับ” ผมทักทายด้วยสีหน้าท่าทางที่เป็นมิตร (สุด ๆๆ แม้มันอาจจะดูเกินงามไปบ้าง) “ครับ ผมเช็คอินน์ครับ” จองมาในนามของคุณ....... ขอสงวนชื่อน๊ะคับผมกลัวโดนฟ้องเดี๋ยวผมล้มละลาย “รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยครับ” พอจบประโยคนี้เท่านั้นแหละคับ ทุกอย่างรอบตัวเขาเหมือนหยุดหมุน ประดุจดั่งเขากำลังถูกขอร้องให้ทำหมันยังไงไม่ทราบ “ทำไมต้องให้บัตรประชาชนด้วยล่ะคับ มีข้อมูลผมอยู่แล้วนี่คับ” น้าน มีหัวหมอมาด้วย แกจะไม่ยอมให้บัตรประชาชนครับ ต้องเรียนให้ทราบก่อนน๊ะครับว่าทุกโรงแรม(ในโลก) เวลาเช็คอินน์สิ่งที่ต้องขอสำหรับคนไทยคือ บัตรประชาชนและบัตรเครดิต กรณีที่ลูกค้าต้องการชำระค่าห้องเป็นบัตรเครดิตครับ และสำหรับชาวต่างชาติ ก็คือหนังสือเดินทางหรือ พาสปอร์ต ซึ่งมันก็เป็นสิ่งทีพวกคุณทุกคนต้องพกติดตัวอยู่แล้ว หรือจะเถียงว่าไม่พก (แต่ไม่แน่อาจมี) ต่อให้พี่แกไปพักโรงแรม 13 ดาว เขาก็ต้องขอบัตรประชาชนลงทะเบียนอยู่นั่นแหละครับ “ทำไมต้องให้ด้วย ผมไม่ให้น๊ะนี่มันสิทธิส่วนบุคคลน๊ะคุณ” เอา เอาเข้าไป นี่กูแค่ขอบัตรมึงถ่ายเอกสารมึงเอามาขีด ๆ สองทีแล้วเขียนสำเนาถูกต้องกันกูนำสำเนาบัตรของมึงไปสมัครบัตร อีอ้วน วีซวย มาสเตอร์กล้วย หรือ อเมริกันสแตนอัพ ก็ได้นี่ถ้ามึงกลัว แล้วมึงอ้างสิทธิส่วนบุคคลมาอีก นี่กูไม่ได้ไปบุกรุกที่ดินทำกินแถวบ้านมึงน๊ะนี่ “คือคุณผู้ชายครับ(โว้ย) มันเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเราต้องเก็บเป็นฐานข้อมูลเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้มีข้อมูลในการติดต่อคับ “ จริง ๆ อยากพูดให้มันเข้าใจง่าย ๆ น๊ะครับว่า เผื่อมึงเนี่ยมานอนแล้วเกิดตายห่.. ขึ้นมาเนี่ย กูจะได้รู้ว่ากูจะต้องส่งศพมึงไปที่ไหน หรือถ้ามึงเกิดประสบอุบัติเหตุ โดนพนักงานต้อนรับขับเครื่องบินชนแล้วเสียเลือดมาก ๆ เนี่ย เขาจะต้องให้เลือดกรุ๊ปอะไรกับมึง ถ้ามึงไม่มีกรุ๊ปเลือดจะได้ไปเอาเลือดหมู เลือดวัว มาให้ แต่ความคิดผม ๆ ว่าร้อยทั้งร้อย เวลาไปทำบัตรประชาชนแล้วเจ้าหน้าที่ถามว่าเลือกกรุ๊ปอะไร ทุกคนจะจำไม่ได้และไม่ใส่ไว้เป็นดี ไม่เว้นแม้แต่คนไว้ใจว่ามันต้องเป็นกรุ๊ปนี้ เพราะกลัวเค้าให้เลือดผิด (ซึ่งน่าจะเป็นไอ้นี่) ผมก็อธิบายอยู่นาน มันก็ยังไม่ให้ นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าคนเยอะนี่ผมจะจุดธูปกราบมันเลยเนี่ย เอ หรือมึงเป็นแม้ว เป็นม้ง กะเหรี่ยงว่ะ กูเห็นคนไทยทุกคนเวลาขอบัตรประชนเค้าก็ยินดี ภูมิใจนำเสนอ หรือว่าในบัตรมันจะเป็นนางสาว แต่ตัวจริงเป็นนาย หรือตัวจริงเป็นนาย แต่ตัวจริงเป็นนางสาวกันแน่เนี่ย หลังจากผมพร่ำพรรณนา วิงวอน ขอร้อง ว่าขอกูเถอะ กูขอถ่ายเอกสารบัตรมึงนิดนึงน๊ะ แล้วกูจะไม่ยุ่งกับมึงเลย ไม่มารบกวนหัวใจ ไม่มาให้เห็นเลย อยู่ประมาณ 5 นาที มันก็ให้บัตรมาครับ แต่ให้มาแบบ งง ๆ จังหวะนั้นผมรีบตระครุบไว้แล้ววิ่งไปถ่ายเอกสารอย่างรวดเร็วพร้อมนำกลับมาคืนมัน สักพักก่อนไปเดินไปเกือบถึงลิฟท์และยังมีการหันมาถามอีก “ไม่เอาสำเนาบัตรผมไปทำอะไรน๊ะครับ” แหม กูก็กะว่าจะเอาไปแปะตามเสาไฟประกาศหาเจ้าของดูเหมือนกันว่ะ พอหลังจากนั้นมาไม่เกิน 20 นาทีครับ มีสาวใหญ่(มาก)วัยกลางคน ๆ หนึ่งเดินมาเช็คอินน์ “เช็คอินท์ค่ะ” เธอประกาศอิสรภาพมาแต่ไกล แต่ช่วงนั้นคนก็ยุ่งนิดนึงน่ะครับ หลังจากสุดเสียงทักทาย เธอก็ยื่นบัตรประชาชน โดยไม่ต้องร้องขอแบบไอ้นั่น มาให้ผมถ่ายเอกสาร ผมก็ถ่ายเอกสารไป ให้เธอลงทะเบียนไป ซึ่งในลำดับแล้วเธอจะต้องรอคิวอีก 4 คิว แต่เธอไม่คิดอย่างนั้นครับ ขณะที่เธอกรอกแบบลงทะเบียนเสร็จ แล้วก็รอผมทำเรื่องให้เธอ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผมกำลังทำการเช็คอินท์ให้แขกที่มาก่อนเธออีกจากคิว 1 จนถึงคิวที่ 3 ซึ่งต่อไปกำลังจะเป็นคิวเธอ ทันนั้นปรากฏเสียงของชะนีนางหนึ่งร้องหาผัว เอ้ย ไม่ใช่ ร้องทักออกมาด้วยความไม่พอใจ “น้องค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่เนี่ย เค้าให้สิทธิแขกต่างชาติก่อนเหรอค่ะ” สิ้นเสียง ผมและแขกชาวต่างชาติหันไปมองเธอพร้อมกัน และทำหน้าไม่เข้าใจโลก อ้าว นี่มึงไม่ได้เถือกตาดูเลยเหรอว่ามึงน่ะอยู่ลำดับที่ 4 มึงมาที่หลังเขาเพียงแต่กูถ่ายเอกสารให้มึงก่อนเพราะไม่อยากให้มึงรอนาน แต่ไฉนเลยมึงจึงคิดได้ว่ามึงนั้นจักควรที่จะต้องได้รับการเช็คอินทันที” เรื่องนี้ผมไม่ยอมครับจึงตอบสวนไป “คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิงมาลำดับที่ 4 น๊ะครับ ซึ่งเป็นโควตา สุดท้ายของการไปเล่น แชมป์เปี้ยนส์ลีก พอหมด มร. คนนี้ก็ถึงคิวคุณผู้หญิงน๊ะครับ” รู้มั้ยครับเธอประชดผมว่าไง “อ้าว เหรอค่ะ พี่ก็นึกว่าฝรั่งมาก่อนได้ก่อนเห็นเค้ามาหลังพี่” โอ้ แม่เจ้า หน้าด้านมากครับ เพราะตอนเธอมาฝรั่งคนนี้เค้ารอคิวอยู่เป็นคนที่ 2 ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมมึงไม่เห็น หรือกูต้องไปซื้อบิ๊กอาย ตาควายมาใส่ให้มึงดู สิ้นเสียงเธอก็เชิดหน้า (คอแทบหลุด) เดินจากผมไป เท่านั้นแหละครับความหมั่นใส้ผมจึงเกิด ผมเดินไปบอกเธอเลยครับ “พี่ครับห้องพี่ได้บ่ายสองโมงตามเวลาเช็คอินท์ครับ ยังไงเดี๋ยวบ่ายสองติดต่อรับกุญแจเลยน๊ะครับ” สิ้นเสียงผมก็เดินหนีมาทำงานต่อ ปล่อยให้เธอ งง เป็นชะนีตาแหกอยู่นั่นแหละคับ ครั้นเธอจะเดินมาถามก็เข้าไม่ถึงผมแล้วเพราะแขกล้อมเยอะ ฮิ ฮิ สะใจ ตอนนั้นแค่เวลา 10 โมงเช้าเองครับ จริง ๆ ห้องก็สะอาดแล้วล่ะ แต่โดนข้อหาหมั่นใส้นิ่ครับ แต่ผมก็ให้ห้องเธอไปตอน 11 โมงครับ ไม่อยากแกล้งมากเดี๋ยวชะนีป่วย..



