ตอน หนูไม่รู้ แต่หนูต้องเกี่ยว
หลาย ๆ ครั้งอีกเช่นกันที่คนโรงแรมอย่างเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะตัวกลางแห่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแขกและบุคคลที่ 3 (ฟังดูเป็นทางการนะ) ซึ่งหลายๆ ครั้งเราก็รู้สึกว่ามันมีอาการเหมือน “เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักยังไงก็ต้องเนี่ยง คัมม่อน คัมม่อน โอ้เบบี้ ให้ เคสนี้ทำนายกัน” อยู่ในหลายๆ ครั้งเหมือนที่เฮียเคยเจออย่างเคสนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงเย็นๆ วันหนึ่งพอดีวันนี้เฮียเป็น Duty กำลังจัดการกับเอกสารและช่วยงานน้องๆ หลังผ่านช่วงเวลา Check In ในช่วง Long Weekend ไปอย่างสาหัสกันทุกคน ทันใดนี้พี่ Sales Manager. ก็เดินมาหาที่หน้า Lobby แล้วบอกเฮียว่า “แขกไปขี่ Jet Ski มาแล้วท่าทางจะขี่แบบฟงอวิ๋นไปหน่อย” เลยจัดไปแบบขี่พายุทะลุฟ้า Jet Ski ข้างลำเค้าเสียหายเป็นรอยขีดข่วน เจ้าของเรือจะมาตกลงค่าเสียหายกับแขก” แล้วก็พาแขกมาส่งให้เฮียก่อนกลับไป
ว่าแล้วเฮียก็พาแขกไปนั่งที่ Lobby แล้วก็ด้วยประสบการณ์คือเอาจริงๆ เฮียไม่ได้เข้าข้างใครนะ เฮียอยู่พัทยามาเฮียก็พอรู้เรื่องปัญหา Jet Ski และ แต่ในขณะเดียวกันแขกที่ไปซัดของเค้าซะพังจริงๆ มันก็มี ความเป็นไปได้ตอนนั้นมันเป็นไปได้ทั้งคู่เพียงแต่ตอนนี้เรายืนอยู่ในฐานะพนักงานโรงแรมที่หน้าที่เราคือต้องช่วยเหลือแขกให้ดีที่สุดแต่ก็ต้องรักษาสัมพันธภาพกับคนในท้องถิ่นด้วยเช่นกันสิ่งที่เฮียทำตอนนั้นคือโทรหาพี่ตำรวจท่องเที่ยวที่รู้จักกันก่อนแล้วก็บอกเคสนี้ให้เค้าทราบแกก็บอกว่า “ถ้าตกลงกันไม่ได้ยังไงให้โทรมาหาอีกที” แล้วก็โทรหาสายตรวจบอกเล่าเหตุการณ์ว่ากำลังจะมีการเจรจาเรื่องนี้กันที่ Lobby เชิญมาที่โรงแรมหน่อยเพราะ 100 นึงเอาบาทเดียวเลยว่า “มันไม่จบง่ายๆ แน่นอนถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว” เสร็จแล้วเฮียก็นั่งคุยกับแขกๆ ก็เล่าให้ฟังว่า “เค้าไปขับ Jet Ski มากับเพื่อนคนละคันแล้วทีนี้ปรากฏว่า Jet Ski ที่เค้าขับมันไปเฉี่ยวกับเพื่อนมีรอยเฉี่ยวตรงข้างๆ ลำทีนี้พอเข้าฝั่งคนให้เช่าเค้าก็ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็เรียกค่าเสียหายมา 80,000 บาทสำหรับสองคันนี้เพราะเป็นรุ่นใหม่อะไหล่แพง (ตามเหตุผลของเค้าอ่ะนะเฮียก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่แต่ส่วนตัวก็ว่ามันแพงมากเลยนะ)
