วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ตอน "กรุณาเติมเงินด้วยค่ะ"

เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเฮียกำลัง C/O แขกจากแดนสยามอยู่คนหนึ่งเหตุการณ์ก็ผ่านไปปกติเฮียก็ Print Guest Folio ให้แขก Check พี่แกก็เช็คทุกอย่างเรียบร้อยนะแล้วก็ยังถามสารทุกข์สุกดิบกันระหว่างเข้าพักว่า Ok ไหมพี่แกก็บอกว่า "OK บรรยากาศดี พนักงานบริการดีมาก แกชอบและจะกลับมาพักใหม่" แล้วเฮียก็แจ้งพี่แกกลับไปว่า "รอ Check Mini Bar สักครู่นะครับ" พี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า "ไม่เป็นไรน้อง พี่ไม่รีบ แต่พี่ไม่ได้กินอะไรนะ" แล้วแกก็หันไปคุยกับลูก

สักพักนึงแม่บ้านก็โทรมาว่า "No Bar ค่ะเฮีย" อ่ะ เฮียก็จัดการถามแกเลย "ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีครับ" พี่แกก็ตอบมาว่า "จ่ายบัตรเครดิตจ๊ะ" แล้วก็ควักบัตรมาให้เฮีย สมัยนั้นบัตร Dabit Card เพิ่งออกใหม่ๆ ซึ่งเงื่อนไขการตัดเงินมันจะตัดตรงกับบัญชีที่ผูกบัตรไม่เหมือนบัตรเครดิตที่ตัดตรงกับยอดวงเงินสินเชื่อของเรา ตรงนี้เฮียก็ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่ามันเป็นบัตร Dabit Card หรือ Credit Card เพื่อความแน่ใจในการจ่ายเงินเดี๋ยวเกิดเค้าไม่อยากให้ไปตัดเงินจากบัญชีเงินฝากเขาแล้วเราจะยุ่ง อีกเคสที่สมัยก่อนที่บัตร Dabit กำลังมาคือการทำ Card Ver ที่ต้องดูให้แน่ใจก่อนเลยแบบชัวร์ๆ ว่ามันเป็น Debit หรือ Credit Card เพราะถ้าเป็น Debit Card มันจะทำ Card Ver ไม่ได้ รูดปุ๊บ ตัดเงินปั๊บเลย อันนี้เฮียเคยเจอปัญหามาแล้วซึ่งมันวุ่นวายมากในขั้นตอนการทำเงินคืนในสมัยนั้น (เมื่อน่าจะประมาณปี 2553 นะเท่าที่จำได้) และร้อยทั้งร้อยจะโดนแขกด่าเละเลยถ้าใครเผลอไปทำ Card Ver บัตร Debit (แต่สมัยนี้คงเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามการพัฒนาของเทคโนโลยีอ่ะนะ)

ตัดมาที่เคสนี้ต่อเฮียก็รับบัตรมาแล้วก็เช็คดูปรากกว่าเป็น Credit Card จริงๆ เฮียก็เลยจัดการรูดก่อนเลย ปรึ๊ดดดดด ปรากฏว่า EDC มันโชว์ว่า "ไม่อนุมัติและแสดงเป็น Code วงเงินในบัตรไม่พอ" อ่ะไม่เป็นไรเดี๋ยวลองอีกครั้งเฮียก็รูดใหม่ปรากฏว่า "วงเงินไม่พออีก" คราวนี้เฮียก็แจ้งแขกเลยว่า "ขอโทษนะครับคุณผู้หญิงไม่ทราบว่ามีบัตรใบอื่นไหมครับ" เป็นประโยคที่ให้เกียรติและทำให้แขกไม่ขายหน้ามากที่สุดเพราะถ้าเราลองขอแบบนี้แขกส่วนใหญ่จะรู้เลยโดยอัตโนมัติว่าเงินไม่พอ (แต่ก็แล้วแต่แขกแล้วแต่คนนะ)

