วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องเล่าพนักงานรุ่นใหญ่




ตอน เรื่องเล่าจากพนักงานโรงแรมรุ่นใหญ่ “เสื้อกูอยู่ไหน”

เท้าความก่อนว่าเรื่องนี้แม่เล่าให้ฟังกับตัวเองสมัยแกทำงานโรงแรม สามารถจำลองเหตุการณ์ได้ดังนี้

แขกงี่เง่า : แจ้งหน้า Front “น้องค่ะ เช็คให้พี่หน่อยเสื้อลูกพี่หายไปตัวนึงค่ะในห้อง ตอนแม่บ้านไปทำห้อง” (คิดว่าน่าจะมโนไปเองว่า แม่บ้านอยากย้อนวัยไปใส่เสื้อเด็ก)
พนักงาน : เดี๋ยวหนูแจ้งกับหัวหน้าแม่บ้าน (แม่ผมเอง) ให้นะค่ะ แล้วให้เขาเช็คให้ , จากนั้นก็ต่อสายไปหาหัวหน้าแม่บ้าน “พี่ค่ะ แขกแจ้งว่าเสื้อหายน่ะค่ะ เช็คให้หน่อยนะค่ะ” (ปกติสองแผนกนี้จะค่อนข้างฟาดฟันกันแต่ ณ จุด ๆ นี้คงต้องร่วมมือกันนิดนึง)
แม่บ้าน : ได้ ๆ เดี๋ยวพี่เช็คให้นะ ว่าแล้วก็เรียก Room Maid ที่ทำความสะอาดมาสอบถามก็ได้ความว่าตอนเข้าไปทำห้อง ไม่มีเสื้อผ้าอะไรวางอยู่ในห้องเลย (และที่สำคัญถ้า Room Maid พูดกับแขกได้คือ กูจะเอาไปหาป้ามึงเหรอเสื้อเด็กเก่า ๆ ตัวนึง ตลาดนัดนี่วางกันเป็นแพปลาตัวละ 50 บาท กูซื้อเองดีมั้ย) เป็นเช่นนั้นแล้วไซร้ คุณแม่บ้านจึงแจ้งกลับพนักงานหน้าฟร้อนให้แจ้งกับแขกว่า ทางพนักงานทำความสะอาดไม่เห็นเสื้อตัวนี้ตั้งแต่แรกที่ออกมาแล้วล่ะ 
พนักงาน: ขอโทษนะค่ะคุณผู้หญิง ทางแม่บ้านไม่พบเสื้อเด็กตัวที่แจ้งนะค่ะ และทางแม่บ้านแจ้งว่าไม่เห็นตั้งแต่เมื่อวันที่เขาเข้าไปทำความสะอาดห้องแล้วล่ะค่ะ
แขกงี่เง่า: ไม่เป็นไรค่ะ พี่ว่าแล้วแหละค่ะ มันคงหาไม่เจออยู่แล้วแหละ (พร้อมทำหน้าเหมือนปลาดุกชนเขื่อน) เสร็จแล้วก็สะบัดบ็อบไป คล้อยหลัง 5 นาทีมีโทรศัพท์จากเจ้าของโรงแรมโทรไปเรียก คุณแม่บ้านไปพบ
เจ้าของโรงแรม: คุณแม่บ้าน แขกที่เป็นเพื่อนผม (นั่นไงกูว่าและ เบ่งจนตัวบวมที่แท้แม่งรู้จักเจ้าของโรงแรมนี่เอง ต้องขนาดเอาเสื้อเด็กตัวเดียวให้เป็นเรื่องใหญ่กันเลยทีเดียว) เขาแจ้งว่าเสื้อเขาหายแต่พนักงานคุณไม่ได้เอาไป คุณรู้ได้ยังไง มันนั่นแหละเอาไป (ย้ำว่าเรียกพนักงานว่า “มัน” นะคัรบ) คุณจะไปเข้าข้างเด็กถึงไหน มันต้องเอาไปแน่ ๆ จัดการให้ผมด้วยนะ
แม่บ้าน: คือท่านค่ะ เด็กมันไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ค่ะดิฉันรับรองได้ เสื้อเด็กแค่ตัวเดียวนะค่ะ มันไม่น่าจะต้องขโมยกันนะค่ะท่าน เราก็เช็คให้เต็มที่แล้วค่ะมันไม่มีจริง ๆ 
เจ้าของโรงแรม: คุณไม่ต้องมาเถียงแทนเลย แผนกคุณแย่มาก คนของคุณก็แย่ (จริง ๆ กูว่าแย่ตั้งแต่โรงแรมนี้มีมึงเป็นเจ้าของ แล้วแหละ ไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเล้ย ไอ้กระบือเอ้ย) จากนั้นก็มาเต็มครับ สารพัดสัตว์ สาดใส่คุณแม่บ้านและพนักงานที่ยัง งงๆ อยู่เลยว่ากูจะเอาเสื้อเด็กไปหาพระแสงอะไร หลังจากนั้นอีก 3 วันครับมีโทรศัพท์จากเจ้าของโรงแรมมาที่คุณแม่บ้าน
เจ้าของโรงแรม: เออ คุณแม่บ้าน เสื้อที่หายของเพื่อนผมน่ะ เจอแล้วนะพอดีแกจับยัดไว้ในกระเป๋าด้านล่าง ไม่ต้องหาแล้ว แค่นี้แหละ
คุณแม่บ้าน: คิดในใจ “พูดง่ายจังนะมึง แล้วที่มึงด่ากูด่าพนักงานไปนี่ล่ะ อิเพื่อนมึงนี่ก็ดราม่าตุ๊กตาทองจริง ๆ แอ๊กชั่นซะ เสื้อเด็กหายตัวนึง ปานว่ามดลูกมึงหายไปข้างนึงงั้นแหละ แล้วเอาไงทีนี้ ทำก็ไม่ได้ทำยังต้องมาถูกด่าอีก ไอ้กระเพาะแพะเอ้ย”

