วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Day Off เลื่อนเรื่อยๆ


เฮียเคยมีประสบการณ์เจ็บปวดกับการลาหยุดมาครั้งนึงเว้ย

คือตอนนั้นเฮียเป็น Duty Manager วิธีการจัดตารางงานของเฮียเพื่อให้น้องๆ ในทีมทุกคนได้เสมอภาคกันในการขอลาหยุดคือถ้าเฮียจะจัดตารางงานเดือนหน้าใครที่จะหยุดจะลาวันไหนก็ต้องแจ้งเฮียก่อนวันที่ 25 เดือนนี้ เฮียจะได้ Plan เกี่ยวกับการจัด Manpower ให้พอตามที่ Occupancy Forecast Report มันโชว์ออกมาว่าช่วงไหนมีแขกเยอะ ช่วงไหนมีแขกน้อย ทีนี้ไอ้ตัว Occ. Forecast ที่ Print ออกมามันก็คือการพยากรณ์ล่วงหน้า แต่จำนวนแขกที่เข้าพักที่ CFM Booking หรือ Cancel มันก็มีมาเรื่อยๆ ทำให้ Report มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไหนจะ Booking Tentative กับ Definite อีกมันก็เลยเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้

ตอนนั้นเฮียก็ได้รับ Request ของน้องเรียบร้อยหมดทุกคนแล้วเฮียก็จัดการจัด Schedule เสร็จเรียบร้อยแล้วในส่วนของน้องๆ ในทีม คราวนี้เฮียก็จัดการ Plan วันหยุดตัวเองบ้างตอนนั้นเฮียกะว่าจะไปเขาใหญ่ไปดูช้าง ไปตามหาช้างว่า "ช้างกูอยู่ไหน" เฮียก็เล็งๆ ไว้แล้วแหละว่าวันธรรมดานี่แหละเด็ดสุดช่วง Weekday จะไม่ค่อยมีแขกเท่าไหร่ประกอบกับวันลาเฮียเหลือเยอะด้วยต้องรีบเคลียร์ เฮียก็จัดการลาแม่งเลย 4 วันรวดจากนั้นก็เอาตารางงานไปให้พี่ FOM เค้า Approve แล้วแกก็ Approved มาเรียบร้อยในวันเดียวกัน

หลังจากนัั้นเฮียก็ทำงานไปแล้วก็นึกถึงบรรยากาศเขาใหญ่ไปอย่างมีความสุข นึกถึงฟิลลิ่งขับรถผ่านมวลแมกไม้และบรรยากาศร่มเย็น สัมผัสสายลมและแสงแดด ไปดูน้ำตกเหวนรก มันช่างฟินเสียเหลือเกิน!!!!! แต่ทันใดนั้นเองก่อนถึงวันลาแค่ 3 วัน พี่ FOM เรียกเข้าไปคุยแล้วแกก็บอกว่า "น้อง Cancel วันหยุดก่อนได้มั้ย? พี่ไม่มีคนเลยพอดีมีกรุ๊ปเพิ่งเข้ามา 100 กว่าห้องช่วงที่น้องลาดีพี่ไม่มีคนเลยจริงๆ เพราะน้องๆ ที่แพลนไว้เขาก็มีธุระพี่ Cancel เขาไม่ได้ เขาหยุดไปหมดแล้วถ้าธุระน้องไม่สำคัญอะไรเลื่อนไปก่อนได้มั้ยช่วยพี่หน่อยนะ? แล้วเดี๋ยวค่อยเลื่อนไปหยุดวันอื่น"