พี่แกก็หงุดหงิดเลยทีนี้สาดมาเลยดอกแรก "จะรูดไม่ผ่านได้ไง ชั้นยังใช้ซื้อของอยู่เลยเมื่อเช้า (เฮียคิดในใจ เอิ่ม วงเงินพี่น่าจะหมดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือเปล่าฮะ)" เฮียก็คิดว่า อ่ะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวรูดให้ดูอีกที เฮียก็เอาบัตรมารูดอีกครั้งปรากฏว่า "เหมือนเดิมคือไม่ผ่าน" ซึ่งแขกก็เห็นด้วยว่ามันไม่อนุมัติ คราวนี้โมโหเข้าไปใหญพาลมาด่าว่า "เครื่องเธอห่วยแตกหรือเปล่า มันเสียหรือเปล่าถึงรูดไม่ได้" เฮียก็ อ่ะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเปลี่ยนเครื่องให้ดู แล้วเฮียก็เดินไปรูดอีกเครื่องนึง ปรึ๊ดดดดด ปรากฏว่า "เหมือนเดิมคือเงินไม่พอ" คราวนี้เม้งแตกเลย โวยวาย เสียงดัง ด่าโรงแรม "ระบบห่วยแตก ชั้นไปรูดที่อื่นมารูดได้หมด มารูดไม่ได้ที่นี่แหละที่เดียว ปัญหาเยอะจริงๆ" เฮียก็ขอโทษและแจ้งแขกไปว่าเดี๋ยวผมลองระบบ "Key In ดูก่อนนะครับเผื่อจะได้ แต่ถ้าไม่ได้ยังไงรบกวนขอบัตรใบใหม่หรือรบกวนติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรด้วยนะครับ" แขกก็ตอบกลับมาแบบโมโหสุดเหวี่ยงว่า "เชิญเถอะ จะทำอะไรก็ทำ เร็วๆ ด้วยชั้นรีบ ปัญหาเยอะจริงโรงแรมเธอเนี่ย คราวหลังชั้นจะไม่มาและ วุ่นวาย"

เฮียก็จัดการ Key In เข้าไปปรากฏว่าก็เหมือนเดิมคือ "รูดไม่ผ่าน" แต่ในระหว่างที่กำลัง Key In แขกก็โทรติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรด้วยเช่นกันซึ่งพอเฮียคีย์แล้วไม่ผ่านเสร็จและรอสักพักจนเจ้แกคุยโทรศัพท์จนเสร็จปรากฏว่า เจ้คนนี้แกควักเงินสดออกมาจ่ายบิลครบทุกบาททุกสตางค์ก่อนขอบัตรคืนไปแล้วไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เฮียก็ทวนอีกทีเพราะรู้แล้วว่านี่คือ "เงินในบัตรไม่พอจริงๆ นั่นแหละ" ว่า "ชำระเป็นเงินสดนะครับ" แขกก็พยักหน้าแบบตึงๆ เหมือนกลบเกลื่อนความผิดน่ะ พอได้ใบเสร็จแล้วก็รีบพาลูกเดินออกนอกโรงแรมทันที

สรุปแว่... เงินในบัตรไม่พอจริงๆ แหละเลยรูดไมผ่านไม่ได้เกี่ยวกับ EDC เล้ย แต่สุดท้ายกูโดนด่าซะนี่

...ปล. แล้วพวกเอ็งเคยโดนแขกที่วงเงินเต็มด่าตอนรูดบัตรไม่ผ่านกันบ้างป่ะ???..


วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ตอน Alphabet มหาสนุก

ไม่แน่ใจว่าเล่าไปยังนะแต่อยากเล่าอีกครั้ง... สรุปว่าเล่าอีกทีละกันนะ... เอ๊ะหรือไม่เล่าดี?.. เอางี้เล่าก่อนดีกว่า... เออๆ เล่าแหละดีและ..

คนโรงแรมเราเนี่ยเราก็จะมีการสะกดคำเพื่อเป็นการทวนความหมายตาม Alphabet ของเราอยู่แล้วอ่ะนะที่ใช้กันก็จะ A= Able, B=Baker, C= Charlie, D= Dog, E=Easy ฯลฯ ไปเรื่อยๆ จนถึง Z

