วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

ขออะไรก็ได้ดั่งใจนึก


เคยเจอแขกให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กันมั่งป่ะ

มีครั้งนึงเว้ย เฮียก็กำลังเข้ากะดึกอยู่ ทีนี้มันมีแขกห้องนึงโทรลงมา เฮียก็รับสายปกติแล้วก็ถามว่า "Can I help you?" จำได้ว่าตอนนั้นประมาณตี 2 ปลายสายก็ Complain ด้วยเสียงที่โมโหเป็นภาษาอังกฤษจับใจความได้ว่า "เธอช่วยไปบอกผับให้ปิดเพลงที ชั้นจะนอน เสียงเพลงมันดังชั้นนอนไม่หลับ นี่ชั้นมาพักผ่อนนะ เธอต้องช่วยชั้น" เฮ่อๆๆๆๆๆ อยากบอกว่าพอ Check ในรายชื่อแขกที่พัก ปรากฏว่าเจ้แกพักมา 3 คืนและ แล้วพรุ่งนี้เจ้แขาก็จะ Check Out อยู่แล้วล่ะก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงจะมาเกิดหนวกหูเอาคืนนี้ ที่สำคัญไอ้ผับที่ว่าเนี่ย เขาก็เปิดเพลงแบบนี้มาตั้งแต่กูเกิดและ และนี่มันก็พัทยา ถ้ามันดังตั้งแต่คืนแรกแล้วเจ้เขา Complain เฮียก็ยินดีที่จะย้ายห้อง ย้ายฝั่ง ย้ายตึก หรือแม้แต่ Free Upgrade เฮียก็ให้ทุกอย่างเลยล่ะ แต่นี่เจ้เล่นมาแบบนีเฮียก็อยู่ในอามรณ์มือเสี่ยงตายกายเสี่ยงตีนจริงๆ จะให้เฮียอาจหาญเดินไปบอกผับว่า "พี่ๆ เบาเสียงหน่อยดิ แขกผมจะนอน" เฮียก็คาดว่าประกันชีวิตที่เฮียทำไว้น่าจะได้ใช้งานโดยมีพ่อกับแม่เฮียเป็นผู้รับมรดกแน่ๆ หรือไม่ก็ เฮียอาจจะได้ไปเยี่ยมหมอหรือใช้บริการโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา ได้โดยไม่คาดคิด เฮียเลย Offer เจ้เขาให้เขาย้ายห้อง ทีนี้เจ้เค้าก็ไม่ยอมย้ายเว้ย บอกว่ามันดึกแล้วและจะนอน แล้วก็ยังย้ำให้เฮียไปบอกผับให้ปิดเพลงเหมือนเดิม ทีนี้เฮียก็เริ่มนิ่งและก็ไม่พูดอะไร ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหวและทำตัวให้ห่างทีนนนน มากที่สุด ก็ปล่อยให้เจ้เขาบ่น เขาด่า เขาว่าไป

และสุดท้ายเหมือนจะรู้ว่ามันไม่ได้ เจ้เขาก็วางสายและก่อนวางสายเจ้เขาก็ทิ้งประโยคไว้ให้เฮียคลายคิดถึงว่า "Your Hotel Bad Service" จบข่าว...

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

โดนด่าฟรีอีกที


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีการอยู่เฉยๆ ของมึงนั่นแหละดีที่สุดแล้วไม่ต้องไปทำอะไรที่เข้าข่าย "สอใส่เกือกผูกเชือกกอไก่เลย"

