วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เพื่อนกรูหญ่าย





สวัสดีฮาฟฟ์ วันนี้จะมาเล่าเรื่อง "เพื่อนกรูหญ่ายยยยยย" เรื่องนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผมทำงานอยู่โรงแรมหาดาว ซึ่งประเด็นอยู่ที่ว่าเนื่องจากว่าโรงแรมเราเนี่ยยังสร้างไม่เสร็จ (ก็แล้วไม่รู้ว่ามึงจะรีบเปิดไปไหน) แต่ต้องการต้อนรับแขกผู้มีเกลียดให้มาเข้าพัก (พร้อมกับคำก่นด่าและสาบแช่งประเภทจอง 100 นึงจะเอา 150 อะไรเงี๊ยะ) ประกอบกับพนักงานที่มีให้บริการอยู่เนี่ยก็ไม่พอแนว ๆ ว่าต้องทำงานกันวันละ 48 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว และแผนกต้อนรับที่ผมอยู่เนี่ยก็เสือกเป็นหนึ่งในนั้นที่หมีงานเข้าครับ เวลาประมาณ 4 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่น ผมได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากลูกน้องที่โอนมาให้ โดยมันก็น่ารักครับเพราะบอกให้ทราบล่วงหน้าแบบไม่ต้องแจ้งเป็นหนังสือลงนามในข้อตกลง เอ็มโอยู "พี่ สายนี้แขกจะ complain" ยังดีครับอย่างน้อยมึงก็ทำให้กูทำใจไว้ก่อนเลยว่า โดนแน่ๆ  "สวัสดค่ะ พี่มีเรื่องจะแจ้งและขอต่อว่าโรงแรมหน่อย" เดี๋ยวพี่จะลงไปหาน๊ะคะ เจริญครับญาติโยม มึงพูดเอง เออ เองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงมา นี่สรุปว่ากูบ้าหรือมึงเมาเนี่ย มึงถามกูสักคำมั้ยว่าอยากพบมึงหรือเปล่า ถามกูสักคำมั้ยว่ากูเนี่ยยุ่งมั้ยและว่างตอนไหน มึงเล่นไฟต์บังคับอยากเจอกูเลย แล้วถ้ากูไม่อยากเจอมึงล่ะ "อ๋อ พี่ครับไม่ว่างครับพอดีจะพาหมาไปเดินเล่น" มึงจะว่ายังไง สักพักประมาณ 10 นาทีครับ เธอก็เดินลงมา ลักษณ์เป็นผู้หญิงวัยกลางคนออกไปทางแก่นิด ๆ ใสเสื้อกล้างกางเกงขาสั้นสีชมพู (แรงได้อีกน๊ะหล่อน) "สวัสดีครับพี่ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" ผมทักทายด้วยประโยคคลาสสิค "สวัสดีค่ะ คืออย่างนี้ค่ะพี่มีเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดในโรงแรมหาดาวของคุณ มีแขกคนอื่นเปิดประตูห้องพี่เข้าไปค่ะ" นี่ดีน๊ะค่ะว่าพี่น่ะไม่ได้ทำอะไรอยู่ ถ้าเกิดพี่อาบน้ำอยู่ล่ะจะเป็นยังไง" อันนี้ก็ต้องยอมรับตามความจริงครับว่า โรงแรมเปิดใหม่ระบบจะมั่วมาก การออกคีย์การ์ดก็สามารถทำซ้ำห้องได้เพราะบางทีอาจให้ห้องแขกซ้ำไปอันนี้ก็ต้องยอมรับ ผมจึงกราบขอโทษงาม ๆ นี่ถ้าไม่เกรงใจจะจุดธุปเทียนและมาลัย 3 สี วนขวารอบแกสัก 3 รอบ พร้อมเสนอให้แกพักฟรี 1 คืนและสัญญาว่าจะนำเรื่องนี้แจ้งให้กับผู้จัดการทั่วไป (ตำแหน่งที่กูไม่เคยเห็นแม่งทำอะไรเลย นั่งอยู่แต่ในห้องทั้งวัน กลางวันก็มากินข้าว ว่าง ๆ ก็นั่งจับผิดพนักงาน แถมตกเย็นแม่งพาครอบครัวมากินฟรีดินเนอร์อีก) รู้มั้ยครับเธอพูดยังไง "โอ๊ยน้อง (เสียงสูงเหมือนควายออกลูก) ไม่ต้องแจ้งหรอกค่ะเพื่อนพี่น่ะเป็นบอร์ดบริหารโรงแรมเดี๋ยวพี่บอกเค้าเองดีกว่า เนี่ยเดี๋ยวพี่โทรเลย (ทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยน๊ะ ผมก็รอดูว่าจะโทรหรือเปล่าแม่งนั่งดูอยู่นั่นแหละไม่โทรสักที) เสร็จแล้วก็โชว์โง่อีกดอก "โรงแรมเนี๊ยะถ้าพี่ขอเพื่อนพี่ว่าจะมาพักฟรีนี่ยังได้เลยน๊ะ แต่พี่ไม่ขอไงเกรงใจเพื่อน" (แหม มึงนี่ช่างเป็นคนดีเสียจริง นิสัยอย่างเมิงนี่กูว่าถ้าขอได้ไม่น่ารอดพักฟรีน๊ะมึงเนี่ย) เสร็จแล้วก็นั่งสอนว่าระบบโรงแรมมันต้องอย่างนั้นมันต้องอย่างนี้ รู้ดีทุกอย่าง (แต่แม่งไม่ได้ดีสักอย่าง) เสร็จปุ๊บก็เดินกลับห้องไป ผมก็ยังมองตามน๊ะคับคิดว่าถ้าได้คนเปิดมันเห็นตอน อินี่อาบน้ำสงสัยแม่งเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแน่เลยว่ะ อิอิ