แต่แขกเห็นว่ามันมากเกินไปเพราะมันเป็นรอยขีดข่วนแค่นิดเดียวและเค้าไม่ได้ชนแรงอะไรแค่เฉี่ยวกันนิดเดียวและยินดีจะจ่ายแค่ 30,000 บาท ณ ตอนนั้นซึ่งถ้าเจ้าของตกลงเค้าก็จะจ่ายเงินให้เลย 1,000 USD แต่เจ้าของที่คุยผ่านคนดูแลเรือเค้าไม่ยอมจะเอา 80,000 บาท ถ้าไม่ให้จะแจ้งความแขกเลยบอกว่าถ้าไม่เอาเค้าก็จะกลับโรงแรมให้ไปแจ้งความมาเลยและไปหาที่โรงแรม (หึหึหึ น่ารักจังหางานให้กูด้วย 555) เรื่องมันก็เลยมาจบที่เฮียนี่แหละ สักพักคนดูแลเรือก็มาพร้อมกับผู้ช่วยอีก 2 คนแต่ก็ไม่ได้มาโวยวายหรือทำขึงขังอะไรก็เข้ามาปกติ เฮียก็แนะนำตัวแล้วก็ออกตัวเลยว่า “พี่ครับ ผมเป็นผู้จัดการเค้าเป็นแขกผม เอางี้แล้วกันนะพี่ผมบอกก่อนเลยแล้วกันเพราะมันเป็นปัญหาส่วนตัวของแขกที่เกิดขึ้นกับพี่ ตอนนี้ผมจะแปลข้อความและสิ่งที่เค้าต้องการให้พี่ฟัง ส่วนถ้าพี่ไม่ยอมรับหรือไม่ตกลงพี่ก็สามารถแจ้งความและตกลงกันตามกฏหมายได้นะครับเพราะผมไม่มีอำนาจตัดสินว่าใครผิดใครถูก) การพูดแบบนี้จะเป็นการลดความกดดันให้ตัวเองและทำให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรู้ว่า “ยูต้องตกลงกันเองไอไม่เกี่ยว” ออกตัวไว้ก่อนเลย เพราะในหลายๆ ครั้งพวกเราคงเคยเจอว่าคนมีปัญหากันสุดท้ายไอ้คนแปลนี่แหละจะกลายเป็นจำเลยและซวยไปในที่สุด พี่เค้าก็โอเคซึ่งในระหว่างนั้นสายตรวจก็มาถึงโรงแรมพอดี 2 คน
การเจรจาก็เริ่มขึ้นซึ่งพี่ที่มาก็ต้องคอยคุยทางโทรศัพท์ตลอดเพราะเจ้าของเรือเป็นคนสั่งอยู่ในสายเจ้าของเค้าก็ยืนยันว่าจะเอา 80,000 บาท แขกก็ยังยืนยันว่าจะจ่ายแค่ 1,000 USD ถ้าไม่ให้ก็ไปแจ้งความ ยื้อกันอยู่แบบนั้นแหละจนสุดท้ายพี่สายตรวจเค้าก็ทนไม่ไหวขอคุยกับเจ้าของเรือแล้วก็แจ้งปลายสายว่า “แกเป็นสายตรวจแล้วก็ถามว่าเรือเป็นอะไรมามั้ย 80,000 มันแพงไปนะ เอาแค่นี้ดีไหมเดี๋ยวจะให้แขกเค้าจ่ายให้เลยและจะเป็นคนอยู่จนกว่าแขกจะจ่ายเงินเอง ตกลงมั้ย” เจ้าของก็หายไปสักพักก่อนกลับมาบอกว่า “1,000 USD ก็ได้แต่ก็ยังมีบ่นอิดๆ ออดๆ ว่า เรือใหม่ซ่อมยาก บลา บลา บลา” จากนั้นแขกก็จัดการจ่ายไป 1,000 USD ให้คนดูแลซึ่งพี่ตำรวจแกก็บอกว่า “เงินให้กับคนดูแลไปแล้วนะ มี CCTV และผู้จัดการเค้าเป็นพยายน” แล้วก็จบการสนทนาก่อนแยกย้ายกลับไป เคสนี้มันมีมาเรื่อยๆ นะสำหรับโรงแรมที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหรือตามย่านธุรกิจที่มีกิจกรรม เช่น ขับ Jet Ski, มอเตอร์ไซด์เช่าหรือรถเช่า, รถ Taxi ส่วนบุคคล, เฮียว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะพนักงานโรงแรมที่มีประสบการณ์เยอะ คงเคยเจอและต้องรับมือกันมาบ้างแล้วยังไงก็แก้ปัญหากันดีๆ นะ
ปล.ฝากสติ๊กเกอร์ Hotel Man ไว้ในอ้อมใจด้วยนะจ๊ะ อย่าลืมโหลดกันเยอะๆ น้า เพราะรอนานมากกว่าจะผ่าน 555 https://store.line.me/stickershop/product/1943410