ทีนี้ส่วนของอุตสาหกรรมอื่นเช่นที่ใกล้เราที่สุดก็ "อุตสาหกรรมการบิน" เค้าก็จะมี Alphabet ของเค้าอยู่อันนี้อ้างอิงตาม ICAO Phonetic Alphabet และ Airline Code นะ ก็จะเป็น A= Alpha, B=Bravo, C=Charlie, D=Delta, E=Echo, แต่บางครั้งเราก็มีแอบๆ เอาของเค้ามาใช้เหมือนกันนะ 555 หนักเข้าก็ผสมกันแบบมิกซ์แอนด์ไม่แมทช์ไปเลยประเภทแบบ A=Able, B=Bravo, สนุกสนานกันไป 555

พวก Alphabet นี้เราก็จะใช้ทวนเวลาที่แขกแจ้ง Information เราเป็นภาษอังกฤษแล้วเราได้ยินไม่ชัดเราก็จะทวนประมาณว่าแขกแจ้งว่า "Hotel Man" เฮียได้ยินไม่ชัดเราก็จะทวนว่า "H = How ใช่ไหมครับ?" อะไรแบบนี้เพื่อให้แขกแน่ใจว่าเราสะกดถูก ซึ่งในบางครั้งแขกเขาก็ไม่ได้รู้ Alphabet กับเราเขาก็จะทวนมาให้เราเข้าใจในมุมของแขก เช่น A=Ant มด อะไรแบบนี้อ่ะนะ ซึ่งมันก็ช่วยให้เราเข้าใจได้ตรงการทวนนี้บางทีแขกก็มีทวนแบบขำๆ มาให้เราเห็นเหมือนกันนะ อย่างเฮียเคยเจอแขกชื่อ "SUPRANEE" ในขณะที่เฮียกำลังทวนทีละตัวๆ แขกเขาก็อารมณ์ดีอ่ะนะเค้าก็เลยท่วนมาให้เลยตั้งแต่ S ถึง N ทีนี้พอถึงตัว E แขกบอกเฮีย "E = อีลำยองอ่ะน้อง" 555 เอิ่มครับพี่ ผม Get เลยครับ

ทีนี้เรื่องของพนักงานเวลาเราคุยกันเราก็ควรจะรู้ในตัวของ Alphabet ในการทวนคำอ่ะนะเพราะพนักงานโรงแรมกับพนักงานโรงแรมมันจะถึงกันเพราะเรียนมาเหมือนกันแต่มีครั้งนึงตอนที่เฮียไปทำงานโรงแรมใหม่ๆ อยู่รอบดึกและกำลังจะโทร Check Occupancy เพื่อทำ Hotel Competitor ปิดรอบประมาณตี 4 เฮียก็จัดการโทรไปเลยแต่ทีนี้ด้วยความที่โรงแรมนั้นเขายังไม่ได้ทำ MOU กับโรงแรมที่เฮียทำงานไว้ว่าจะแชร์กัน แต่พี่เค้าก็ใจดีเขาบอกว่าให้ FOM เฮียส่งอีเมล์มาขอเฮียก็เลยจัดการขอ Email พี่เค้าเพื่อจะให้ FOM เฮียส่งเมล์ไป และพี่แกด้วยคาดว่าเฮียน่าจะทำงานมานานแล้วแกก็เลยใส่มาเต็มเลยว่า

Sugar-Item-Roger-Item-Nancy-Able-Peter-Able @gmail.com .... เชื่อมั้ยว่าอารมณ์ตอนนั้นเฮียนี่งงตี๊บเลย แม่งอะไรวะ น้ำตาล Item โรเจอร์ มีแนนซี่อีก งง คืองงมาก แล้วดันเสือกคิดไปอีกว่า "อีเมล์บ้าอะไรวะยาวฉิบหาย" แล้วก็ถือสายงง อยู่แบบนั้นอ่ะจนพี่อีกฝั่งบอก "น้องๆ ฟังอยู่ป่าวเนี่ย" เฮียได้สติก็เลยบอกพี่เค้าไปตรงๆ ว่า "พี่ครับ ผมขอโทษทีนะพี่คือผมเพิ่งเริ่มทำงานใหม่อ่ะครับขออีกทีได้ไหมครับ" โชคดีที่พี่แกหัวเราะด้วยความเอ็นดูแล้วก็บอกมาใหม่อีกทีคราวนี้เพิ่งรู้ว่าชื่ออีเมล์อะไร