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ชาย(สาว)ผู้รักชาติ

24 เมษายน 2553



วันนี้เจอเคส คนรักชาติครับแต่ไม่รู้ซนทีนอะไรเลย เรื่องมีอยู่ว่า มีพนักงานของสายการบินแห่งหนึ่งเป็นสายการบินที่ทุกคนใฝ่ฝันว่าอยากจะทำมาก แต่ขอบอกว่าเก่งแค่ไหนเมิงก็เข้าไม่ได้เพราะเมิงไม่มีเส้น ฮ่า ๆๆๆ เพราะเมิงไม่ใช่ลูกคนใหญ่คนโต เฟ้ย ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า He หรือ She ดี เพราะเท่าที่ดูนั้นเขาเป็น ผู้ชายข้ามเพศฮ้า ประมาณว่าตัวเป็นชายใจเป็นหญิงน่ะค้า เขามากันสามคนครับ มาถึงก็เอาเลยครับ “check out ครับ” แหม ช่างกล้า อุตส่าห์มีครับด้วยน๊ะ แอ๊บซะได้โล่ ปากแดง หน้าขาววอก ใส่กางเกงรัดรูปฟิ๊ตเปี๊ยะจนมดเข้าไปตายเนี่ย อื้อหือ ยังอุตส่าห์พูดครับอีก “ได้ครับ คุณผู้ชาย (น้าน ผมก็ยังอุตส่าห์กล้า ๆ เรียกคุณผู้ชายน๊ะนี่)” หลังจากที่ผมขอเบอร์ห้องและทำหน้าที่เช็ครายการค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว พอดีว่าห้องนี้มีสิทธิพิเศษในส่วนของค่าห้องพักครับ เนื่องจากว่า ด้วยความที่เขาเป็นพนักงานสายการบิน ซึ่งตามโรงแรมต่าง ๆ จะมี Room Rate สำหรับพวก Airline Staff พวกนี้ครับ เนื่องจากด้วยความเข้าใจของทางผู้บริหาร (ซึ่งไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด) ว่าพวกนี้เนี่ย เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ สามารถหาแขกให้เข้ามาพักกับทางโรงแรมได้ ประมาณว่าแขกนั่งบนเครื่องบินปุ๊บ พนักงานก็หยิบเมนูโรงแรมมาเสริฟท์ปั๊บ “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิง คุณผู้ชายมีที่พักหรือยังค่ะ ชอบแบบชายทะเลหรือชอบแบบเมืองกรุงค่ะ แนวบ้านนอก เราก็มีน๊ะค่ะ สนใจเลือกโรงแรมในเมืองกด 1 สนใจเลือกโรงแรมชายทะเลกด 2 รายละเอียดติดต่อหลังเครื่องลงค่ะ” ผมก็เข้าใจน๊ะครับว่าพนักงานสายการบินเนี่ยมีความสามารถที่จะแนะนำโรงแรมให้กับผู้โดยสารได้ แต่ลองคิดดูน๊ะคับ พอขึ้นเครื่องก็ต้องทำหน้าที่ Air Hostess หรือ สจ๊วต คอยเสิรฟท์น้ำชา กาแฟ เหล้า ขนม ข้าวปลาอาหาร แถมหากเจอศึกหนัก อาจมีเช็ดอ้วกคนเมาเครื่องบินด้วยอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่า ไอ้ที่สอบคัดตัวกันเป็นวัน ๆ ประมาณว่า สมัครสามหมื่นคนเอาแค่ร้อยคน รอคัดตัวกันเป็นวันๆ ปวดขี้ ปวดเยี่ยวก็ไปไม่ได้เดี๋ยวเลยคิวกู เพื่อขึ้นไปเสิรฟท์ ชา กาแฟ เหล้า เช็ดอ้วกเนี่ย ทำไม๊ ทำไมอยากเป็นกันนักไม่เข้าใจ และดูจากงานที่พวกเขาต้องรับผิดชอบแล้วพวกเขาและเธอจะเอาเวลาที่ไหนไปแนะนำโรงแรมให้คุณล่ะครับล่ะครับร้อยนึงเอาบาทเดียว แขกที่มาเช็คอินเนี่ยไม่เคยมีคนไหนหรอกครับที่บอกว่า “อ้อ พอดีไอมาพักที่โรงแรมนี้เพราะมีแอร์ฯ คนหนึ่งแนะนำมา” สาบานได้ถ้ามีกรูกราบตีนเลยอ่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หัวสั่งยังไง หางก็ต้องส่ายตามนั้น ย้อนกลับมาที่เรื่องของผู้ชายข้ามเพศคนนี้กันก่อนน๊ะครับ ห้องของเขาคนนี้เป็นห้องธรรมดาและ ฮี เลือกที่จะอัพเกรดไปอยู่ห้องที่สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ประมาณว่า ไฮโซคับ (ปล. แต่มึงจ่ายเรตแค่สองพันกว่าบาท จากที่กูจะขายได้ห้องละสี่พัน ก็ต้องลดมาขายมึงแค่สองพัน ไฮโซมากเลยน๊ะมึง) ฉะนั้นในบิลของ ฮี เนี่ยก็จะมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าห้องและค่าอัพเกรดห้องซึ่งทางโรงแรมเนี่ยในฐานะที่เปิดโรงแรมใหม่เราให้เป็น ฟรี อัพเกรดไป แต่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ ซึ่งในใบค่าใช้จ่ายนั้นจะไม่ได้เขียนออกมาว่าเป็นค่า Vat & Service Charge แต่เขียนเป็น Accommodation หรือค่าห้องพักแทน ซึ่งความหมายและ Code ที่ใส่ก็คือตัว Vat & Service Charge เหมือนเดิม เพียงแต่ด้วยความที่โรงแรมมันเพิ่งเปิด คำอธิบายนี้มันเลยยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Tax & Service Charge ทีนี้พอแว้บแรกที่ ฮี เห็นคำนี้เท่านั้นครับ แต๋วแตกเลยครับพี่น้อง เธอหันไปกรี๊ดกับเพื่อน เสียงเหมือนควายถูกเชือดก็ไม่ปาน นี่ยังแอบคิดอยู่ว่าถ้ามึงอยู่บนเครื่องแล้วเจอผู้โดยสารอ้วกแตกนี่มึงจะร้องเสียงแบบนี้มั้ยเนี่ย “ต๊าย ตายแล้ว ดูซิเธอ (นั่น คนเดียวไม่พอ เสือกหาแนวร่วมมาให้กูอีก รู้ก็รู้ว่าผู้ชายแบบมึงนี่มันเป็นแบบพันธุ์พิเศษ คือขอให้กูได้เถียงไว้ก่อน และไม่เคยฟังอะไรเลยนอกจากเสียงด่าของตัวมันเอง มาคนเดียวก็พอและ นี่แม่งจะเล่นสามรุมหนึ่งกับกรูเลยหรือนี่) ไหนบอกว่าเราได้ฟรีค่า อัพเกรด ไง ทำไมยังมีค่าห้องพักอยู่อีก หมายความว่ายังไงค่ะน้อง (น้าน กูไปนับญาติกับมึงตอนไหน กูลูกคนโตไม่มีพี่ ใครน้องมึง) ดูซิเธอ I think it’s not fair ผมยินดีเสียภาษีให้ประเทศน๊ะ แต่ทำอย่างนี้มันไม่ถูก คุณจงใจเลี่ยงภาษีนี่แบบนี้” น้าน ไปนู้นเลยครับ นี่มึงพูดซะกูรู้สึกผิดไปเลย ประมาณว่าหากประเทศไม่ได้เงินภาษีของมึงเนี่ย ระบบเศรษฐกิจจะสั่นสะเทือน รัฐบาลจะสร้างถนนไร้ฝุ่น และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไม่ได้ หลายโครงการจะหยุดชะงัก หุ้นจะตก หมีแพนด้านจะไม่คลอดลูก เคโงะจะไม่เจอพ่อ เพราะขาดเงินภาษีจำนวน 177 บาทของเมิง “เอ่อ ไม่ใช่ครับ พอดีว่าที่โชว์เนี่ยเป็นรายการค่าห้องพักแต่เงินที่เสียเนี่ยเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จครับ พอดีว่าตอนนี้ระบบเรายังไม่เสร็จครับมันเลยโชว์เป็นค่าห้องพัก” ผมอธิบายด้วยคำพูดที่สุภาพ แต่ในใจก็อยากจะตอบแบบฮาร์ดคอร์เหมือนกันน๊ะครับ “ใช่ครับพี่ นั่นซิครับ มันไม่ถูกน๊ะคับเนี่ย ประเทศชาติต้องการคนอย่างพี่ครับ คนอย่างพี่นี่แหละคับที่ประเทศเราขาดหายไป เราต้องเอาเงิน 177 บาทนี่เข้าคลังหลวงให้ได้คับพี่ ถ้าไม่ได้เราต้องไปตั้งม็อบประท้วงกันหน้าชายหาด ปิดหาดมันไปเลยคับพี่ เอาให้เต่าทะเลและแมงกระพุนลอยเข้าฝั่งไม่ได้เลยครับ” โอ้โห คับ อะไรมันจะขนาดนี้ จริง ๆ อย่างที่บอกแหละครับว่า เงินจำนวนนี้มันถูกเสียเป็นค่าภาษีและเซอร์วิสชาร์จเรียบร้อยแล้วเพียงแต่ Detail ที่ปรากฏในใบค่าใช้จ่ายน่ะมันแค่โชว์เป็นแค่ค่าห้องพักเท่านั้นเอง ที่นี้เมื่อแกไม่ยอมผมทำยังไงรู้มั้ยคับ ผมก็ใช้โค้ดเดิมตัวเดิมนี่แหละครับ เพียงแต่พิมพ์เข้าไปใหม่โดยใช้คำว่า Tax & Service Charge ทีนี้ยื่นให้ฮีดูใหม่ครับ “ใช่ ถูกต้องมันต้องเป็นแบบนี้ซิ ไม่ใช่ค่าห้องพัก” อื้อหือ โง่แล้วอวดฉลาดอีกมึง มึงไม่เสือกแหกตาดู Code มันเลยว่ามันก็เป็น 1000 ค่าห้องพักเหมือนกันเพียงแต่มันเปลี่ยนคำอธิบายเป็นค่าภาษีและเซอร์วิสชาร์จเท่านั้นเอง เฮ้อ คนเราเนี่ยโง่แล้วยังอวดฉลาดอีกเนอะไม่เข้าใจ