เรื่องมันเกิดขึ้นตอนบ่ายวันหนึ่ง มีแขกที่ไม่ได้พักในโรงแรมเข้ามาหาเฮียที่ตอนนั้นกำลังยืนจัดแจงงานกับ Bell Boy อยู่เรื่องกระเป๋าของกรุ๊ปที่กำลังจะเข้ามา แขกคนนี้เป็นแขกสัญชาติสาหรี่ลี้รัก คาดว่ามาจากดินแดนโรตีแกงกะหรี่ดัง มาถึงก็หน้านิ่วคิ้วขมวดมาเลยแล้วก็ตะคอกเฮียว่า "Can you talk with the driver" เฮียก็ งงๆ อ่ะนะแต่อย่างว่าเรามัน Service Charge เอ้ย!!!! Service Mind มันอยู่ในสายเลือดแบบเต็มกระเพาะไปยังลำไส้ใหญ่ เฮียก็รู้แล้วแหละว่าเจ้เขาไม่ใช่แขกของโรงแรมเป็นแน่แท้ แต่ก็ช่วยอ่ะนะ เพราะเราต้องรักษาภาพพจน์การท่องเที่ยวไทย และเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แบบที่ Vat Refund ได้ (ตอนนี้เฮียก็ยัง งงๆ ว่าตกลงเราจะขายอะไรวะแล้วรายได้จะมายังไง????)

เฮียก็รับสายมาเว้ย ทีนี้เฮียก็ถามว่า "อยู่ไหนแล้วครับ" แทนที่ไอ้ฝั่งนั้นที่เป็น Driver จะพูดกับเฮียดีๆ แม่งมาหงุดหงิดใส่เฮียอีก แล้วก็ตะคอกบอก "ก็บอกว่าอยู่สุขุมวิทไง เนี่ย...อยู่สุขุมวิท" ทีนี้เฮียก็ขึ้นเว้ย เพราะเราอุตส่าห์จะช่วยมึงสองคนปรับความเข้าใจกันนะเนี่ย เสือกมาหงุดหงิดใส่กูอีก ว่าแล้วเฮียก็จัดเลย "ขอโทษนะคุณ ผมเนี่ยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผุ้หญิงคนนี้เดินมาแล้วเอาโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พยายามจะช่วย แล้วคุณมาหงุดหงิดใส่ผมทำไม อย่างนั้นคุณก็ไปคุยกันเองแล้วกัน ผมขอตัว" แล้วเฮียก็ส่งโทรศัพท์ให้ หมาดำ เอ้ย มาดามมม ท่านนั้นไปจัดการเอาเอง

และเหมือนจะคุยกันยังไงไม่รู้ไม่รู้เรื่อง เจ้แกก็เดินมาหา Bell Boy ของเฮียอีกครั้งแล้วจะให้พูดกับ Driver ให้หน่อย เฮียเลยบอกไปว่า "Your driver such rude with me. I don't want to talk with him anymore" เท่านั้นแหละครับ มาเต็มเลยทีนี้ Your Hotel is Bad.. (ดอกแรกด่าโรงแรมกูเลวก่อนเลย ทั้งๆ ที่โรงแรมกูยังไม่ได้ไปทำอะไรให้มึงเลยนะเนี่ย เป็นแขกกูก็ไม่ใช่ นี่กูอุตส่าห์จะช่วยนะ) ตามมาดอกสอง I will post on the Internet. Your hotel bad service. (อ้าว.... คือสรุปว่าโรงแรมกูต้องช่วยคนทุกคนที่เดินผ่านในสุขุมวิทว่างั้น ถ้าไม่ช่วยนี่คือบริการไม่ดี) แล้วก็มาเต็มชนิดที่่ว่า เฮียกับน้อง Bell boy แทบไม่ได้อ้าปากตอบโต้อันใดเลย ได้แต่ยืนฟัง สักพักมีรถมาจอดหน้าประตูโรงแรม มี Driver เดินลงมาแล้วก็เข้ามาถามหาแขก ซึ่งก็คือเจ้ที่คุยกับเฮียอยู่นี่แหละ เฮียก็เลยจัดการให้ทั้งสองได้ครองรักกัน เอ้ย!!เจอกัน แล้วจากนั้นทั้งสองก็จากพวกเราไปด้วยดี โดยไม่มีแม้คำขอโทษที่กูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอ่ะนะแต่ตามมารยาทไง