เข้าใจคำว่าสวรรค์ล่มกันมั้ยครับ ตอนนั้นเฮียแม่งอยากจะ ทิ้งตัวลงคุกเข่าอ้อนวอนเธออย่าไป พนมสองมือขึ้นกราบกรานเธอโปรดอย่า Cancel วันหยุดกูเลย.... ตอนนั้นมันเหมือนเฮียกำลังออกเดินทางไปเขาใหญ่ กำลังขับรถอย่างชิลด์ๆ อยู่บนถนนมิตรภาพใกล้ถึงฟาร์มโชคชัย..ทันใดนั้นแม่งเหมือนกับมีคนข้างบ้านโทรมาบอกว่า "เฮีย มึงลืมล็อคกุญแจบ้าน มึงเปิดบ้านทิ้งไว้ทำไม" แบบนัั้นเลยครับ เฮียแม่งไม่รู้จะทำไง แล้วไอ้ตอนลาก็ดันบอกเขาไปตรงๆ แล้วด้วยว่า "ลาพักผ่อน" เจริญซิมึงทีนี้ ไอ้ที่จะไปดูช้าง ไปสัมผัสบรรยากาศมวลแมกไม้ แม่งกลายเป็นไปดู่จอ Comuter หน้า Front ดูห้อง VC แทน แถมด้วยสัมผัสบรรยากาศจากซองคีย์การ์ดและลิ้มรสเวรกรรมดริ๊งค์แทนแล้วมึงตอนนี้ แต่เอาไงได้วะคนไม่มีจริงๆ ก็ต้องช่วยพี่เค้าไปก่อนเว้ยยยย



วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

American Slipper


ตอน American Slipper

เราทุกคนคงรู้นะว่ารองเท้า Slipper คือรองเท้าที่เอาไว้สำหรับใส่เดินในห้องพักแขก แต่ก็ชอบมีแขกบางคนใส่ลงมาสระน้ำหรือที่อื่นบ้างในบางครับ เฮียเคยเจอครั้งนึงที่เป็นอะไรที่เฮียไม่เข้าใจเขานะ แต่อย่างที่บอกงานโรงแรมอะไรที่เกินความคาดหมายมันมักจะมาเจอเราอย่างไม่ได้คาดคิดตลอด ครั้งมีแขกจากดินแดนพญาอินทรีย์สองคนแฟนกันเดินทางมาพัก Period การเข้าพักของพวกเค้าทั้งหมด 1 อาทิตย์ ผ่านไปได้วันที่ 4 แม่บ้านโทรมาหาเฮียแล้วบอกว่า "เฮีย ห้องนี้ผมเปลี่ยน Slipper เป็นคู่ที่ 6 แล้วนะครับเฮีย เฮียช่วยแจ้งแขกให้หน่อยได้มั้ยครับว่ามันเสียเงิน ผมไม่แน่ใจว่าแขกเขารู้มั้ยนะเฮีย หรือเขานึกว่าเราให้ฟรี" ว่าแล้วเฮียก็เลยไป Check ดูในระบบก็ปรากฏว่ามีการ Post Miscellaneous Bill เข้าไป 3 วันแล้วนะตกวันละ 300 บาท (ตอนนั้นราคาขายมันแค่คู่ละ 150 Net) ทีนี้เฮียก็ไปดูในFile แขกที่เก็บหน้า Bill ก็ปรากฏว่ามีการเซนต์ยอมรับค่าใช้จ่ายจากแขกครบถ้วนนะ จากนั้นเฮียก็เข้าไปดู Function Message ใน อีปิ๊โต(เม่) ก็เห็นว่าน้อง G.S.A ส่ง Message ขึ้นไป Informed แขกเรียบร้อยแล้วว่ารองเท้า Slipper นี้มันเป็นค่าใช้จ่ายนะต้องเสียเงิน เฮียก็ถามน้องๆ ว่าแขกคนนี้มีปัญหาอะไรไหมตอนที่ได้ Message Inform ว่าเราจะ Charge ซึ่งน้องมันก็บอกว่า "ไม่มีนะเฮีย แขกก็ OK ทุกอย่าง" แล้วก็เซนต์บิลให้ปกติ

ถามไปถามมาเฮียได้ความว่าที่เขาใช้รองเท้าเปลืองเพราะเล่นใส่เดินทั่วรอบโรงแรมทุกวัน ไปสระน้ำ ไปกินข้าว ไปสปา คือออกแนวใส่ทุกที่อ่ะนะ ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ซื้อรองเท้าแตะมาใส่ หรือเป็นเพราะชอบใส่ Slipper ที่เบาสบายไม่ไหลย้อนกลับ เฮียก็ไม่รู้จะไปว่าอะไรเขาเพราะเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