ผู้จัดการที่รัก

22 เมษายน 2553



วันนี้มาเจออีกแล้วคับแต่เช้าเลย “น้องค่ะพี่ขอพบผู้จัดการค่ะ” เสียงเธอบอกเจตนารมและอาการที่เด็ก ป.5 ได้ฟังยังรู้เลยว่า “มันมาด่ากูแน่ ๆ “ เพราะสภาพหน้าที่เห็นนั้น หงิกอย่างกับเงาะโรงเรียน ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า จนผมเกือบอดไม่ได้ที่จะเอามือจิ้มให้มันกลับเข้าไป “ครับพี่ ผมนี่แหละครับผู้จัดการแผนกต้อนรับ (จริง ๆ ไม่ได้เป็นหรอกครับ เป็นแค่ผู้ช่วยผู้จัดการ แต่พอดีตอนนั้นโรงแรมยังไม่มีผู้จัดการฝ่ายต้อนรับ ผมก็เลยแต่งตั้งตัวเองขึ้นรับตำแหน่งให้มันรู้แล้วรู้แรดกันไปเลย) และไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแอบอ้างตัวเองในตำแหน่งที่ผมก็รู้อยู่ว่า กูไม่ได้เป็นโว้ยนะครับ เพราะบางทีผมก็ยังเคยได้รับตำแหน่ง GM (ผู้จัดการทั่วไป) RM (ผู้จัดการแผนกห้องพัก) หรือแม้แต่ Chief Security ภาษาบ้านเราก็หัวหน้ายามนั่นแหละครับ ผมก็เคยเป็นมาแล้วน๊ะครับ นี่ถ้าไม่เกรงใจผมคงจะไปเป็นคนสวนด้วยท่าจะดี เอาให้ครบ และถ้าในสลิปเงินเดือนผมเค้าให้ตามตำแหน่งที่ผมอ้างอิงเนี่ยล่ะก็ ผมคงขอรับเงินเดือน GM แหละครับเพราะเยอะดี ฮิ ฮิ “พี่ขอ Complain โรงแรมน้องค่ะ” (คับ ไม่บอกก็รู้ พี่คงไม่ได้มาให้หวยผมหรอกครับผมรู้แล้ว) พี่ไม่เข้าใจเลยค่ะ เมื่อคืนเนี่ยห้องข้าง ๆ พี่เสียงดังมากเลยค่ะ พี่นอนไม่ได้เลย โทรลงมาแจ้ง Night Manager (ผู้จัดการรอบดึก) แล้ว เค้าแจ้งว่าห้องเต็มไม่มีห้องเปลี่ยน “ครับยังไงเดี๋ยวผมขอไปเช็ครายละเอียดกับพนักงานก่อนแล้วกันน๊ะครับ” หลังจากนั้นผมก็สงบปากและอารมณ์ของเธอด้วย อภินันทนาการ อาหารเช้า ฟรี ย้ำครับว่า ฟรี ซึ่งเมื่อเธอได้ยินคำนี้ เธอเหมือนต้องมนต์สะกดเสน่ห์แห่งอารยธรรมโรงแรมครับ เธอดูสงบอารมณ์ลงได้เยอะเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่อยากบอกเลยว่า อาหารเช้าที่ให้กินน่ะ กินให้ตายกูก็ไม่เจ๊งหรอก แม่มีแต่ ขนมปัง นม โยเกิรต์ ผลไม้ ไข่ดาว มึงกินเข้าไปเลยน๊ะ กินให้ตายไปเลย ไม่พอเดี๋ยวกูไปเหมาสวนมาให้เลย ส่วนไข่เนี่ยเดี๋ยวกรูจะไปนั่งคุยกับไก่ให้มันออกมาเพิ่มอีกสักโหลกินให้หมดน๊ะเมิง หลังจากนั้นผมก็มาสอบถามพนักงานของผมที่อยู๋รอบดึกครับ ได้ความว่า ห้องข้าง ๆ ที่เธอบอกว่าเสียงดังน่ะครับ มันเป็นห้องที่ “ไม่มีคนพักครับ” ย้ำน๊ะครับว่า ห้องข้าง ๆ เธอทั้งสองห้องนั้น เป็นห้องเปล่าครับไม่ได้ส่งแขกขึ้นไปตั้งแต่ก่อนหน้าที่เธอเข้าพักแล้วครับ ซึ่งรายงานของแม่บ้านกับของผมก็ตรงกันคับว่ามันเป็นห้องไม่มีแขก แต่หลังจากนั้นผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อครับ ผมจึงทำกุญแจห้องขึ้นไปดู ปรากฏว่าเป็นห้องเปล่าจริง ๆ ครับ โอ้ พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก เอาล่ะเมิงทีนี้ จะบอกเค้าว่าไงดีวะเนี่ย ไอ้ครั้นจะบอกว่าเอ่อขอโทษครับพี่พอดีห้องข้าง ๆ พี่สองห้องเป็นห้องว่างครับ คิดว่าอาจจะเป็นผีน่ะครับเสียงนั้น คิดว่าถ้าตอบแบบนี้ผมคงต้องหางานใหม่เป็นแน่แท้ แล้วยิ่งกว่านั้นเกิดมันหัวใจวายตายขึ้นมานี่ กรูต้องรับผิดชอบมันอีกมั้ยเนี่ย พลันยังไม่ทันที่ความคิดจะสิ้นสุดคับ “น้องค่ะ ว่าไงบ้างค่ะ” ไม่ทันแล้วครับ มันไม่ให้เวลากูตั้งตัวเลยครับ จู่โจมเร็วยิ่งกว่าหน่วย Seal ของทหารเรืออีก แต่คราวนี้ดูหน้าตาดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะด้วยสารบางอย่างในอาหารเช้าช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้น จังหวะนั้นผมช๊อกเหมือนกันคับ แม่งมาทำไมวะตอนนี้ กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบอกมึงยังไง จะบอกว่าเสียงผีเดี๋ยวก็ด่ากรูอีก ไอ้ครั้นจะบอกว่ายังสอบสวนไม่เสร็จ นี่มันก็ตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วมันจะสอบสวนอันไรกันนานหนักหนา จังหวะที่คิดอยู่นั้นผมพลั้งปากตอบออกไปครับ “เอ่อ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยน๊ะครับ พอดีว่าเรามีงานซ่อมท่อแอร์น่ะครับ ห้องข้าง ๆ แกแจ้งว่าแอร์ไม่เย็นทั้งสองห้องเราเลยต้องซ่อมด่วนน่ะครับ แต่วันนี้เดี๋ยวผมจะเปลี่ยนห้องและ อัพเกรดให้ไปอยู๋ห้อง Suite น๊ะครับ” ทีนี้เธอดูเข้าใจมากขึ้นครับและก็ยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อได้ยินคำว่า อัพเกรดไปอยู่ห้อง สวีต และก็ยอมกลับขึ้นไปบนห้องและย้างห้องตามที่ผมเสนอ