หลาย ๆ ครั้งอีกเช่นกันที่คนโรงแรมอย่างเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะตัวกลางแห่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแขกและบุคคลที่ 3 (ฟังดูเป็นทางการนะ) ซึ่งหลายๆ ครั้งเราก็รู้สึกว่ามันมีอาการเหมือน “เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง รักยังไงก็ต้องเนี่ยง คัมม่อน คัมม่อน โอ้เบบี้ ให้ เคสนี้ทำนายกัน” อยู่ในหลายๆ ครั้งเหมือนที่เฮียเคยเจออย่างเคสนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงเย็นๆ วันหนึ่งพอดีวันนี้เฮียเป็น Duty กำลังจัดการกับเอกสารและช่วยงานน้องๆ หลังผ่านช่วงเวลา Check In ในช่วง Long Weekend ไปอย่างสาหัสกันทุกคน ทันใดนี้พี่ Sales Manager. ก็เดินมาหาที่หน้า Lobby แล้วบอกเฮียว่า “แขกไปขี่ Jet Ski มาแล้วท่าทางจะขี่แบบฟงอวิ๋นไปหน่อย” เลยจัดไปแบบขี่พายุทะลุฟ้า Jet Ski ข้างลำเค้าเสียหายเป็นรอยขีดข่วน เจ้าของเรือจะมาตกลงค่าเสียหายกับแขก” แล้วก็พาแขกมาส่งให้เฮียก่อนกลับไป
ว่าแล้วเฮียก็พาแขกไปนั่งที่ Lobby แล้วก็ด้วยประสบการณ์คือเอาจริงๆ เฮียไม่ได้เข้าข้างใครนะ เฮียอยู่พัทยามาเฮียก็พอรู้เรื่องปัญหา Jet Ski และ แต่ในขณะเดียวกันแขกที่ไปซัดของเค้าซะพังจริงๆ มันก็มี ความเป็นไปได้ตอนนั้นมันเป็นไปได้ทั้งคู่เพียงแต่ตอนนี้เรายืนอยู่ในฐานะพนักงานโรงแรมที่หน้าที่เราคือต้องช่วยเหลือแขกให้ดีที่สุดแต่ก็ต้องรักษาสัมพันธภาพกับคนในท้องถิ่นด้วยเช่นกันสิ่งที่เฮียทำตอนนั้นคือโทรหาพี่ตำรวจท่องเที่ยวที่รู้จักกันก่อนแล้วก็บอกเคสนี้ให้เค้าทราบแกก็บอกว่า “ถ้าตกลงกันไม่ได้ยังไงให้โทรมาหาอีกที” แล้วก็โทรหาสายตรวจบอกเล่าเหตุการณ์ว่ากำลังจะมีการเจรจาเรื่องนี้กันที่ Lobby เชิญมาที่โรงแรมหน่อยเพราะ 100 นึงเอาบาทเดียวเลยว่า “มันไม่จบง่ายๆ แน่นอนถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว” เสร็จแล้วเฮียก็นั่งคุยกับแขกๆ ก็เล่าให้ฟังว่า “เค้าไปขับ Jet Ski มากับเพื่อนคนละคันแล้วทีนี้ปรากฏว่า Jet Ski ที่เค้าขับมันไปเฉี่ยวกับเพื่อนมีรอยเฉี่ยวตรงข้างๆ ลำทีนี้พอเข้าฝั่งคนให้เช่าเค้าก็ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็เรียกค่าเสียหายมา 80,000 บาทสำหรับสองคันนี้เพราะเป็นรุ่นใหม่อะไหล่แพง (ตามเหตุผลของเค้าอ่ะนะเฮียก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่แต่ส่วนตัวก็ว่ามันแพงมากเลยนะ)