พอถึงวัน Check Out เขาก็จ่ายบิลปกติไม่มีท่าทีอิดออดหรือโต้แย้งในค่าใช้จ่ายของ Slipper เลยแต่อย่างใด Slipper บางโรงแรมก็ให้ฟรีบางโรงก็ไม่ฟรีนะครับแขกทั้งหลาย กรุณาอย่า Complain แล้วบอกว่า "ชั้นไปพักที่นั่นที่นี่มาเขายังให้ฟรีเลย หรือบางครั้งไปลากเอาสายการบินมาอีกว่าเค้าแจกฟรี อันนั้นมันไม่เหมือนกันนะจ๊ะ"

ปล.ใครขี้เกียจอ่าน โพสต์หลังๆ ก็ไปฟังคลิปกันเอาได้นะฟังแล้วก็อย่าลืมสับตะไคร้ไว้ด้วยนะ เพราะต่อไปจะมีช่อง The Stupidguest On Air กันแล้วกับช่วง Club Stupid Guest เรื่องเล่าจากทางบ้าน But Soon นะ Not Now.

Cr. เฮียไงจะใครล่ะ



วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

็Hotel Inspection




ครังนึงเว้ย ตอนที่เฮียเป็น G.S.A ใหม่ๆ เฮียแม่งมีปัญหากับเรื่องการพาแขก Inspection มากเลยหว่ะ

จริงๆ ก่อนหน้าที่จะออกมา On Floor เฮียก็ตั้งใจท่องจำรายละเอียดห้องพักแต่ละแบบภายในโรงแรมเรียบร้อยแล้วนะ จำว่าที่ไหนตั้งอยู่ตรงไหน ห้องเลขคู่อยู่ชั้นไหน เลขคี่อยู่ตรงไหน ถึงขนาดเดินขึ้นไป Inspection คนเดียวก็ทำมาแล้ว ทีนี้มันมีวันนึ่งที่เป็นวันแรกที่เฮียออกมา On Floor วันนั้นอยู่กับพี่ AFOM 2 คนตอนกลางวันช่วงนั้นเพื่อนเฮียที่เป็น G.S.A เค้าไปกินข้าวที่ Canteen (แต่ไม่ได้บอกนะว่าตอนกินมีโทรศัพท์ไปเรียกให้ระทึกหรือเปล่าเหมือนโพสต์ก่อนหน้า) สักพักมีแขกมาขอดูห้องเว้ย พี่ AFOM เขาก็ติดทำ Check Out แขกอีกห้องอยู่แล้วเฮียยังทำ Cashier ไม่ได้ เขาก็เลยบอกให้เฮียพาขึ้นไปดูห้อง Suite เพราะมันมีว่างแค่ Room Type นั้น Room Type เดียว เฮียก็ดูในระบบแล้วก็เลือกห้องที่ว่างและดีที่สุดอย่างดิบดีทำ Key Card เสร็จเรียบร้อยแล้วก็พาแขกขึ้นลิฟท์ไป ตอนนั้นเฮียจำได้ว่าห้องที่เฮียจะขึ้นไปมันอยู่ชั้น 10 ตึก A ซึ่งเป็นห้องที่ลงท้ายด้วยเลขคู่แต่เฮียแม่งจำผิด เสือกพาแขกเดินไปตึก B ที่เป็นตึกที่ห้องลงท้ายด้วยเลขคี่เฉยเลย

พอขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้น 10 ปุ๊บ โผล่หน้าออกไปจากลิฟท์แล้วก็พาแขกเดินไปด้วยความตื่นเต้นเพราะเป็น Inspection เคสแรก แขกก็เดินคุยนู้นนี่นั่นกัน เฮียก็เดินไปเรื่อยๆ ตามองที่ป้ายเบอร์ห้องตอนแรกแม่งเริ่มเอะใจและว่า "เฮ้ย ทำไมมันลงท้ายด้วย 01,03,05 วะ ห้องกูมัน 04 นี่หว่า จากที่ตื่นเต้นอยู่แล้วคราวนี้แม่งตื่นเต้นกว่าเดิมอีกสิบตีนถีบ นึกในใจวา "เอาแล้วไงกู" อารมณ์ตอนนั้นแม่งอายก็อาย กลัวก็กลัว กลัวว่าแขกจะด่าว่าพากูมาทำไมใจตอนนั้นแม่งก็คิด "เอาไงดีวะกู จะหันหน้ากลับไปบอกแขกดื้อ ๆว่า "I'm Sorry จั๊กกะจี้หัวใจนะ I พา You มาผิดทาง" ประมาณว่า หลงผิดติดยาหลงรัชดาติดเหม่งจ๋าย เรากลับกันเถอะ บอกแบบนี้เฮียก็กลัวแขกว่าโง่แล้วอารมณ์เสียอีก