เอวังเฮียก็โดนด่าฟรีด้วยประการละฉะนี้แล

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559

แขกให้ของแบบ งงๆ




เฮียเคยเจอเหตุการณ์ที่แขกให้ของแบบ งง ครั้งนึงเว้ย

จริงๆ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเฮียหรอก แต่จะว่าไปมันก็เกี่ยวแหละ แต่เอ๊ะ!! หรือมันจะไม่เกี่ยววะ แต่ว่าก็ว่ามันต้องเกี่ยวแหละ เพราะเฮียเป็น Front Office ฉะนั้นมึงจงจำไว้ว่าทุกอย่างทุกสิ่งในโรงแรมจะเกี่ยวข้องกับมึงทันทีโดยไม่ได้ร้องขอและเต็มใจ ไม่ว่าใครจะทำอะไรจะผิดจะถูก ทำใจไว้เลยว่า "มึงคือหนึ่งในตัวละครนั้นแน่นอน"

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตอนเช้าวันหนึ่งที่เฮียกำลังต่อรอบให้รอบเช้า (ตอนนั้นเฮียเป็น Night Manager) มี รปภ. คนนึงเว้ย วิ่งหน้าตาตื่นมาหาเฮียเลย แล้วก็ทำหน้าตกใจปน งงๆ แล้วก็บอกว่า "เฮีย อยู่ดีๆ แขกเอากุญแจรถมอเตอร์ไซด์ให้ผม เขาบอกว่า เขาจะไม่เอากลับประเทศแล้ว เขาให้ผมเอาไปเลย ผมต้องทำยังไงดีเฮีย"

อ้าววววว ไอ้นี่ ทำไมไม่เป็นกูวะที่ได้ (ตอนนั้นนึกในใจแบบทำหน้าปานว่าตัวโกงนิด ๆ นะ) คือจริงๆ ถ้าจะให้ มอเตอร์ไซด์ถ้าจะให้ถูกต้องก็คงต้องให้เล่มมาด้วย แล้วก็ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรว่าให้จริงๆ แต่อันนี้แขก Check Out เรียบร้อยแล้วและโยนกุญแจให้แล้วก็ไป แล้วมันจะไปโอนไปรับไปมอบยังไง

ตอนนั้นเฮียก็ยัง งงๆ ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอ แต่ก็ตั้งข้อสักเกตุว่า "เฮ้ย เฮียว่าลอง Check ดูก่อนดีป่ะวะ ว่ารถคันนี้แขกเขาไปเอาจากไหนมา เผื่อเป็นของที่ขโมยมานี่ซวยนะเว้ย" พอพูดจบ มันเอาสำเนาทะเบียนรถให้ดูแล้วบอกว่า "นี่ไงเฮีย เล่มทะเบียน เขาชื่อนี้ป่าวเฮีย" ว่าแล้วเฮียก็รับเล่มแล้วก็มา Check กับสำเนา Passport เขาที่ลงทะเบียนไว้กับโรงแรมปรากฏว่าเป็นชื่อเดียวนามสกุลเดียวกัน แต่ก็นั่นแหละมันก็ต้องโอนกันป่ะวะถึงจะถูกต้องตามกฏหมาย เฮียก็ยังไม่แน่ใจ ก็เลยไม่รู้จะแนะนำมันยังไง ประกอบกับเจ้าตัวเองก็ไม่กล้าเอาออกไปจากโรงแรมเหมือนกันเพราะกลัวว่าใครจะมาแสดงตัวรับของแล้วหาว่าเอาออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก

