วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อยากซักแต่ไม่อยากจ่ายโว้ย




"กูล่ะเบื่อ"

เรื่องนี้เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้นี่เอง ปัญหามีอยู่ว่า มีแขกจากประเทศ ๆ หนึ่งซึ่งไม่ขอเอ่ยนามละกันเดี๋ยวจะโดนฟ้อง(รู้ไว้แล้วกันว่าประเทศเขาอาหารและกลิ่นตัวแรงงงงส์มาก) เขาจองห้องพักมาพร้อมกับได้รับสิทธิในการซักผ้าฟรี 8 ชิ้น ย้ำครับว่า 8 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งในขณะที่เขาได้เช็คอินท์ในโรงแรมทางพนักงานไล่ตั้งแต่ Manager, Officer, Butler, Programmer, Hamberger, เอ้ย สองอันหลังไม่ใช่น๊ะล้อเล่ง ก็อธิบายให้เสร็จสรรพเรียบร้อย เท่านั้นยังไม่พอครับ ด้วยความที่กลัวว่าสมองน้อย ๆ ของมันอาจจะไม่เข้าใจเราจึงแจกจดหมายตบท้ายไปอีก 1 ฉบับเพื่อเป็นการยืนยันครับว่า "มึงได้แค่ 8 ชิ้นน๊ะ" ถ้าเสร่อซักเกินก็กรุณาจ่ายด้วย เพราะแม่บ้านเค้าไม่อยากดอมดมเครื่องเทศจากเสื้อผ้าของเมิงฟรี ๆ น๊ะจ๊ะ จากนั้นก็จบไป ย้อนนนน กลับไปตอนเริ่มต้นอีกครั้ง ตั้งแต่ที่มันส์จองมา ทำบุ๊คกิ้งส์เสร็จปั๊บ ก็ยกเลิกปุ๊บ แล้วก็จองใหม่ปั๊บแล้วก็ยกเลิกอีก คาดการณ์ได้ว่าชีวิตมึงนี่ไม่มีอะไรแน่นอน ตลาดหุ้นที่ว่าไม่แน่นอนยังเรียกมึงว่าพี่กันเลยทีเดียว จนมาเช็คอินท์ก็ยังอุตส่าห์เอากระดาษที่มันคอนเฟิร์มว่ายกเลิกไปแล้วสำหรับการจองห้องพักมาเสนอหน้าเช็คอินอีก โอ้ พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก หน้ามึงกับกระเบื้องนี่อันไหนหนากว่ากันวะ แต่ซวยไปที่มันเจอ Manager ที่ชั่วโมงบินสูงมันเลยต้องยอมจ่ายตามสถาณการณ์ ซึ่งสิ่งนี้เห็นจะเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถประกาสเอกราชเอาชนะมันได้ ตัดกลับมาที่วันที่มันเช็คเอาท์ เวลาประมาณ 8 นาฬิกาเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หน้าล็อบบี้ (มันก็คงเป็นเรื่องปกติเพราะจะไปให้ดังห้องช่างก็คงไม่ได้) ปลายสาย "Hello i want to know about my laundry benefit" แปลเป็นไทยว่า "บอกฉันทีว่าฉันได้ซักผ้าฟรีไหม" หลังจากที่ผมรับเบอร์ห้องของมัน ซึ่งจริง ๆ น่าซื้อหวยน๊ะเนี่ย ผมก็เช็คในระบบ "Your laundry is free 8 Pcs." แปลเป็นไทยเอาเองน๊ะ หลังจากนั้นมันก็ขอบคุณและก็วางหูไป ต่อมาเวลาประมาณบ่ายสองโมงกว่า ๆ หลังจากที่มันลงมาแจ้งเช็คเอาท์แล้วเห็นบิลค่าซักผ้า "I don't want to pay this bill. you told me i can get free laundry" ประมาณว่ากูไม่จ่ายเพราะมึงบอกกูว่าฟรี เท่านั้นยังไม่พอครับตัวผัวไม่เท่าไหร่พอตัวเมียมา จัดเต็มครับ น้ำเสียงบวกคำพูดตบท้ายด้วย Acting เหมือนตอนคุณน้องเรยากำลังด่าพี่เลี้ยงลูกตัวเองกันเลยทีเดียว ทีนี้มาเลยครับชักแม่น้ำทั้งห้า ท้องฟ้าทั้งหก นรกทั้งเจ็ด มาหลอมรวมกัน "พนักงานเธอบอกชั้นอย่างนั้นอย่างนี้ จดหมายที่เธอให้ชั้นก็ไม่ได้อ่าน ทำไมชั้นมาพักผ่อนต้องผ่านด้วยเหรอ" สรุปง่าย ๆ ว่ากูไม่จ่ายเมิงจะทำไมแม้พวกเราจะยืนยัน นั่งยัน นอนยัน เอาตีนยันเอามือยันก็แล้ว ยังไงมันก็ยังไม่จ่ายอยู่ดี เถียงกันจนถ้าผู้กำกับหนังมาเห็นนี่ Acting ได้เลยน๊ะครับเนี่ย เท่านั้นยังไม่พอยังมีฉาก Drama ผัวหันไปตวาดเมียบอกว่า "ไม่ต้องคุย เดี๋ยวชั้นจัดการเอง ไปนั่ง" เมียเดินน้ำตาคลอเบ้าน่าสงสารมาก (แต่ไม่ใช่กูน๊ะ) ไปนั่งหน้าจ๋อย คุยไปคุยมาสรุปที่กูให้เมิงแค่ 500 ที่เหลือมึงรับผิดชอบเอาเอง และที่เจ็บใจมากที่สุดคือ "ตอนจ่ายน๊ะ เมิงนี่จ่ายบัตร Platinum AMEX วงเงินมึงนี่ซื้อบ้านได้หลังนึง แต่แม่งบิลแค่ 2 พัน มึงจะไม่จ่าย" กูอยากจะเอาหัวโขกข้างฝาตาย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "กรุณาอย่าคิดว่าแขกจากประเทศนี้จะมีไมตรีกับคุณ น๊ะจ๊ะ"

บทความแนะนำ