Joiner มหาภัย

21 เมษายน 2553



วันนี้มีเคสเรื่อง Joiner ขออธิบายก่อนน๊ะคับว่าคำว่า Joiner เนี่ยเป็นคำที่พนักงานโรงแรมใช้เรียกเพื่อนสาว ซึ่งแขกผู้ชายที่มาเข้าพักมักจะไปหาตามข้างทางหรือสถานบันเทิงเริงรมย์ต่าง ๆ บางคนก็สภาพดูดี มีสกุลรุนชาติ ขนาดที่ว่าผมยังไม่กล้าคิดเลยครับว่า she จะมาทำงานแบบนี้ ส่วนบางคนก็ไม่อยากคิดเลยว่า สภาพแบบปลากะโห้อ้วก แบบนี้ ยังอุตส่าห์กล้า ๆ มาทำงานแบบนี้เนอะ แต่ที่สุดก็คือแขกของผมก็ยังอุตส่าห์ไปเอามาได้ หรือว่าตอนนั้นมันมืดจนมองอะไรไม่เห็นกันแน่น้าเดินมานี่นึกว่างูเหลือม ว่าจะเอาเชือกกล้วยโยนใส่และจะดูว่าจะแพ้ทางจนเลื้อยไปไหนไม่ได้หรือเปล่า แต่ก็เกรงใจ เคสนี้เริ่มต้นที่ช่วงเช้าขณะที่ผมมาเข้างานครับ ปรากฏร่างเงาของปลาพะยูนตัวหนึ่ง ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่ทางราชการต้องสงวนไว้เพื่อป้องกันการสูญพันธ์ เธอเข้ามาถามหาแขกห้องหมายเลขหนึ่งพร้อมกับยื่นบัตรประชาชนให้ทางเราเก็บไว้ ซึ่งเป็นมาตรฐานการปฏิบัติของทุกโรงแรมที่ต้องเก็บบัตรประชาชนของพวกเธอไว้ก่อนส่งตัวเธอไปยังสรวงสวรรค์ และทำภารกิจฟิชโช่ให้สำเร็จ หลังจากนั้นจึงจะให้บัตรประชาชนเธอคืนหลังจากที่เธอเสร็จกิจธุระของเธอแล้ว ซึ่งบางโรงแรมก็จะทำการชาร์จแขกสำหรับค่าให้พวกเธอเหล่านี้เข้ามาใช้สถานที่ในการจัดอีเวนท์ของพวกเธอ แต่พอดีโรงแรมผมใจดีครับ คือ ขึ้นเลยน้องฟรีตลอด แต่หลังจากที่ผมดูจำนวนบัตรประชาชนของพวกเธอที่ฝากไว้แต่ละวันแล้วและลองรวมเป็นเงินดูผมคิดว่าหากเก็บจริง ๆ มันคงทำให้เซอร์วิสชาร์จ(เงินที่ได้นอกเหนือจากเงินเดือน)ของโรงแรมผมแตะหลักหมื่นเป็นแน่แท้ ย้อนมาที่เธอคนนี้กันต่อครับ หลังจากที่เธอให้บัตรแล้วเธอก็พาร่างกันอวบอัด (มากกกก) ของเธอขั้นลิฟท์ไปบนห้องแขก และหลังจากที่ทำกิจกรรมกันเสร็จสักพักประมาณ 10 นาที (เร็วมากเลยขอบอก เสียดายเงินว่ะ) แขกโทรลงมาหาผมครับพร้อมแจ้งว่า “She not go out from my room” งานงอกอีกแล้วครับท่านตกลงค่า joiner กูก็ชาร์จมึงไม่ได้ แถมยังต้องมาเคลียร์ปัญหาให้มึงอีกหรือนี่ ผมขอสายเธอคนนั้นครับ และหลังจากสอบถามได้ความว่า แขกจ่ายเงินเธอมาเพียงครึ่งเดียวคือ 1,000 บาท จากที่ตกลงกัน 3,000 บาท มัดจำก่อนมาโรงแรม คือ 1,000 บาท ไม่รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์จ (อ้าว แล้วกูจะรวมทำไมวะ เธอไม่ได้เสียภาษีนี่หว่า) ราคานี้ไม่บอกผ่าน ไม่บอกต่อ เจ้าของขายเอง ผมจึงขอสายแขกและอธิบายกับแขกไป แต่ทีนี้แกไม่ยอมฟังครับ ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ตีลังกายัน ว่ายังไงก็จะจ่ายแค่ 2,000 บาท ประมาณว่ากูมีส่วนลดโว้ย มีบัตรสมาชิกด้วย กูจะจ่ายราคาพิเศษ ที่นี้ก็งานงอกครับ เธอก็ไม่ยอมออกจากห้อง ร้อนถึงผมต้องนำพนักงานรักษาความปลอดภัยไปเชิญเธอออกมาจากห้องอีกเถียงกันอยู่นาน พร้อมอธิบายว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องไปแจ้งตำรวจน๊ะเพราะโรงแรมไม่รับผิดชอบในเมื่อเราก็ไม่ได้ชาร์จค่า joiner ของคุณแล้ว ทีนี้เธอคงลืมตัวมั้งครับเธอเลยขอเบอร์ไปโทรแจ้ง แต่ด้วยความไวครับ ผมรีบพูดดัก “พี่ ถ้าพี่แจ้งพี่ก็ผิดกฏหมายฐานค้าประเวณีน๊ะ” เธออึ้งไปครู่นึงพร้อมวางสายครับแล้วก็ร้องให้ จริง ๆ ผมก็สงสารพวกผู้หญิงพวกนี้น๊ะครับ ที่เคยได้คุยบางคนก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่จำเป็น แต่จะปล่อยให้ไปต่อว่าแขกก็ไม่ได้เพราะเราก็มีหน้าที่ต้องดูแล ก็เลยต้องให้เธอกลับไปครับ แต่ใจก็ยังคิดว่า แหม ตอนมึงไป......กัน กรูก็ไม่ได้ไปเอาด้วยซะหน่อย แถมต้องมาเคลียร์ปัญหาให้เมิงอีก ซวย จริง ๆ