ข้ามาก่อนอยากนอนทันที



ตอน ข้ามาก่อนอยากนอนทันที

เช้าตรู่ของวันหนึ่ง ณ ล็อบบี้โรงแรม ในขณะที่ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศดี ปรากฏร่างเงาของแขกงี่เง่าตัวหนึ่งเดินมาเช็คอินท์ด้วยท่าทางเพลียๆ

แขกงี่เง่า : I wanna Check in please

พนักงาน : (เช็คอินท์ตอน 6 โมงเช้า มึงคิดได้ไงเนี่ย ป้าดดด ถ้าโรงแรมเต็มจะเอาห้องที่ไหนให้มึง) แต่ก็ยังตอบไปตามมาตรฐานสากล มอก. Of Course sir can i have your passport please?

แขกงี่เง่า: ให้พาสปอร์ตมาเรียบร้อยพร้อมเครดิตการ์ด (ค่อยยังชั่วหน่อยแม่งรู้งาน) กรอกเอกสารให้เรียบร้อย ดูเหมือนจะดีแต่จบท้ายด้วยประโยค I want to go to the room now แปลแบบ 3 ตัวตรง ไม่หลบ ไม่เอียงว่า "กูอยากไปห้องตอนนี้ได้ไหม ประมาณว่าง่วงเพิ่งลงเครื่องมา"

พนักงาน: Actually our check in time is 2PM (ไม่ใช่นิชคุณนะ) but if you want to go to the room now you have to pay an extra charge for early check in at 2,500 THB net. แปลตรงๆ เช่นกันว่า "ได้เลยพี่ ขึ้นได้แต่จ่ายมา 2,500 บาทถ้วนเป็นค่าเข้าพักก่อนเวลาบ่าย 2 โมงอันเป็นเวลาที่โรงแรมทั่วโลก จะ 5 ดาว 6 ดาว หรือ หาดาวเขาก็ทำกัน โดยปกติทั่วไปฝรั่งที่รู้ว่าไฟลท์ตัวเองจะมาเช้าเขาจะจองห้องข้ามวันไว้รอเลย คือประมาณว่าถ้ารู้ว่าไฟลท์ตัวเองจะมาถึงเช้าวันที่ 2 เขาก็จะจองห้องไว้เลยตั้งแต่วันที่ 1 เพราะเวลามาจะเข้าพักได้เลย หรืออีกทางเขาก็มาจ่ายค่าเช็คอินท์ก่อนเวลาเอา

แขกงี่เง่า : พอได้ยินคำว่า 2,500 บาทเท่านั้นแหละ หน้าตาท่าทางเปลี่ยนทันที ฟักอย่างนั้น ฟักอย่างนี้ ทำไมฉันต้องจ่าย ฉันจ่ายค่าห้องมาแล้ว (จริง ๆ กูรู้แล้วล่ะว่ามึงจ่าย แต่ที่กูให้จ่ายเนี่ยไม่ใช่ค่าห้องเป็นค่าเข้าพักก่อนเวลา ถ้าเรื่องมากแล้วทำไมไม่ทำแบบที่คนอื่นเขาทำกัน รู้ก็รู้ว่า ไฟลท์ตัวเองจะมาเช้า) ลงท้ายด้วยคำถามแกมอ้อนวอนนิด ๆ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ "แล้วเธอจะให้ฉันไปอยู่ไหนกว่าจะบ่ายสอง" (อ้าว นี่มึงผลักภาระให้รัฐบาลเอ้ย ให้กูนะเนี่ย มึงจะไปอยู่ไหนกูจะรู้มึงเหรอ กางเตนท์รอลานจอดรถมั้ย หรือขอบสระน้ำ เตียงผ้าใบชายหาด ก็แล้วแต่มึงดิ ถ้ากูให้มึงนอนฟรีแล้วคนที่เขาจ่ายเงินไปล่ะถ้าเขารู้แล้วเขาหาว่ากูสองมาตรฐานเก็บอีกคนอีกคนไม่เก็บทำไง) 