พอดี OM (Operation Manager) เขาเดินมาพอดีเฮียก็ลองปรึกษาเขาดู ซึ่งพี่แกก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เหมือนกัน เขาก็ให้เฮียทำ Incident Report มาก่อน แล้วแกก็เรียก Chief Security มาสอบถามว่าจะเอายังไงต่อถ้า รปภ.คนนี้จะเอารถกลับบ้าน พี่ Chife เขาก็แนะนำว่าให้ Burn ภาพจาก CCTV เก็บไว้ตอนที่แขกให้กุญแจ รปภ. แล้วก็เขียนรายงานว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรก่อนที่แขกจะให้รถมอเตอร์ไซด์นี้ ส่วนการโอนเล่มโอนชื่อก็ให้ รปภ.ไปปรึกษาขนส่งเอง เชื่อมั้ยว่าจากวันนั้นเป็นเวลากว่า 1 อาทิตย์ เฮียยังไม่เห็น รปภ.คนนี้เอารถกลับไปเลยหว่ะ จนเฮียอดไม่ไหวเลยไปถามว่า "เฮ้ย ทำไมเอ็งไม่เอารถกลับล่ะ" มันก็บอกเฮียมาว่า "ไม่อยากเสี่ยงหว่ะเฮีย ผมไม่รู้จะทำยังไงเกิดเอาไปแล้วเขาย้อนมาเอากลับผมก็ซวยดิ"

เอวัง ก็จบลงด้วยรถมอเตอร์ไซด์ ฮอนด้า แฟนท่อม (สมัยนั้นที่ยังไม่มี Big Bike นี่ถือว่าเด็ดสุดเลยนะตัวนี้) ก็ยังจอดอยู่ในลาดจอดของโรงแรมต่อไป

ปล. ช่วงนี้เฮียแม่งติดละคร "ไฟล้างไฟ" มากเลยหว่ะ อาจจะด้วยเพราะมันมีเรื่องราวเกี่ยวกับโรงแรมเยอะด้วยแหละนะ ดูไปก็สนุกดีหว่ะ แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้ละครก็มีการปูพื้นว่าพระเอกนางเอกเป็นเจ้าของโรงแรมหรือทำธุรกิจโรงแรมกันเยอะขึ้นนะ



วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

Lobby คือทุกอย่าง


บางทีเราก็ต้องเจอกับเคสที่ปัญหามันมาจากโครงสร้างของโรงแรม และเราไม่ได้จบวิศกรรมศาสตร์หรือช่างก่อสร้างมา จึงทำได้ดีที่สุดแค่รับฟังปัญหาและคำด่าจากแขกเฉกเช่นกรณีของเฮียตอนนี้ บ่ายวันหนึ่งขณะที่เฮียกำลังทำงานตอนเป็น Assistant Manager Front Office

มีแขกจากประเทศแถวๆ ลุงหลับสองคนเดินตรงมาที่หน้า Lobby ด้วยท่าทีที่หงุดหงิดมากๆ ปานว่าไปแดกส์รังแตนที่ไหนมาแล้วลืมเขย่าขวดก่อนกิน เฮียเห็นเช่นนั้นด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหัวหน้าที่ดีจึงจัดการปกป้องลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ด้วยคำพูดที่ว่า "เฮ้ย เอ็งไปรับเรื่องให้เฮียก่อนดิ เฮียยุ่งอยู่" 555.......ไม่ใช่ๆ เฮียก็จัดการเดินไปตรง Counter ในพิกัดที่คาดว่าพี่เขาน่าจะเดินมา เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องถามหากูอยู่ดี