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กูไม่ได้ทำโว้ย




20 เมษายน 2550

วันนี้เช้ามาก็เจอเคสเลยครับ อินเดียครับท่าน คราวนี้มาแบบครอบครัวครับ แขกลงมาแจ้ง Check out ผมก็เตรียมบิลไว้เช็คค่าใช้จ่าย สักพักเสียง วิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น “Front ค่ะ ช่วยชาร์จค่ากาน้ำให้ด้วยค่ะ” สอบถามได้ความว่า พวกคุณเธอทั้งหลายนำเครื่องเทศชนิดหนึ่งไปต้ม ย้ำครับว่า เอาลงไปต้มในกาน้ำร้อนครับ ทีนี้มันก้เป็นรอยไหม้ซิครับพี่น้องครับ หลังจากที่ผมพยายามอธิบายโดยการชักแม่น้ำทั้งห้า ท้องฟ้าทั้งหก นรกทั้งเจ็ดมาอธิบายให้มันฟังประมาณว่า ไม่ได้น๊ะจ๋ะนายจ๋า อีนี่ต้องขอชาร์จค่ากาน้ำร้อนฉาน 1,500 บาท น๊ะจ๊ะ ครับและเป็นไปตามที่คิดครับ แขกทุกคนไม่ว่าจะทำอะไรของโรงแรมแตกหักเสียหาย หรือแอบขโมยของทั้งตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามจะต้องปฏิเสธไว้ก่อน ผิดถูกไม่รู้ แต่กูไม่ได้เอาไปไว้ก่อน ที่เจอบ่อย ๆ ก็ผ้าเช็ดตัวกับแก้วกาแฟนี่ครับ ก็ไม่รู้ว่าแก้วใบเดียวนี่เมิงซื้อกันไม่ได้เลยหรือไงวะ ส่วนไอ้พวกชอบขโมยผ้าเช็ดตัวนี่ก็แบบหน้าด้าน ๆ ก็มีน๊ะครับ ส่วนใหญ่จะชอบบอก “อ้อ ชั้นไปว่ายน้ำแล้วลืมไว้ที่สระ” แต่ขอโทษครับพอดีวันนี้งานเข้ามันเลยครับ เสือกจะฝากของครับแล้วของมันอยู่ในกระเป๋าทีนี้แกก็ต้องเปิดกระเป๋าซิครับ จังหวะที่รูดซิบนี่แหละครับ โป๊ะครับ ผ้าเช็ดตัวสีเขียวจั๊วเลยครับ ร่วงจากกระเป๋า ผมด้วยความหมั่นไส้เป็นทุนเดิมเดินไปบอกเลยครับ .” This is our Towel Right? Why you tell me you forgot at Swimming Pool? อึ้งครับ เจอประโยคนี้เข้าไป ประมาณว่า อ้าวนี่ไงผ้าเช็ดตัวกูไหนมึงบอกว่าลืมอยู่สระน้ำไงหรือมันอยากไปเที่ยวเมืองนอกเลยแอบขึ้นกระเป๋ามึงมา รู้ไหมครับหลังจากนั้นมันทำยังไง มันหันหน้ามาบอกผมหน้าตาเฉยครับ “Sorry I forget” น้าน ๆ หน้าด้าน ๆ เลยน๊ะเมิง นี่ถ้ากูไม่เจอ สงสัยผ้าเช็ดตัวกูคงได้ไปเที่ยวเมืองนอกแล้วล่ะ ย้อนกลับมาที่เคสกาน้ำร้อนครับ ผมบอกให้แม่บ้านนำกาน้ำร้อนลงมาโชว์ให้แขกดูว่าเค้าทำไหม้ขนาดไหน รู้มั้ยครับสภาพที่ผมเห็นครั้งแรก แทบอ้วกแตกครับ ทั้งกลิ่นและซากเครื่องเทศที่ยังลอยอยู่ในกาน้ำร้อน แล้วโอ้โห นี่เพิ่งตอนเช้าดีน๊ะที่กูไม่ใช่คนชอบกินข้าวเช้าไม่งั้นมีโชว์หน้าล็อบบี้แน่ หลังจากที่ผมแจ้งและแสดงสภาพกาน้ำร้อนที่คิดว่าคนที่มาใช้ต่อคงต้องอ้วกแน่นอนให้แกรับทราบแล้ว แกยังไม่ยอมจ่ายง่าย ๆ ครับ แกจะขอแก้ตัวโดยการเอาไปล้างให้เอง อ่ะ ได้ ผมก็ชอบให้โอกาสคุณ ๆ ได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ ผมจึงให้แกเอากาน้ำขึ้นไปล้างอยู่ประมาณสองรอบครับกว่าจะสะอาดและใช้งานได้ แกจึงรอดตัวกับการชาร์จไป ส่วนช่วงบ่ายก็เจออีกเคสนึงครับ เป็นแขกลงมาต่อว่าพนักงานใหญ่เลยว่าบัตรเครดิตเค้าหายแถมมีเหน็บแนมอีกว่า “I think my card have a fly” ประมาณว่าบัตรมันมีปีกบินได้ เป็นแบบกระชับเหมาะสำหรับวันมามาก ผมรับแจ้งแล้วจึงรุดไปที่เกิดเหตุ หากันอยู๋กับน้องอีกคนนึงประมาณ 10 นาทีครับ เจอบัตรมันที่ไหนรู้มั้ยครับ หลังทีวี ผมหยิบบัตรแล้วหันหน้ามาโชว์มัน ๆ บอกยังไงรู้มั้ยครับ .”โอเค อยู่หลังทีวีนี่เอง” สาดดด ง่าย ๆ เลยน๊ะมึงแล้วที่มึงด่าพนักงานกูไปนี่มึงไม่คิดจะขอโทษเลยใช่มั้ย ใจก็อยากจะบอกมันไปเหมือนกันน๊ะคับว่า อ่ะนี่ไง มันบินกลับมาและหลังจากรองรับความซึมเปื้อนของเมิงเสร็จ

ขาดเธอไปฉันตายแน่