ก็ฝากไว้โดยเฉพาะน้องใหม่นะพวก Alphabet นี่ท่องจำไว้ก็ดีนะครับมันเป็นประโยชน์กับเรา ตอนเฮียเป็น FOM นี่เฮียให้ตัดแปะไว้ใน Office เลยนะโดยเฉพาะส่วนของ Operator เพราะเป็นด่านแรกแห่งการรับสาย


วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ตอน "คิดได้ไง" คำเตือน***เรื่องนี้มันจะเลี่ยนๆ หน่อยนะ

เคสนี้มันจะน่าอ้วกนิดนึงนะครับแนะนำว่าใครที่ยังไม่ได้กินข้าวอย่าเพิ่งอ่านนะหรือใครที่กำลังกินข้าวก็ให้ละไว้ก่อนอย่าเพิ่งอ่านนะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่ายวันหนึ่งที่เฮียกำลังยืน C/O อย่างเมามันอยู่หน้า Lobby ก็ปรากฏว่ามีกลุ่ม Boy Band จากเมืองลุงแซมเดินมา Check Out เฮียก็กล่าวทักทายแล้วก็จัดการดูค่าใช้จ่าย Print Folio ไปให้เช็คระหว่างนั้นด้วยความที่แขกเยอะมากก็เลยถามเลยว่า "ยูได้ทานมินิบาร์ในห้องบ้างไหม" แขกก็ตอบกลับมาว่า "No" ทีนี้เฮียก็ถามอีกว่า "Have something in the safety box?" ก็ถามว่าใน Safe ลืมอะไรไว้บ้างไหม ซึ่งก็เป็นคำถามปกติเพิื่่อป้องกัน Lost and Found แขกก็รีบตอบแบบมีพิรุธเลยว่า "No No No" ว่าไม่ได้ลืมอะไร แล้วก็ถามเฮียกลับมาว่า "Finish ?"

ตอนที่เฮียเห็นพิรุธก็ไม่ได้คิดถึงเรื่อง Safe นะ แต่ไปคิดถึงเรื่องของมินิบาร์แทนว่า "แอบกินอะไรไปแล้วจำไม่ได้ป่ะวะ" แต่ทันใดนั้นแม่บ้านก็โทรลงมาว่า "No Bar ค่ะ" งั้นก็จบและไม่มีอะไรน่าห่วงเฮียก็ปล่อยแขกไป

ผ่านไปจนถึงประมาณ 5 โมงเย็น HK เค้าต้องการทำห้องเพื่อเตรียมไว้ขายแขก Walk In ต่อ ทีนี้ไอ้ห้องนี้ที่ Check Out ออกไปห้องนั้น Safe มัน Lock อยู่ซึ่งจริงๆ มันต้องเช็คตั้งแต่ก่อนแขกออกแล้วแหละตาม Process เพื่อป้องกันแขกลืมอะไรไว้ใน Safe แต่คาดว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดจากการที่แขกเยอะมากบุคคลากรไม่พอเลยทำให้การทำงานไม่ทั่วถึง ทีนี้เฮียก็ต้องขึ้นไปเปิดเพื่อให้แขกใหม่ที่เข้ามาพักใช้งานได้

ตาม Process ไม่ว่าห้องจะมีแขกหรือไม่มีแขกเฮียก็ต้องพา Security ไปเป็นพยานด้วยเสมอแล้วเราก็ขึ้นไปกัน พอไปถึงก็เจอแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่เฮียก็เรียกมาที่ Safe เพื่อเป็นพยานด้วยว่าเปิดมาแล้วเจออะไรอยู่ใน Safe หรือไม่เจออะไรบ้างจะได้ป้องกันปัญหาการยักยอกได้ประเภทเจอของ 2 อย่างตั้งแต่แรกแต่แขกโทรมาตาม Lost and Found แล้วบอกว่ามี 3 อย่าง เป็นต้น