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ควายหิวข้าว





แท่น แทน แท๊น สวัสดีครับ วันนี้มาพร้อมกับบทความใหม่ขอเสนอตอน "ควายหิวข้าว" เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่ผมทำงานอยู่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ซึ่งโรงแรมของผมนั้นด้วยความที่เป็นโรงแรมหาดาวและเป็นโรงแรมที่ยิ่งใหญ่โต มโหฬารบานตะเกียง พื้นที่กว่า 3000 เอเคอร์ พร้อมสระน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายครบครัน ห้องอาหาร ห้องเด็กเล่นแต่จริง ๆ น่าจะเรียกห้องทิ้งเด็กมากกว่าเพราะส่วนใหญ่ที่เห็นบิดาและมารดามันมักจะเอามาโยนไว้ให้พนักงานก่อนที่มันจะออกไปไหนกันก็ไม่รู้ และที่เด็ดสุดก็สปาอันเลื่องชื่อของเรา (แต่อย่าถามถึงความพร้อมของมันน๊ะครับ เอาเป็นว่า สระน้ำว่ายได้ ห้องอาหารกินได้ สปามีเตียงนวดคุณ แค่นี้คุณก็ควรจะพอใจแล้วครับ) ในช่วงเย็นก็มีการเชิญแขกเหรื่อกันมามากมายหลากหลายวงการ ทั้งตำรวจ ทหาร นักการเมือง เซเลบ คนดัง ไฮโซบ้าง โลโซบ้าง แอบไฮโซบ้าง เยอะแยกมากมายไปหมด และช่วงเวลาทีทุกคนรอคอย (มันรอเวลานี้เพราะบางคนอยากจะนอนเต็มทีและก็แม่งล่อไปเที่ยงคืนแล้วนี่) ก็มาถึง เป็นเวลาแห่งการนับถอยหลัง(ลงคลอง) สู่การขึ้นศักราชใหม่ จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่ามึงจะนับกันทำไมเพราะนาฬิกามันก็เดินของมันอยู่แล้ว ทันใดนั้นเอง ปรากฏร่างเงาขนาดใหญ่มากกกกกครับ นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงพังกำไล หรือไม่ก็พลายทองคำกับพลายทองแท่ง 2 ตัวรวมกันเดินตรงเข้ามาหาผมครับ พร้อมกับใบหน้าที่บอกได้อย่างชัดเจนว่า "กูมีปัญหา" (ไม่ต้องบอกกูก็รู้หน้ามึงอย่างกับรองเท้าบาจาซะขนาดนั้น นี่คราวหลังกรูจะเอาเครื่องหมายคำถามติดหน้ามึงให้ด้วยอ่ะ) ผมก็ทักทายตามมาตรฐานของพนักงานโรงแรม Hello Sir May i help You (ใครอยากทำงานโรงแรมฝึกพูดประโยคนี้ไว้น๊ะครับ แม่งใช้ได้ตั้งแต่โรงแรม 5 ดาวยัน ไม่มีดาว) "Yes how i can have a dinner?" เอ่อ งานเข้าอีกแล้วครับ คือเนื่องจากในวันสิ้นปีคือวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปีเนี่ย