กรณีที่สองที่พบบ่อย “น้องค่ะพี่ขอให้ติดกันน๊ะค่ะ หรือ น้องค่ะตอนจองพี่ขอห้อง Connecting น๊ะคะ” ต้องอธิบายก่อนน๊ะคับว่าในระบบโรงแรมห้อง Connecting เป็นห้องสองห้องที่มีประตูเปิดเข้าหากันได้ มักเป็นที่ต้องการของแขกประเภทที่มาเป็น Family หรือมาเป็นแบบกลุ่มเพื่อน สำหรับกรณีนี้ผมเจอค่อนข้างบ่อยประมาณว่ามาตอนเช็คอินท์เลยคับ “สวัสดีครับน้องเช็คอินท์ครับสองห้องขอ Connecting” ส่วนมากคนที่ต้องการห้องประเภทนี้จะชอบประกาศตัวก่อนเจตนาประมาณว่าไม่ให้กรูได้มีตัวเลือกเลยว่างั้น คือยังไงกูก็ต้องหาห้อง Connecting ให้เมิงให้ได้ถ้าไม่ได้ สงสัยมันต้องไปฟ้องพี่ชายอามันแน่เลย ผมเช็คห้องอยู่สักพักนึงซึ่งวันนั้นมันก็เป็นช่วย weekend ห้องค่อนข้างที่จะแน่นแล้วการ Asign ห้องก็ต้องขึ้นอยู่กับ Occupancy เป็นหลัก แต่เนื่องด้วยโดยระบบโรงแรมแล้วเนี่ยเราจะไม่ Confirm ห้องพักให้แขกทั้ง Hi floor, Low floor, ห้องติดกัน ห้องชั้นเดียวกันเด็ดขาด แต่เราอนุญาติให้แขกที่โทรมาจองห้องพัก On request คือสามารถร้องขอได้ และถ้าหากมีห้องที่เขาต้องการพอดีตอนที่เขามาเช็คอินท์ทางโรงแรมเราจะจัดไปอย่าให้เสีย ไห้ได้ตามความต้องการมากที่สุดซึ่งแขกทุกคนจะชอบเข้าใจว่าการที่เราให้ On request นั้นถือเป็นการ Confirm คำร้องขอของเค้าซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ แม้แต่ในท้ายที่สุดเวลามาเช็คอินท์แล้วแขกจะยืนเถียงกับพนักงานว่า ชั้นขอมาแล้ว, ตอนจองมาชั้นแจ้งแล้ว, เราก็จะตอบกลับไปว่า คือมันเป็น On request ครับ เราให้ขอได้ แต่ได้ไม่ได้อีกเรื่องนึงซึ่งทางแผนกรับจองห้องพักก็แจ้งเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีพวกที่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจแต่ทำเป็นไม่เข้าใจหรือ ไม่เอายังไงต้องอยู่ให้ได้ประมาณว่า ชาตินี้กูแย่งจากกันไม่ได้ ขาดเธอไปฉันตายแน่ (แล้วทำไมเมิงไม่นอนบ้านวะ) บางทีก็มาสองครอบครัวอยากจะอยู่ห้อง Connecting เลยอดคิดไม่ได้ว่าคืนนี้จะมี Swinging กันมั้ยเนี่ยไอ้สองครอบครัวเนียะ เพราะยังไงก็ยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่ากรูจาเอาถ้าไม่ได้กรูไม่นอน (ในใจก็แอบคิด เมิงไม่นอนก็ลานจอดรถนั่นไง Connecting กันแบบสุดทีนไปเลย หรือถ้ามันไม่มีจริง ๆ พี่รอสักพักได้ไหมครับ เดี่ยวผมจะทุบกำแพงห้องทำเป็น Connecting ให้ เอาแบบนี้กันเลยก็ดี) ทุกวันผมจะเจอ เคส นี้ไม่ต่ำกว่า 10 เคส พวกที่มายืนร้องแรกแหกกระเชิงว่าจะต้องห้องติดกัน, ต้องฟลอเดียวกัน, ต้องอยู่ด้วยกัน, แม่งเอ้ย ทำไมมึงไม่นอนบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยวะ ไม่งั้นเมิงก็ไปสร้างโรงแรมกันเองเลยปะ มีการมาเถียงอีกว่าตอนจองมาน้องที่เค้ารับจองห้องเค้าก็ Confirm ว่าได้ พี่ทำโรงแรมมาพี่รู้ โอ้โห แหมพี่ รู้สึกว่าพี่นี่โม้ได้โล่เลยน๊ะคับ ถ้าทำจิง ๆ พี่คงไม่มายืนเถียงผมแบบนี้หรอก แล้วตอนที่พี่คุยกับแผนกรับจองห้องพักเนี่ย ผมก็ไม่ได้เสือกหน้าไปรับฟังนี่คับว่าพี่คุยอะไรกันมั่ง เพราะฉะนั้นถ้าง่ายสุด แนะนำให้นอนบ้านคับ นอกจากจะทำให้พนักงานไม่ต้องเจอภาวะ งานเข้าแล้ว คุณยังได้อยู่ติดกันสมใจอีก ดีไหมครับ ส่วนไอ้เคสที่ขอชั้นสูงเนี่ยก็เคยเจอคับประมาณว่ากูอยู่ชั้นต่ำไม่ได้เป็นพวกมีเชื้อ(รา) ต้องอยู่ชั้นสูง ต้องได้รับอากาศในชั้น Astrosphere ไม่งั้นระบบทางเดินหายใจจะเป็นหมันอะไรทำนองเนี๊ยะ ใจก็อยากจะแนะนำให้ไปนอนดาดฟ้าน๊ะเพราะสูงได้ใจ แต่ทำไม่ได้เพราะมีควายมัน Request เหลือเกินก็ต้องหาให้ได้เท่าที่หาแหละครับ เฮ้อ คนเราจ่ายสองพันจะเอาหมื่นนึง จ่ายหมื่นนึงจะเอาแสนนึง มนุษย์หนอมนุษย์