ทันทีที่เฮียใส่รหัสจากเครื่อง Master และตู้ Safe ปลดล็อคแล้วเปิดออกมา สิ่งแรกที่พุ่งออกมากระแทกจมูกพวกเราคือกลิ่นที่เหม็นมาก กลิ่นๆ นั้นมันก็คือกลิ่นขี้นี่แหละแต่เฮียก็ยังไม่แน่ใจว่า "ใครมันจะบ้าทำแบบนี้วะ" แต่พอเปิดประตูออกเต็มบานเท่านั้นแหละแม่เจ้าแม่งเป็นก้อนเลย อ้วกแทบพุ่งทั้งเฮีย Security แม่บ้าน เอามือปิดจมูกกันแทบไม่ทัน คืออารมณ์แบบ "แม่งคิดได้ไงวะ ขี้ใส่ Safe" หลังจากนั้นเฮียเนี่ยไม่เท่าไหร่แต่แม่บ้านนี่ดิหนักสุดเพราะต้องมาไล่ทำความสะอาด Safe ใหม่อีก กับปัญหาที่เกิดจากความคึกคะนองของแขกบางคน

ปล. หลังจากขึ้นไปแล้วก็เป็นอันว่าอวสานมื้อเย็นของเฮีย Security และแม่บ้านได้เดินทางมาถึงแล้ว กินข้าวไม่ลงกันเลยทีเดียว


วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วันนี้เฮียมีของดีมาแจกอีกแล้ว อันนี้เหมาะสำหรับเจ้าของโรงแรมหรือแผนก Sales and Marketing ที่กำลังหาช่องทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์โรงแรมให้มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด
....................................................................................................
สมัยก่อนเราต้องอาศัยTravel Agency และ OTAs เป็นหลักในการนำเสนอโรงแรมและห้องพักเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแขกและเพื่อทำการประชาสัมพันธ์และโฆษณาโรงแรมซึ่งเราต้องเสีย Commission ในอัตราที่สูงโดยเฉพาะโรงแรมเปิดใหม่ เพื่อที่โรงแรมของเรานั้นจะได้แสดงผลในหน้าแรกของการค้นหาจากแขกผู้เข้าพัก

แต่ในปัจจุบันตลาดและโลกมันเปลี่ยนไป Social Media กลายเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดในการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคหลายๆ โรงแรมเริ่มใช้ช่องทางดังกล่าวในการเข้าถึงแขกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Commission ที่เคยจ่ายในอัตราที่สูงลงแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะตัดสินว่าใครจะประสบความสำเร็จในการใช้ Social Media ก็คือ "Content หรือเนื้อหาของการนำเสนอที่ควรจะต้องถูกเขียนด้วยผู้ที่มีประสบการณ์และถ่ายทอดได้ดี" และยิ่งเราหวังผลทางการตลาดใน Content นั้นด้วยแล้วผู้ที่เขียน Content ก็ควรจะเป็นผู้ทีสามารถสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อให้คนที่ติดตามได้ทดลองเข้ามาพักในโรงแรมได้

วันนี้เฮียมีเว็บไซต์ที่น่าสนใจเจ้าหนึ่งมานำเสนอชื่อว่า Readme.me ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะวิธีการทำตลาดในปัจจุบันถ้าจะให้ผลเร็วที่สุดในการสร้างฐานลูกค้าและการรับรู้รวมทั้งเกิดกระแสเกี่ยวกับโรงแรมวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการเชิญให้ Blogger ที่มีฐานผู้ติดตามได้ทดลองมาเข้าพักและเขียนรีวิวผ่านช่องทางของตนเองหลังจากนั้นผู้ติดตามที่เชื่อถือ Blogger อยู่แล้วก็จะทดลองเดินทางเข้ามาพักบ้างเพื่อพิสูจน์ว่ารีวิวที่ดีกับสิ่งที่เจอมันตรงกันหรือไม่
Readme.me จะรวบรวมรีวิวท่องเที่ยวและเหล่า Blogger สายท่องเที่ยว สายกิน สายชิลล์โดยเฉพาะไว้จำนวนมากบนเว็บไซต์