อย่ากระนั้นเลย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เฮียแม่งเหลือบไปเห็น Club Lounght ที่ไว้ให้สำหรับแขกที่พักห้อง Suite เป็น Private Zone ว่าแล้วเฮียเลยสวมวิญญาณพ่อปลาไหลใส่สเก๊ตก่อนเลย เฮียพาแขกเข้าไปใน Lounght ก่อนเลยแล้วขายเลยว่า "อันนี้เป็น Benefit ของ You นะ You สามารถ have breakfast, lunch, และ evening cocktail ได้ที่นี่เลยนะ มี Libary ด้วย" ออกแนวแถ แถดๆๆๆๆ ไปเรื่อยอ่ะ แขกก็เออ ออ ห่อหมกไปกับเฮีย อื้อๆ อ้าๆ ว่ากันไป เสร็จแล้วก็พาแขกลงมาแบบเนียนๆ แล้วข้ามกลับไปตึก A ดูห้องเหมือนเดิม สรุป แขกเอาห้องเว้ย 555 แม่งขายได้แบบ งง จ่าย ADR เต็มราคาด้วย น้องใหม่ดูไว้นะ เจอสถานการณ์จริงแล้วจะร้องเฮียบอกเลย แต่อย่างนึงนะงานโรงแรมแม่งต้องมีไหวพริบตลอดเวลาแม้จะหน้าด้านๆ ก็เหอะ



วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อาหารกลางวันสุดซึ้ง


เคยมีประสบการณ์ทานอาหารแบบสุดซึ้งกันป่ะ?

มีครั้งนึงช่วงเฮียยังละอ่อนเป็น AFOM โรงแรมหาดาวที่พัทยา วันนั้นเป็นล่วง Long Weekend เว้ย แขกก็เยอะมากถึงมากที่สุดรอบเช้ากับรอบบ่ายแม่งยืน C/I, C/O กันตั้งแต่บ่ายสองจนห้าโมงเย็นแล้วแม่งยังไม่เสร็จเลยเพราะคนเยอะมากห้องที่ยังรออยู่ก็เยอะแถมแม่บ้านก็จะรากเลือดกันอยู๋แล้วเพราะทำห้องไม่ทันคนมีน้อย

เฮียกับน้องๆ G.S.A ก็ลุย C/I แขกและตามห้อง VC ห้อง LCO เคลียร์เคสแขก Complain กันไปจนประมาณหลังหกโมงเย็นแขกก็เริ่มซาๆ ทีนี้ก่อนหน้านั้นเฮียก็ปล่อยน้องๆ ผลัดกันไปกินข้าวที่ Canteen จนหมดเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวเฮียบ้างที่ตอนนั้นแทบจะลากไส้ไปกินเพราะหิวมาก