วันใหล มหาภัย



19 เมษายน 2553
วันนี้ที่พัทยาเป็นวันใหลครับ ก็คล้าย ๆ กับวันสงกรานต์แหละครับแต่พอดีว่าเล่นกันแต่ที่เมืองพัทยาครับ เอกลักษณ์ของวันนี้ก็คือท่านจะได้พบกับ บรรดาผู้มากคนมากหน้าหลายตาร้อยพ่อพันแม่จากทุกทั่วสารทิศ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่า โคตรเยอะ เยอะมาก ถึงมากที่สุด ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเป็นเหตุนำมาซึ่งรถติด ติ๊ด ติด ติดกันเข้าไป ติดแม่งจนวิ่งไม่ได้ ติดจนไม่รู้ว่ามึงติดแก้บนหรือไง เพราะกูจะไปทำงานไม่ทันโว้ย โอ้โหย อยากให้มาเห็นภาพน๊ะครับ ถ้านึกไม่ออกนึกถึงตอนที่คุณกำลังอยู่กรุงเทพ ช่วงเวลาหลังฝนตกเสร็จใหม่ ๆ ประมาณ 5 โมงเย็น มันไปไหนไม่ได้เลยจริง ๆ น๊ะครับ ติดแม่มอยู๋นั่นแหละกับ ติดกันให้ตายไปข้างนึง แถมยังต้องทนดูโชว์จากพวกวัยรุ่นที่เล่นสงกรานต์กันตามข้างถนนแล้วชอบเต้น ๆๆ กันจนกินเลนส์ถนนออกมาแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ากูเหยียบมึงเละจนขี้แตกนี่มึงยังจะแดนซ์อยู่มั้ย หรือมึงจะลงไปนอนสแคลชขี้โชว์ก็ดีน๊ะ สักพักผมมาถึงที่โรงแรม ตกใจครับ ใจหล่นไปถึงตาตุ่ม อะไรกันนี่ นี่กรูอยู่ในโรงแรมหรือว่าป่าช้าวะเนี่ย เงียบมากครับ เงียบจริง ๆ ไม่มีแขกมา check in หรือ check out เลยให้ตายซิโรบิน เงียบขนาดหมาหายใจยังได้ยินเลยครับ ผมยืนทำหน้าเป็นปลาดุกชนเขื่อนอยู่สักพัก โอ้โห วันใหลพัทยานี่ไม่ได้ช่วยให้โรงแรมกรูมีแขกเยอะขึ้นมาเลย แต่ในขณะที่กำลังตกตะลึงกับสภาวะป่าช้าในโรงแรมอยู่นั้น มีกลิ่นแปลก ๆ คล้ายกลิ่นเต่าของมนุษย์ลอยผ่านมาแตะจมูกผมครับ เป็นกลิ่นที่ทำให้ผมมึนงง มึนหัว จนอยากจะอาเจียน สักพักตั้งสติได้กลั้นหายใจพยายามมองหาต้นตอที่มาของกลิ่น สายตาเหลือบไปเห็นร่างเงาของชายผู้หนึ่งเป็นชาวยุโรปตะวันออก แถว ๆ ตุรกี อะไรเงี๊ยะครับ (ที่รู้เพราะจำได้เป็นคน check in มันกับมือ แต่ตอนเช็คอินมันยังไม่เหม็นขนาดนี้น๊ะครับ หรือว่ายังสดใหม่อยู่เลยไม่มีกลิ่นก็ไม่รู้) ใจนี่อยากจะเดินเอาลูกกลิ้งไปป้ายจั๊กกะแร้มันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่อีกใจก็คิดว่ากว่าจะไปถึงจั๊กกะแร้มันกูจะตายก่อนมั้ยเนี่ย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โอ้ แม่เจ้า ไม่น๊ะ ไม่ ผมอยากจะเอาหัวมุดลงไปใน counter front มันเดินมาหาผมคับ ทำไงดีหว่า ในใจก็นึก กูจะทำยังไง ถ้ากูเดินหลบไปข้างในห้องมันจะโกรธกูมั้ย หรือกูแกล้งตายดี เอ๊ะ จะแกล้งทำไม ไม่ได้เจอหมีนี่หว่า หรือกูจะบอกมันไปเลยว่ากรูเหม็นกลิ่นเต่ามึงโว้ย แต่มันพูดอังกฤษไม่ได้ แล้วมันจะฟังกรูรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ทำไงดี ทำไงดี สักพัก .......... ไม่ทันแล้วครับ มันมายืนอยู่ข้างหน้าผมเรียบร้อย จบครับ ชีวิต จบเลยครับ จะไปไหนก็ไม่ได้แล้ว “I…want ..stay…more..1….night” ประมาณว่ามันจะมาขอติดต่ออยู่ต่ออีก 1 คืนและจะมาขอจ่ายตัง อ่ะ โอเคได้ ผมรีบเตรียมบิลค่าใช้จ่ายให้มันอย่างรวดเร็ว (อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติจะเป็นผู้ชายหลั่นล้า) “OK Sir for 1 night 1,930 baht. “ Do you want to pay by cash or credit card? ผมถามกลับไปว่าคุณจะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีครับ ตอนแรกมันกำเงินมาครับแต่เจอประโยคนี้ของผมเข้าไป มันเก็บเงินกลับเข้ากระเป๋าเลยครับ พร้อมกับก้มหาอะไรบางอย่าง สาบานได้ ถ้ามันหาลูกกลิ้ง ผมจะรีบไปช่วยมันเลย เปล่าครับ มันหาเครดิตการ์ด ประมาณว่าการสือสารที่ไม่เข้าใจ ทำให้มันจับใจความได้ว่าผมต้องการให้มันจ่ายเป็นเครดิตการ์ดครับ งานเข้าครับทีนี้ มันยืนหาอยู่นานมากครับหน้าล็อบบี้ ล้วงกระเป๋าโน้น ควักกระเป๋านี้ แหกกระเป๋าเสื้อ ปลิ้นกระเป๋ากางเกง ก็ยังไม่เจอ แล้วรู้มั้ยครับว่าการหาบัตรเครดิตของมันทำให้ผมขาดอากาศหายใจไปประมาณ 5 นาทีแล้ว นี่ถ้าต้องทนต่อไปอีกเนี่ยสงสัยผมได้เป็นเจ้าชายนิทราแน่ แต่ผมก็ไม่ใช่มนุษย์กบที่จะกลั้นหายใจได้เป็นสิบ ๆ นาที ผมเริ่มไม่ไหว ผมจึงต้องสูด ย้ำครับว่าสูด ซึ่งไม่ได้หมายถึงหายใจปกติเป็นแน่ เฮือก ใหญ่เข้าไปเต็มปอดครับ อื้อ หือ กลิ่นเต่าของแขกผู้นี้ได้เข้าไปทุกรูขุมขนของผม ทะลวงตับออกม้าม ลอดลำใส้ แยงเข้าไปถึงหัวใจครับ ทรมานมาก จนแล้วจนรอดมันก็ยังหาบัตรไม่เจอ สักพักผมเริ่มไม่ไหว จับมือมันขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เงินที่มันกำอยู่ “ You can pay by cash” ประมาณว่า มึงจ่ายเงินสดเถอะกูขอร้อง กูไหว้แหละ มึงจะเอาน้ำแดงด้วยก็ได้ มันก็ยิ้ม ๆ (มึงจะยิ้มหาป้ามึงหรือไงเนี่ย กูเหม็นโว้ย) ครับ แล้วก็จ่ายผมมาเป็นเงินสด หลังรับเงินมาผมรีบออกใบเสร็จอย่างรวดเร็ว แบบไม่เคยเป็นมาก่อน พอเสร็จเรื่องยังไม่จบครับคราวนี้ มันเอาแผนที่เมืองพัทยาขึ้นมาอีกครับ แล้วก็พูดอังกฤษไม่รู้เรื่อง ได้แต่ทำมือชี้โบ้ชี้เบ้ แต่จับใจความได้ว่าจะไปเที่ยวสวนนงนุช เอาละครับที่นี้ จบครับ จบเลย อุตส่าห์จบเวลาปกติแล้ว ยังอุตส่าห์มีทดเวลาบาดเจ็บให้กูอีก เอ้าได้ มา มาดูกันไหน ๆ ก็เน่าและก็เน่าแม่งทั้งสองคนนี่แหละ ผมหยิบแผนที่มากางพร้อมอธิบายเส้นทางให้มันเสร็จสรรพ ประมาณ 10 นาที จึงเสร็จเคสนี้แล้วลาจากไป เชื่อมั้ยครับว่า แม้แต่แกขึ้น lift ไปแล้ว กลิ่นแกยังโชยอยู่ในรูจมูกของผมอยู่เลย เฮ้อ แต่ก็ต้องอดทนครับ แต่บอกคำเดียว เหม็นได้โล่

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คิดสักนิดก่อนทำงานบริการ



เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาทำงานบริการ เพราะตั้งแต่เรียนจบมหาลัย สิ่งที่ผมมุ่งมั่นและอยากเป็นที่สุดคือ Sale ครับ ผมชอบที่จะขับรถไปนู้นมานี่ ไปเจอคนนั้นคนนี้ ขายได้บ้างไม่ได้บ้างก็แล้วกันไป แต่คนที่เปลี่ยนชีวิตผมก็คือพ่อสุดที่รักของผมนี่แหละครับ พลันจากที่แกเรียกผมไปนั่งคุยอย่างเป็นจริงเป็นจัง หลังจากที่เคยเกริ่นคุยเล่น ๆ หลายครั้งแล้วว่าอยากให้ลูกทำงานโรงแรมเหมือนตัวเอง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมลำบากใจที่สุด ลำบากใจเหมือนประมาณว่าจะเลือก อั้ม หรือ แพนเค้ก อย่างนั้นเลยทีเดียว และท้ายที่สุดผมก็ตัดสินใจตอบแทนพระคุณพ่อของผมด้วยการก้าวเข้ามาสู่งานโรงแรม อาชีพที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะทำและคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานโรงแรมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน มีสิ่งหนึ่งที่สามารถบอกกับพวกผู้คนที่อยากจะเข้ามาสู่อาชีพนี้ได้อย่างหนึ่งเลยว่า "อย่าคิดทำงานโรงแรม ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะถูกด่าอย่างไร้เหตุผล" "ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะต้องเป็นฝ่ายผิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณนั่นแหละที่ถูก" "ถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะต้องกลับบ้านหลังเวลาเลิกงาน 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป" หยุดแล้วหาอาชีพใหม่เถอะครับ เพราะไม่เช่นนั้นคุณก็อยู่ไม่ทนแน่ ๆ Confirm ถ้าไม่เชื่อลองอ่านจากประสบการณ์ที่พบเจอแขกหลาย ๆ แบบ ทั้งแบบน่ารักมากกกกจนอยากจะกระโดดกอดสักที พูดอะไรก็เข้าใจไปหมด หรือแบบงี่เง่าสุด ๆ อธิบายยังไงก็ไม่เชื่อ ประมาณกินหญ้าเป็นอาหาร ยังไงลองติดตามกันดูน๊ะครับ








บทความแนะนำ