โดย Readme.me เขาจะมีบริการ Blogger Matching Platform หมายถึง "การจับคู่ระหว่างโรงแรมและ Blogger ที่มีความสนใจซึ่งกันและกัน" ก่อนเชิญให้มาทดลองเข้าพักเพื่อนำเสนอรีวิวต่อผู้ติดตาม โดยบริการนี้เป็นการให้บริการฟรี!!! ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือหากโรงแรมไหนที่ต้องการทำการโฆษณาและประชาสัมพันธ์หรือทำตลาดแบบ Online และต้องการคนทำ Content Marketing โรงแรมก็ยังสามารถเข้าไปสร้างประกาศหา Blogger เพื่อมาร่วมงานได้ด้วยตัวเอง จากนั้นทาง Blogger ที่มีการเขียนรีวิวกับ Readme.me ก็สามารถกดสมัครเพื่อเข้าไปรีวิวซึ่งโรงแรมก็สามารถที่จะเลือกตอบรับหรือติดต่อเฉพาะกับ Blogger ที่เราสนใจให้มาทำการเขียน Content หรือ Review ให้กับโรงแรมของตัวเองได้ Blogger แต่ละคนย่อมมีฐานผู้ติดตามอยู่แล้วจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับโรงแรมที่จะใช้โอกาสนี้เข้าถึงกลุ่มเหล่าลูกค้านั้นภายใต้งบประมาณที่ไม่สูงจนเกินไปแต่ได้ช่องทาง Online ที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำ PR พร้อมกับโอกาสในการสร้างฐานแขกผู้เข้าพักให้กับโรงแรมของตนเอง
....................................................................................................
ตอนนี้เห็นมีหลายโรงแรมที่ได้สมัครเข้าไปใช้บริการกันแล้ว เช่น Centara Q Rayong, Sofitel So Hua Hin, Best Western Hotel, Mandarin Hotel Bangkok, The Landmark Bangkok Hotel, Peggy's Cove Resort, Way Pattaya, Z Through by the Zign, Mera Mare Pattaya เป็นต้น
เฮียเห็นว่าวิธีนี้น่าสนใจและไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรในการใช้งานเว็บไซต์นะหากใครสนใจก็ลองเข้าไปใช้งานกันดูก่อนได้ที่ Readme.me คลิกตามลิงค์นี้!!!! https://goo.gl/H6XXNk ฟรี!!! ไม่มีค่าใช้จ่าย

หากมีข้อสงสัยใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยนะครับที่แฟนเพจ www.facebook.com/th.readme.me/ หรือโทร 082-345-1559 สำหรับใครที่ต้องการายละเอียดเพิ่มก็สามารถดาวโหลดไฟล์ Brochure ที่ลิ้งค์นี้ https://goo.gl/KZh7bcลองไปอ่านดูก่อนได้

ใครที่ลองทำ PR หรือพยามใช้ช่องทาง Social Media ในการทำตลาดวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผลเฮียขอแนะนำให้ลองวิธีนี้ดูนะครับอย่างน้อยๆ ลองไปใช้งานกันดูก่อนได้นะที่ลิงค์นี้!!!! < https://goo.gl/H6XXNk > โดยไม่มีค่าใช้จ่าย "ลองเปลี่ยนวิธีการทำตลาดแบบนี้ดูนะครับ ส่วนตัวเฮียมองว่ามันได้ผลดีเห็นผลรวดเร็วและไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินมากอย่างที่เราคิด"


วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พวกเอ็งเคยเผลอเกือบบอกราคา Agency ให้กับแขกที่มาหลอกถามมั่งป่ะ?

คือเราจะรู้กันอยู่นะว่าเวลาที่เราขายห้องพักราคาที่เราไปขาย Agency มันจะถูกกว่าราคาที่แขกจ่ายมากับ Agency ตัวอย่างคือ เฮียไปทำ Contract Rate กับ Agency เอาไว้ราคา 3000 บาท ทีนี้ Agency เค้าก็จะต้องเอาราคาขายไป Markup ส่วนกำไรของเขาตามปกติเพราะเขาทำธุรกิจ ทีนี้เวลาแขกมาถึงโรงแรมในระบบ PMS ส่วนของ Comment ช่อง Note มันจะมีตัวย่อเขียนว่า RB to T/A คือ Room Breakfast to Travel Agency (โรงแรมอื่นอาจใช้ตัวย่อไม่เหมือนนะ อันนี้ไม่ต้องเอาเฮียเป็นบรรทัดฐาน) ที่พวกเราต้องระบุกัน G.S.A, G.R.O, Reception เราก็จะรู้กันว่าเราไม่สามารถบอกราคานี้กับแขกได้เพราะราคาในระบบ PMS เป็นราคาที่เราทำ Contract Rate ไว้กับ Agency ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เราเรียกเก็บกับเขาไม่ใช่จำนวนเงินที่แขกจ่ายกับ Agency ซึ่งจะแพงกว่า ฉะนั้นเวลาถูกถามโดยปกติเราก็จะบอก Rack Rate คือราคาเต็มไปเพราะยังไงมันก็แพงกว่าแน่ๆ แล้วก็เล่นใหญ่ใส่ชฏาไปอีกหน่อยว่า "ราคาอาจสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกนะยู เป็น Day Maker Rate บลา บลา บลา ตามแต่เทคนิค" แต่ปกติถ้าแขกจองตรงจ่ายตรงอันนี้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วบอก Rate ได้เพราะยังไงเราก็เก็บเงินกับแขกประเภทแขกมาถามราคาแล้วเห็นว่า RB to O/A (Room Breakfast to Own Account)

