วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

Sound Check


ตอนที่เฮียเข้ารอบบ่ายช่วยดึกๆ มันเคยมีเรื่องราวแบบว่าเกี่ยวกับระบบ Sound Check (เขียนงี้ป่ะวะ) ขึ้นเว้ย คือมันมีแขกห้องนึงเปิดเพลงดังมาก ทีนี้เฮียอยู่ข้างร่างก็ไม่รู้เรื่องอะไร รปภ.ที่ตรวจ Floor ก็ยังไปไม่ถึง จนสักพักมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาเฮียก็รับสาย บทสนทนาจบลงด้วยใจความที่ว่า แขกห้องหนึ่งที่ชั้น 7 บอกเฮียว่า บน Floor นั้นมีเสียงเพลงดังมากจนเค้านอนพักผ่อนไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็เวลา 4 ทุ่มแล้ว ช่วยไปบอกให้เค้าเงียบๆ หน่อย

เฮียก็ขอโทษแขกไปหนึ่งดอก จากนั้นก็โทรหา รปภ.แล้วก็เตรียมการขึ้นไปข้างบนชั้นนั้นทันที ในขณะที่กำลังเก็บของอยู่นั้นมีแขกเป็นชายวัยกลางคนๆ หนึ่งเดินลงมาที่หน้า Lobby จากนั้นก็ถามหา Manager ซึ่งเฮียก็แสดงตัวทันที ทีนี้เว้ยพี่แกก็ด่าเฮียเลยว่า "You ใช่มั้ยที่โทรไปบอกให้ชั้นปิดเพลงในห้อง? ถ้า You ไม่ให้เปิดเพลงแล้ว You เอา Ipod Set up ไว้ในห้องทำไม?" จากนั้นก็จบด้วยประโยคบังคับ "Bad Service"

สารภาพว่าตอนนั้นกู งง มากถึงมากที่สุด คือเฮียยังไม่ได้หยิบหูโทรศัพท์โทรไปหาพี่แกตอนไหนเลย แล้วมาด่ากูทำไมวะเนี่ย กูไปทำอะไรให้เมิง แต่เฮียก็พอจะจับใจความได้แหละว่า อาจจะเป็นแขกห้องอื่นที่รำคาญจนทนไม่ไหวแล้วปลอมเป็น Manager โทรไปบอกแขกว่าให้เบาๆ เสียงลงหน่อย หวยมันเลยมาออกที่เฮีย

พอตั้งสติก่อนสตาร์ทได้เฮียก็อธิบายพี่แกไปว่า "เดี๋ยวนะ You ชั้นเนี่ยยังไม่ได้โทรขึ้นไปหา You เลย แต่ชั้นก็ได้รับการแจ้งมานะจากแขกที่พักชั้นเดียวกับ You นี่แหละว่ามีห้องอื่นเปิดเพลงเสียงดัง นี่ชั้นก็กำลังจะขึ้นไป" ตอนนี้ดูเหมือนแขกจะ งงๆ เฮียเลยอาศัยจังหวะที่แขกเมาหมัดอยู่ใส่เข้าไปอีกชุดนึงว่า "โรงแรมเรา Set Ipod ไว้ให้ก็จริง แต่โรงแรมเป็นพื้นที่สาธารณะนะ You เปิดได้แต่ก็ไม่ควรให้มันเสียงดังเกินจนรบกวนคนอื่นนะ"

พออธิบายจบเหมือนจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่เฮียแกก็ยังไม่พอใจเว้ย หาว่าเฮียด่าแกและบริการไม่ดีอีก แล้วก็ยืน ด่า ด่า ด่า แล้วก็ ด่า ยับหน้า lobby จนแขกตอนนี้ที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มหันมามองว่ามีปัญหาอะไรกัน เป็นอยู่อย่างนั้นสักพักจนเฮียใช้ท่าไม้ตายว่า “ Ok ถ้า You อยากจะเปิดเพลงเสียงดังแบบนั้นชั้นก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ถ้าหากมีแขกห้องอื่นเค้าไป Report ที่ Police Station แล้วตำรวจมาตรวจ อันนี้ชั้นก็ช่วยเหลืออะไร You ไม่ได้นะ เพราะมันละเมิดสิทธิของแขกคนอื่น” และเป็นอีกครั้งที่ได้ผลเมื่อได้ยินคำว่า Police แขกก็ให้ศีลให้พรเฮียมาว่า “Fuck….Service” แล้วก็เดินกลับขึ้นห้องไป…. แหม่ เจริญอาหารด้วยแกฟักเลยกู

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเล่า Duty Manager


เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเฮียเป็น Duty Manager รอบบ่าย