เฮียก็บอกน้องว่าจะลงไปกินข้าวนะแล้วก็ลงไป Canteen ในขณะที่เฮียกำลังนั่งกินข้าวไปได้แป๊บเดียว แป๊บแบบแป๊บจิงๆ ยิ่งกว่าปริศนาฟ้าแลป เฮียแม่งจำได้สุดๆ ตอนนั้นตักข้าวกับแกงเขียวหวานเข้าปากไปได้แค่สองคำโทรศัพท์ที่ Canteen ดัง ทีนี้น้อง FB ที่นั่งกินอยู่ใกล้ๆ มันก็ลุกไปรับ เชื่อมั้ยว่าตอนนั้นอารมณ์ที่เฮียลุ้นอยู่ว่ามันจะหันมาเรียกใคร มันเหมือนเฮียแม่งทำอะไรผิดมาสักอย่างประมาณว่าลอกการบ้านเพื่อนแล้วครูกำลังอ่านการบ้านที่เฮียทำแล้วหยิบของเพื่อนมาเปรียบเทียบ มันเหมือนกลัวโดนจับผิดกลัวโดนทำโทษ และยังไม่ทันไรน้อง FB มองมาที่เฮีย แค่ชั่ว เพ-ลา เคี้ยวหมากแหลกเฮียก็สัมผัสได้ว่า "ของกูแน่นอน" แป๊บเดียวน้อง FB มันก็บอก "เฮีย ของเฮียครับจาก Front" คนอื่นๆ ที่ลุ้นอยู่แม่งฟินกินข้าวต่อกันเป็นแถว ห่านนนนนทิ้งกูไว้กลางทางเลยนะ

เฮ่อๆๆๆ เจริญพรญาติโญมทั้งหลาย รับสายแล้วก็ได้ใจความว่าแขก Complain จะย้ายห้องแล้วก็ยืนโวยวายอยู่หน้า Lobby น้องอยากให้เฮียขึ้นมาช่วยหน่อยตอนนี้ไม่มี Manager คนไหนอยู่แล้ว

หึหึหึ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อย่ากระนั้นเลยว่าแล้วเฮียก็หันหน้าไปมองจานข้าวแล้วก็มองน้องที่ห้องอาหาร Canteen ที่มันกำลังยืนจะตักกับข้าวให้พนักงานคนอื่นอยู่ สายตาเราทั้งสองเหมือนรู้กันก่อนที่มันจะบอกว่า "เหมือนเดิมใช่มั้ยเฮีย" อารมณ์นั้นเฮียก็มองหน้ามันแบบช้ำๆ แล้วตอบไปอย่างฮึกเหิมว่า "อืมมมมม....เก็บให้เฮียเหมือนเดิมนะ"

แต่สุดท้ายแล้วกว่าจะดีลเสร็จปาไป 2 ทุ่ม Canteen เค้าปิดไปและ แต่น้องมันก็ดีมันก็เก็บไว้ให้เฮีย จริงๆ เฮียก็สั่ง OC ได้แหละแต่มันก็เสียเวลาอีกไง เคสนี้เวลายุ่งๆ พนักงานแม่งโดนกันถ้วนหน้าเวลาที่แขกเยอะๆ แม้จะจัดตารางให้ผลัดกันลงไปแค่ 10 นาทีหรือ 15 นาทีบ้างแล้วก็ตาม มันก็จะต้องมีเล็ดลอดมาบ้างแหละประเภทกินข้าวไม่ทันอ่ะ โชคดีหน่อย Canteen ก็เก็บไว้ให้ถ้าโชคร้ายลงไปไม่ทันหรือลืมบอกเขาให้เก็บไว้ ก็จัดมาม่าไปละกัน ถ้าโชคดีเจอหัวหน้าใจดีอย่างเฮีย อาจจะได้กิน OC Manager นะเว้ยย 555


Cr. เฮียไงจะใครล่ะ

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ใบกำกับภาษีที่เขียนผิด




เคยเขียนใบกำกับภาษีผิดกันป่ะ

สมัยเฮียเป็น G.S.A นะ สิ่งที่เฮียเกลียดที่สุดคือการออกใบกำกับภาษีเว้ย โดยเฉพาะการออกใบกำกับภาษีในสภาพที่แขกที่จะเอาใบกำกับกำลังยืนรออยู่และข้างหลังแขกที่ยืนรอยังมีกองทัพแขกอีกนัพร้อยรอ Check In. และ Check Out อารมณ์ตอนนั้นมันจะเหมือนกับว่ากำลังวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าตอนที่สัญญาณปิดประตูมันกำลังดังจนหยดสุดท้ายเป็นอารมณ์ที่เหมือนกับว่ามันลุ้นว่าประตูจะหนีบกูมั้ยเนี่ยแบบนั้นเลยทีเดียว กดดันเพราะกลัวเขียนผิดและกดดันว่าแขกจะรอนานไปพร้อมกันในตัว