ทีนี้วันดีคืนร้ายมีน้องใหม่มาทำงานอาจจะตื่นเต้นและลืมแล้วดันมีแขกที่จองมาจาก Agency เดินมาถาม Rate ราคาซึ่งถ้าเกิดไม่ได้สังเกตแล้วบอกไปตามที่เห็นแล้วแขกรู้ว่าตัวเองจ่ายมาแพงกว่าที่โรงแรมบอกคราวนี้ก็จะกลับไปเฉ่ง Agency หลังจากนั้น Agency ก็จะกลับมาเฉ่งเราต่อดีไม่ดียกเลิก Contract Rate กับเราอีก

ของเฮียมีครั้งนึงวันนัั้นจำได้ว่ายุ่งมากและอยู่กับน้องใหม่เฮียก็กำลังรวบรวมเรื่องราวที่เจอแขก Complain อยู่เพื่อเขียนลง Log Book ต่อรอบให้รอบต่อไป ทีนี้มีแขกต่างชาติสองคนสามีภรรยาเดินมาที่หน้า Counter หาน้องคนนี้ซึ่งเฮียก็มองดูน้องมันอยู่ตลอดแหละเพราะรู้ว่ายังใหม่อยู่จริงๆ ตอนนั้นเข้ารอบกัน 3 คนแต่น้องอีกคนพาแขกไป Inspection เหลือเฮียกับน้องใหม่ เฮียได้ยินแขกถามว่า "How much you charge me. per 1 night? น้องเค้าก็ถามเบอร์ห้อง แขกก็บอกมา และก็ด้วยสัญชาติญาณและประสบการณ์ทีเคยเจอมาเฮียก็เปิดระบบเข้าไปดูทันทีที่แขกบอกเบอร์ห้องจบ ปรากฏว่าเห็นตรง Note แล้วแหละว่า RB To T/A น่าจะประมาณนี้แหละนะ แล้วเฮียก็เห็นน้องเค้ากำลังเปิดระบบดูสักพักน้องก็เงยหน้ามาอ้าปกกำลังจะบอกแขกว่า "It's..."

เฮียก็รีบออกตัวล้อฟรีพุ่งไปจับแขนแล้วยิ้มใส่แขกก่อนเลยทันทีแล้วตีมึนกล่าวทักทายก่อนเลยว่า "Good Afternoon Sir/Mam. I'm the Manager. How may I help you?" แขกเห็นว่าเป็น Manager ก็ดีใจแล้วก็ทวนคำถามค่าห้องอีกครั้ง เฮียก็เลยบอกราคา Rack Rate ไป แขกพอรู้ก็ทำหน้าตกใจ เพราะแพงดีแท้แล้วก็ Thank you ก่อนจากไป จากนั้นเฮียก็หันมาสอนน้องต่อว่า "น้องเห็นไหมว่า To T/A ทำไมถึงจะบอกราคาแขก" น้องมันก็ตกใจแล้วก็ขอโทษเพราะตื่นเต้นเลยลืมสังเกต เฮียก็สอนและตักเตือนกันไปเพราะเข้าใจว่าใหม่และให้ระวังกว่านี้ นี่ถ้าไปไม่ทันนี่มีเละแน่นอน
ปล.เรื่องตัวย่อนีหลายๆ โรงแรมใช้ไม่เหมือนกันนะ และวิธีการจัดการในการบอกราคากับแขก T/A ก็อาจใช้ทริคไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะเอาแบบไหนมาแลกเปลี่ยนเพิ่มความรู้ให้เพื่อนๆ กันได้


บทความแนะนำ