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เฮียก็นั่งทำ Daily Log Book อยู่ กะว่าจะเขียน Wording Classic ที่ใช้กันมาอย่างยาวนานเวลาขี้เกียจเขียน Log Book ว่า “Overall Situation under control.” แต่ทันใดนั้นเฮียก็ต้องเก็บ Wording นี้เข้ากล่องทันทีเพราะน้อง G.S.A รอบบ่ายโทรเข้ามาแล้วบอกว่า “เฮีย แขกห้อง 211 Complain ว่า ยาสมุนไพรที่ซื้อมาหายไปตอนแม่บ้านทำห้อง” เฮ่อๆๆ เอาแล้วไงกู หมีงานเข้า หมีงานเข้า อีกแล้วกู ว่าแล้วเฮียก็จัดการโทรขึ้นไปสอบถามกับแขก จับใจความได้ว่า แขกแจ้งว่าเขาซื้อยาสมุนไพรที่เป็น Capsule มาเพื่อจะเอากลับไปใช้ที่ประเทศเขา แต่ตอนที่แม่บ้านเข้าไปทำห้องแล้วเขาออกไปข้างนอกปรากฏว่ากลับเข้ามา ยาสมุนไพรเค้าหายไป และเขาต้องการได้คืนมากๆ ให้ทางโรงแรมช่วยหาให้หน่อย (จริงๆ แว้บแรกเฮียก็มีคิดนะว่าแขกลืมเอาไปทิ้งเองป่ะวะ แต่ก็เพื่อความแน่ใจ Check ซะหน่อยดีกว่า) ว่าแล้วเฮียก็จัดการโทรไปหาแม่บ้านแล้วสอบถามว่าใครไปทำความสะอาดห้องนี้ จนไปพบว่าเป็นน้องแม่บ้านที่เป็นรอบ Cover เป็นคนเข้าไปทำความสะอาดห้องพักแขก ว่าแล้วเฮียก็จัดการบอกให้พี่ Super แม่บ้านเรียกน้องมาที่ Office หน่อยเพราะเฮียจะลงไปคุยด้วย พี่เค้าก็จัดการ ว.ให้น้องมาที่ Office

จากนั้นเฮียก็ลงไปคุยกับน้องมัน คุยไปคุยมาน้องมันบอกว่า “ตอนทำห้องไม่เห็นนะเฮีย ผมก็มีเก็บขยะ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ล้างห้องน้ำ เช็ค Bar ปกติ ผมไม่เห็นถุงยาที่บอกเลยนะ” พอได้ข้อมูลเฮียก็จัดการโทรไปหาแขกอีกรอบแล้วก็แจ้งว่า “แม่บ้านที่ทำห้องไม่เจอยาสมุนไพร you นะ you แน่ใจเหรอว่ามันอยู่ในห้อง?”.... ทีนี้แขกก็เริ่มมีอารมณ์นิดๆ แต่ยังอุตส่าห์บอกมาว่า “ชั้นเก็บไว้ในถุงพลาสติกวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง มันจะไม่มีได้ยังไง You เช็คให้ชั้นอีกทีนะ” พอวางสายเสร็จเฮียก็ Point มาที่ไอ้น้องคนนี้อีกทีแล้วบอกว่า “แขกบอกว่าเอาไว้ในถุงพลาสติกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เอ็งเห็นป่ะวะ” มันทำหน้านิ่งไปพักนึงเพื่อระลึกชาติว่าตอนทำมันเห็นถุงที่ว่านี้ไม่ ซึ่งตอนนี้เฮียแม่งก็ลุ้นกับมันไปด้วย แล้วก็เหมือนสวรรค์ประทานทางออกให้เพราะมันบอกว่า “อ๋อ เฮีย มีอยู่ถุงนึง แต่มันเป็นถุงขยะนะ เพราะในถุงมันมีเปลือกน้อยหน่ากับเม็ดที่กินแล้ว และกระดาษหนังสือพิมพ์ใช้แล้วอยู่ในนั้นด้วย ผมไม่แน่ใจว่าอันนั้นหรือเปล่าเฮีย? ถ้าเป็นอันนั้นอ่ะ ผมทิ้งไปแล้วครับ” คือตอนนี้อยากบอกมันว่ากูไม่สนอ่ะใช่ไม่ใช่ แต่มึงพากูไปหาก่อนได้มั้ยก่อนที่แขกจะแดกหัวกูซะกรุบกรอบเสียก่อน ตอนนั้นมันเหมือนเป็นซีนดราม่ามาก เพราะเฮียคิดว่ายาสมุนไพรมันต้องอยู่ในถุงนี้แน่ๆ เลยมึง ซึ่งถ้าบอกว่าทิ้งไปแล้วเป้าหมายต่อไปที่ต้องไปหาแม่งคือห้องขยะแน่นอน ว่าแล้ว เฮีย น้องแม่บ้าน พี่ Super ก็จัดการตรงดิ่งไปที่ห้องขยะทันทีพร้อมอุปกรณ์ถุงมือยางจากนั้นก็สวมวิญญาณนักโบราณคดี ทำการขุดคุ้ยร่องรอยแห่งอารยะธรรม ทั้งเศษอาหาร กระดาษ ขยะต่างๆ ที่ทับถมกันอย่างกับภูเขาไฟฟูจิ เพื่อควานหาไอ้ถุงที่ว่านี้ คุ้ยไปคุ้ยมาเกือบ 20 นาที สุดท้ายแม่งเจอด้วยเว้ย แถมพอเปิดออกดูแม่งเป็นขวดสมุนไพรตามที่เค้าบอกจริงๆ ก็เป็นอันว่ารอดไปสำหรับเคสนี้

บทความแนะนำ