ทุกโรงแรมเค้าจะขายราคาห้องพักบวกกับค่ากาล่าดินเนอร์ ซึ่งก็คือปาร์ตี้วันปีใหม่นี่แหละครับ ราคาก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่เกรดของโรงแรมแต่ที่สำคัญคือ บังคับว่าแขกทุกคนต้องซื้อ ฉะนั้นเวลาที่แขกโทรมาจองห้องช่วงนี้เขาก็มักจะถามว่า "คุณชาร์จค่า กาล่าดินเนอร์หรือเปล่า" แต่ตอนนั้นโรงแรมของผมขายอยู่ที่ 7000 บาท ซึ่งไอ้เนี่ยมันหลุดมาได้ยังไงก็ไม่รู้ครับเพราะว่ามันไม่ได้ซื้อกาล่าดินเนอร์มา แต่มันอยากเข้าไปกินอาหารข้างในและจ่ายเงินเฉพาะที่มันกิน "เวรแล้วครับ ก็เขากินกาล่ากันหมดเข้าจะมีอาหารอะไรให้มึงกินเนี่ย" ผมเลยบอกมันไปครับว่า "Sorry sir today we have a Gala dinner if you would like to join with us i will escort you to the restaurant" คือตอบแบบสุภาพครับว่าวันนี้เราไม่มีอาหารตามสั่งมีแต่บุฟเฟต์ กาล่าดินเนอร์ ถ้าอยากกินเดี๋ยวจะพาไป คราวนี้มันขึ้นเลยคับ มาเป็นชุดมาเต็มครับด่าโรงแรมฟักอย่างนั้น ฟักอย่างนี้ นี่ถ้าผมถือเข่งเนี่ยคงเก็บได้เป็นโลแล้วครับเนี่ย ด่าไปก็บ่นไป โรงแรมห่วยแตก โรงแรมไม่ดี กูหิวข้าวโว้ย "เซ็งคับ กูรู้ กูเข้าใจ ว่ามึงด่าโรงแรม มึงหิว แต่โรงแรมเนี่ยมันเป็นอิฐเป็นปูน มันไม่เข้าใจมึงหรอก กูนี่โดนน้ำลายมึงจนจะท่วมหัวกูแล้วเนี่ย" มึงจะยากตรงไหนมึงก็สั่ง รูมเซอร์วิสก็จบ ผมเสนอมันไปครับว่าให้สั่งรูมเซอร์วิส แต่มันไม่เอามันจะนั่งในห้องอาหาร ดูความกวนตีนของมันครับ แบบนี้ก็รู้แล้วว่าที่ด่าโรงแรมเนี่ยเพราะแม่งหวังอะไรสักอย่างไม่กินฟรีก็ลดค่าห้องแล้วก็จริงครับ พลันมันบ่นเสร็จมันถามครับ "แล้วชั้นจะได้อะไรจากความไม่สะดวกในครั้งนี้" ถ้าไม่เกรงใจอยากจะบอก "ได้ตีนกรูไงมึง" คนอื่นเค้ายังจ่ายได้กินได้มึงเสือกเรื่องมากจะเอานู้นจะเอานี่อีก ผมเงียบครับได้แต่ขอโทษไม่อยากพูดกับควายมากเดี๋ยวมันเอาเขาทิ่มเอา สักพักมันรู้ว่าไม่ได้อะไรแล้วก็หันมาบอก "ชั้นมาจากแคนนาดาไปบอกเจ้านายเธอว่าโรงแรมนี้ห่วยมาก บริการไม่ดีทีแคนนาดาเรารู้จักวิธีดูแลแขกดีกว่านี้" เฮ่อ อ้างไปนั่น ทีหลังมึงก็มาสร้างโรงแรมเองแล้วก็เอาแต่คน แคนนาดามาทำงานดิจะได้บริการดี ควายเอ้ย

ปล. ใกล้ปีใหม่กันแล้วเตรียมตัวรับความซวยกันดี ๆ น๊ะครับ

บทความแนะนำ