แต่แขกเห็นว่ามันมากเกินไปเพราะมันเป็นรอยขีดข่วนแค่นิดเดียวและเค้าไม่ได้ชนแรงอะไรแค่เฉี่ยวกันนิดเดียวและยินดีจะจ่ายแค่ 30,000 บาท ณ ตอนนั้นซึ่งถ้าเจ้าของตกลงเค้าก็จะจ่ายเงินให้เลย 1,000 USD แต่เจ้าของที่คุยผ่านคนดูแลเรือเค้าไม่ยอมจะเอา 80,000 บาท ถ้าไม่ให้จะแจ้งความแขกเลยบอกว่าถ้าไม่เอาเค้าก็จะกลับโรงแรมให้ไปแจ้งความมาเลยและไปหาที่โรงแรม (หึหึหึ น่ารักจังหางานให้กูด้วย 555) เรื่องมันก็เลยมาจบที่เฮียนี่แหละ สักพักคนดูแลเรือก็มาพร้อมกับผู้ช่วยอีก 2 คนแต่ก็ไม่ได้มาโวยวายหรือทำขึงขังอะไรก็เข้ามาปกติ เฮียก็แนะนำตัวแล้วก็ออกตัวเลยว่า “พี่ครับ ผมเป็นผู้จัดการเค้าเป็นแขกผม เอางี้แล้วกันนะพี่ผมบอกก่อนเลยแล้วกันเพราะมันเป็นปัญหาส่วนตัวของแขกที่เกิดขึ้นกับพี่ ตอนนี้ผมจะแปลข้อความและสิ่งที่เค้าต้องการให้พี่ฟัง ส่วนถ้าพี่ไม่ยอมรับหรือไม่ตกลงพี่ก็สามารถแจ้งความและตกลงกันตามกฏหมายได้นะครับเพราะผมไม่มีอำนาจตัดสินว่าใครผิดใครถูก) การพูดแบบนี้จะเป็นการลดความกดดันให้ตัวเองและทำให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายรู้ว่า “ยูต้องตกลงกันเองไอไม่เกี่ยว” ออกตัวไว้ก่อนเลย เพราะในหลายๆ ครั้งพวกเราคงเคยเจอว่าคนมีปัญหากันสุดท้ายไอ้คนแปลนี่แหละจะกลายเป็นจำเลยและซวยไปในที่สุด พี่เค้าก็โอเคซึ่งในระหว่างนั้นสายตรวจก็มาถึงโรงแรมพอดี 2 คน
การเจรจาก็เริ่มขึ้นซึ่งพี่ที่มาก็ต้องคอยคุยทางโทรศัพท์ตลอดเพราะเจ้าของเรือเป็นคนสั่งอยู่ในสายเจ้าของเค้าก็ยืนยันว่าจะเอา 80,000 บาท แขกก็ยังยืนยันว่าจะจ่ายแค่ 1,000 USD ถ้าไม่ให้ก็ไปแจ้งความ ยื้อกันอยู่แบบนั้นแหละจนสุดท้ายพี่สายตรวจเค้าก็ทนไม่ไหวขอคุยกับเจ้าของเรือแล้วก็แจ้งปลายสายว่า “แกเป็นสายตรวจแล้วก็ถามว่าเรือเป็นอะไรมามั้ย 80,000 มันแพงไปนะ เอาแค่นี้ดีไหมเดี๋ยวจะให้แขกเค้าจ่ายให้เลยและจะเป็นคนอยู่จนกว่าแขกจะจ่ายเงินเอง ตกลงมั้ย” เจ้าของก็หายไปสักพักก่อนกลับมาบอกว่า “1,000 USD ก็ได้แต่ก็ยังมีบ่นอิดๆ ออดๆ ว่า เรือใหม่ซ่อมยาก บลา บลา บลา” จากนั้นแขกก็จัดการจ่ายไป 1,000 USD ให้คนดูแลซึ่งพี่ตำรวจแกก็บอกว่า “เงินให้กับคนดูแลไปแล้วนะ มี CCTV และผู้จัดการเค้าเป็นพยายน” แล้วก็จบการสนทนาก่อนแยกย้ายกลับไป เคสนี้มันมีมาเรื่อยๆ นะสำหรับโรงแรมที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหรือตามย่านธุรกิจที่มีกิจกรรม เช่น ขับ Jet Ski, มอเตอร์ไซด์เช่าหรือรถเช่า, รถ Taxi ส่วนบุคคล, เฮียว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะพนักงานโรงแรมที่มีประสบการณ์เยอะ คงเคยเจอและต้องรับมือกันมาบ้างแล้วยังไงก็แก้ปัญหากันดีๆ นะ
ปล.ฝากสติ๊กเกอร์ Hotel Man ไว้ในอ้อมใจด้วยนะจ๊ะ อย่าลืมโหลดกันเยอะๆ น้า เพราะรอนานมากกว่าจะผ่าน 555 https://store.line.me/stickershop/product/1943410
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น