พอมาถึงพี่แกก็ใส่เต็มทีเลยตาม Nature ของแขกชาตินี้ที่ "เงินกูเป็นหญ่าย จะได้อะไรต้องได้นะเฟ้ย" แกก็ด่ามาแบบภาษาอังกฤษสำเนียงอาระบิก แปลเป็นไทยได้ว่า "ทำไมโรงแรมยูไม่มีสายชำระ ชั้นต้องการสายชำระ ชั้นต้องการน้ำ มันไม่สะอาดยูรู้มั้ย" .....คืออันนี้เฮียเข้าใจเค้านะเพราะประเทศแทบลุงหลับการชำระร่างกายให้สะอาดก่อนทำละหมาดเป็นเรื่องซีเรียสและสำคัญมาก แต่ด้วยตอนนั้นโรงแรมเฮียทุกห้องในโรงแรม ย้ำว่าทุกห้องในโรงแรมไม่รวมห้องน้ำพักงานใน Locker นะครับ เขามีแต่กระดาษชำระไว้ให้ในห้องน้ำทั้งนั้นแทบทุกห้อง ไม่มีห้องไหนเลยที่มีสายชำระ ซึ่งมันเป็นปัญหาทางโครงสร้างที่ถ้าเขาจะต่อสายชำระคงต้องรื้อทำใหม่ทั้งโรงแรม ซึ่งกรณีนี้ถ้าเขาพบและรับไม่ได้ในวันแรกโรงแรมก็ยินดีจะ Refund เงินคืนให้และหาที่พักใหม่ให้อยู่แล้วเพราะแขกไม่ได้ผิด แต่นี่พี่แกอยู่มา 3 วันแล้วเพิ่งจะมีปัญหา

เฮียก็จัดการอธิบายให้กับแขกได้เข้าใจนะ แต่แกก็ไม่เข้าใจพร้อมกับบอกว่า "เธอต้องหาสายชำระให้ชั้นเดี๋ยวนี้" ก็อย่างที่บอกว่าชาติแถบนี้เขาอยากได้อะไรต้องได้เงินเขาใหญ่อ่ะนะ (แต่ต่อไปอนาคตไม่แน่แล้วล่ะว่าเงินเขาจะเยอะและใหญ่อยู่เหรอเปล่า) เฮียก็อธิบายและ Offer Hell เอ้ย!!! Offer Help นะว่า "มันเป็นปัญหาเรื่องโครงสร้างและเราไม่สามารถหาสายชำระให้ได้ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวชั้นจะเอาถังน้ำสำรองอย่างดีขึ้นไปสำรองใส่น้ำไว้ให้ยูนะ ส่วนถ้ายูอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็แจ้งชั้นมา" ตอนนั้นเฮียว่านี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุดเพราะจะให้แขกลงมาใช้ห้องน้ำพนักงานมันก็คงจะดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ ครั้นจะให้ต่อสายชำระก็คงต้องทุบห้องน้ำกันทั้งโรงแรม แผนกช่างคงนั่งเอาตีนก่ายหน้าผากเป็นแน่แท้เพราะมันงานช้าง สุรินทร์ กันเห็นๆ

แต่ถึงกระนั้นแขกก็ยังไม่ยอมและยืนโวยวายๆ จนเพื่อนที่มาด้วยกันที่ดูท่าว่าจะเข้าใจกว่าพี่แกในสิ่งที่เฮียอธิบาย เพื่อนเริ่มทนไม่ไหวเพราะอายคนรอบๆ Lobby เลยบอกเฮียว่า "Ok...Ok...แล้วก็ลากเพื่อนขึ้นห้องไปสงบสติอารมณ์" จากนั้นเฮียก็ประสายงานแม่บ้านขึ้นไป Set up ไว้ตามที่ได้แจ้ง

ก็อย่างที่บอกว่า ไม่ว่าปัญหาจะเป็นอะไรและเกี่ยวกับอะไร จะเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างหรือเกี่ยวกับการบริการ แต่เมื่อมึงยืนอยู่หน้า Lobby ปัญหาทุกอย่างนั้น Belong to มึง แล้วแน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะ "มึงคือทุกอย่างของโรงแรม" 555

ปล.ฝากอัพเดท ตอนนี้หนังสือเฮียเขียนเสร็จแล้วอยู่ในช่วงตรวจคำผิด ภาพประกอบก็เสร็จแล้ว เหลือแต่หาสำนักพิมพ์ ส่งไป Afterword แล้วแต่เค้ายังเงียบ ก็รอหน่อยนะครับ หวังว่าถ้าออกมาคงได้รับการต้อนรับกันอย่างเนืองแน่นและแย่งกันน่าดูประมาณว่า "มึงเอาไปดิ...มึงแหละเอาไป" อย่างแน่นอน


บทความแนะนำ