พนักงาน: ก็ยังใจดีนะบอกว่า "งั้น ยู ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนแล้วก็ออกไปเที่ยวหากาแฟ(สตาร์บั๊ค) กินก่อนนะ แล้วค่อยเข้ามาตอนบ่ายสองแล้วกันหรือไม่ยูก็จ่ายมา 2,500 บาท (อาจจะดูงก และก้าวร้าวแต่อยากให้รู้ว่ารายได้ทุกอย่างของโรงแรมไม่ได้หมายถึงแผนกใดแผนกหนึ่งแต่หมายถึง Service Chearg ของพนักงานทุกคน ไอ้ครั้นจะหาว่าเราไม่สุภาพกับแขกก็จะโดนเจ้านายด่าว่าไม่รักษาผลประโยชน์อีก แต่พอแข็งกับแขกมาก ๆ เข้าก็โดน Complain อีก เห็นป่ะครับ มีแต่โดนกับโดน สุดท้ายจบลงที่มันยอมจ่าย 2,500 บาท)

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

ตบ มั้ย มึง




เรื่องนี้น้องเล่าให้ฟังขอตั้งชื่อว่า "ตบ มั้ย มึง"

วันหนึ่งขณะน้องกำลังยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้า Counter
แขกคนไทยกำลังคุยกับน้องอยู่หน้า Counter กระหนุงกระหนิง กระเอกสารร ขอบัตรเครดิต ขอเอกสาร และที่สำคัญเธอเดินทางมาเป็นลำดับแรก แต่ทันใดนั้นเองปรากฏร่างเงาของหญิงสาวซึ่งเป็นแขกอีกคนหนึ่งจากแผ่นดินใหญ่ เดินเสือกหน้าเข้ามาหาน้องพร้อมกับเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ โดยมิแคร์สายตาแขกคนก่อนหน้าเลย คาดว่าหน้าเธอคงฉาบด้วยปูนตราเสือเชื่อถือได้ สักพักพอแขกคนไทยเหลือบไปเห็นเท่านั้นแหละครับ ด้วยอารมณ์ที่ขึ้นนิด ๆ ประกอบกับอยากบอกให้ญาติหลินฮุ่ยผู้นี้ได้รับรู้บ้างว่า "มึงมาทีหลังนะ" (ซึ่งสำหรับชาตินี้กูว่าเอาเชือกผูกคอตายดีกว่า เพราะมันคงไม่สำนึกหรอก) แขกคนไทยเลยเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ ว่า "I com first. You have to wait คือมึงมาทีหลังมึงต้องรอกูนะ" แต่ประโยคที่ได้รับกลับมาครับเป็นประโยคออกแนวไม่แคร์สื่อ ไม่สนโลกมันตอบมาว่า " No. I'm not wait i come first ออกแนวว่า ไม่ กูไม่รอ กูมาก่อน (ตรงไหนวะ เห็นๆ อยู่ว่ามาทีหลัง) ทีนี้พี่คนไทยได้ยินก็ปรี๊ดแตกซิครับเลยจัดเต็มเลยครับ มาเต็มอารมณ์ลัวน ๆ ประมาณว่า "ชั้นมาก่อน ยูต้องรอเข้าใจมั้ย ตบท้ายด้วยประโยคกระตุ้นให้มันรู้ตัวนิด ๆ ว่าอยู่ที่ไหน This is Thailand" ที่นี่เมืองไทย (กะว่าเจ้แกคงให้รู้นิด ๆ ว่าอย่าเปรี้ยวให้มากนัก เพราะตัวมึงเหม็นเปรี้ยวพอแล้ว) แต่นอกจากมันจะไม่ฟังและเถียงแล้ว มันยังตามพวกมาอีก 5 คนครับ ออกแนวมาเป็นกรุ๊ป ทีนี้ก็งานเข้าน้องผมเลยครับ งานก็ยุ่งแขกก็จะมาจัด Thai Fight กันหน้า Lobby อีก ปกติถ้าทะเลาะกับแขกน่ะมันยังพอเคลียร์ได้เพราะเป็นเรื่องของเรากับเขา แต่นี่มันทะเลาะกันเองต้องวางตัวเป็นกลาง ใจนี่ทำได้อยากลากสองคนนี้ไปเข้าสภาปรองดองมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เดี๋ยวกลัวเขาว่าปาหี่ สักพักเหมือนเหตุการณ์จะบานปลายครับ Manager เลยเข้ามารักษาความสงบหน้า Lobby ก่อนแยกย้ายขึ้นห้องนอน ดีก่อนไปไม่มีแม่ไม้มวยไทย ปะทะ กังฟู กันหน้าล็อบบี้ ไม่งั้นมีโชว์

บทความแนะนำ