เวลาที่ต้องเขียนใบกำกับภาษีครั้งแรกแม่งจะตื่นเต้นมากเพราะทุกอย่างต้องเป๊ะ ชื่อบริษัท ที่อยู่ จำนวนเงินที่แขกจ่ายแถมแม่งยังต้อง Breakdown ค่า Vat ออกมาจากค่าใช้จ่ายอีกนอกจากนี้ยังต้องมีดูว่าค่าใช้จ่ายอันไหนออกใบกำกับได้ออกไม่ได้หรือ แต่ส่วนใหญ่ที่ออกได้จะค่าห้องกับค่าอาหารและเครื่องดื่มที่แขกหลายๆ คนจะให้เขียนค่าอย่างหลังว่า "ค่าบริการ" เฮียเคยเจอสถานการณ์นี้ครั้งนึงตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ แล้วทุกคนยุ่งหมดไม่มีใครว่างแขกมาขอใบกำกับภาษีหวยงวดนี้เลยมาออกที่เฮีย จริงๆ ถ้าเขียนเฉยๆ มันไม่กดดันเท่าไหร่แต่แม่งกดดันตอนที่เราต้องรีบเขียนให้เสร็จนี่แหละ ก่อนเขียนเฮียก็ดูแล้วดูอีกแช็คแล้วเช็คอีกว่าช่องไหนใส่อะไร เฮียเริ่มเขียนไล่มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ชื่อบริษัทที่แขกให้มา ที่อยู่ จำนวนเงิน และเฮียเชื่อว่าคงเป็นเหมือนกันเวลาสิ่งที่เรานึกอยู่ในใจกับความเป็นจริงแม่งสวนทางกัน ตอนนั้นเฮียจำได้ว่ายอดมันลงท้ายด้วย สิบสี่บาท แต่เฮียแม่งจำและท่องในใจผิดเป็น "สี่สิบบาท" เขียนรายละเอียดอื่นไปแล้วก็นึกในใจแบบนั้นตลอดว่า "สี่สิบ สี่สิบ สี่สิบ".....เขียนเสร็จปุ๊บส่งให้แขกเช็คแขกคืนมาปั๊บ เป๊ะเลยครับ ชัดเจนเลย "กูเขียนยอดในใบกำกับภาษีผิด" หลังจากนั้นก็เขียนใหม่แต่ด้วยความตื่นเต้นแม่งก็ยังมีผิดอีกเป็นใบที่สองใบที่สามตามมากว่าจะเขียนถูกในเคสนั้นล่อไป 3 ใบเต็มๆ จนพี่บัญชีมาตรวจเล่มใบกำกับเล่มนั้นแกยืนขำๆ แล้วปลอบใจว่า "ไม่เป็นไรนะ พี่เคยเห็นคนเดียว 7 แผ่นมาแล้วยังมีเลย" ก็อยากจะบอกพี่เหมือนกันว่านี่ถ้าไม่เกรงใจนี่ผมจะทำลายสถิติมันแล้วนะพี่

ใบกำกับนี่ถ้าเขียนผิดแล้วมารู้ทีหลังก็ต้องให้แขกที่ได้ไปแล้วส่งกลับมาก่อนออกใบใหม่ให้อีกนะเพราะบัญชีเค้า Stick มากๆ เนื่องจากมันมีผลด้านภาษี แขกคนไหนส่งคืนเร็วก็แล้วไปเพราะเราสามารถออกใบใหม่ให้ได้ทันที แต่ถ้าคนไหนยังไม่มีเวลาส่งคืนและต้องรอนาน อันนี้ก็หนังชีวิตกันไปเลยทีเดียว และแม้เขียนผิดต้นขั้วใบหน้าก็ต้องเก็บติดเล่มไว้เสมอห้ามหายด้วยนะเอ้อออออ

ปล. Logo แก้แล้วนะครับ "ผิดเราก็รับฟังเราก็แก้ไข ขอบคุณที่ทักนะครับ และไม่ต้องกลัวใครจะมาดูถูกอาชีพเรานะครับเพราะมันเป็นความผิดรายบุคคล คนอ่านเขาเข้าใจกันดีอยู่แล้วล่ะครับ"




บทความแนะนำ