วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

หมีขาวเฮียๆ กูเพลียจริงๆ




เรื่องนี้เกิดขึ้น ณ ขณะทำงานในโรงแรม (ที่เขาบอกว่าตัวเขาเองเป็นห้าดาวจริงๆ นะ)
เรื่องมีอยู่ว่าด้วยโรงแรมที่เพิ่งเปิดและใหญ่โตมโหฬารบานตะเกียงปานว่ากูเนี่ยใหญ่โตที่สุดแล้วเนี่ยแต่มีพนักงานรับเช็คอินท์เช็คเอาท์รอบละสามคน ขาดตัวไม่มีต่อ ทีนี้ด้วยจำนวนพนักงานที่น้อยนิดเท่าจิ๋มมดเนี่ยมันก็ทำให้การทำงานไม่ทั่วถึงเป็นธรรมดาออกแนวทั้งชีวิตเราแลดู (ไม่ได้ดูแลนะ) และแล้วมันก็เกิดเรื่องจนเมื่อเช้าวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าเดินทางมาเข้าเวร(ปานว่ากูเป็นยามงั้นแหละ) ปรากฏร่างเงาอันใหญ๋โตคาดว่าน่าจะพอๆ กับลูกช้างตัวหนึ่งเดินคลืนคลานเข้ามาที่เคาน์เตอร์พร้อมประกาศก้องเกี่ยวกับความประสงค์ของเค้าด้วยเสียงดังมาก ขอย้ำว่ามากจริงๆ "Check Out" สั้นๆ แต่ได้ใจความว่ากูจะไปแล้วนะเว้ยช่วยเก็บตังค์กูหน่อยกูรวยและอยากจ่ายมาก สันนิษฐานจากสำเนียงออกแนวคันหูไม่รู้เป็นอะไร๊ เอ้ย คันทรี่ออกแนวชนบทๆ นิดส์นุงแบบว่าแถวบ้านสามจียังเข้าไม่ถึงอ่ะนะ แขกท่านนี้น่าจะมาจากดินแดนหมีขาว(แต่กูว่าหมีขาวเนี่ยน่ารักกว่ามึงเยอะเลย) แน่นอนเพราะด้วยความมั่นใจปานว่าซ้อมประโยคนี้มาทั้งคืนแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะอยากให้ทั่วโลกรู้ว่า "กูพูดอังกฤษได้นะมึง ไม่ใช่เยี่ยวๆ" เพราะมาถึงก็ซัดซะดังก้องขนาดนั้นออกแนวกลัวคนไม่รู้ว่ากูจะ เช็คเอาท์แล้วนะช่วยมาปูพรหมแดงให้กูหน่อย โดยปกติตามชาติพันธุ์แล้วแขกจากประเทศนี้จะมิพูดภาษาอังกฤษเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะเนื่องจากเขาจะค่อนข้างเป็นชาตินิยมมากกกกก คือออกแนวกูไม่เอาใครเลยเว้ยเพราะกู(ตัว)ใหญ่ ขึ้นรถสองแถวทีคนอื่นเขานั่งกับหุบๆ เผื่อที่ให้คนข้างๆ ได้นั่งด้วยบ้างแต่อิพวกนี้แม่งนั่งกางขาซะกูนึกว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากโต หลังจากที่รับแจ้งความประสงค์ผมจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุคือเคาน์เตอร์เช็คอินท์แล้วทำการเอาเอกสาร(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องให้ทำไมเพราะดูท่าพวกพี่แกไม่เข้าใจภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่เลย) พลันหลังจากที่เธอทั้งสองรับบิลไปดู เนื่องด้วยแขกผู้มีเกลียดสองท่านนี้เนี่ยอยู่นานมากเกือบๆ สองอาทิตย์ทำให้ค่าใช้จ่ายมันเยอะมากในรายการบิลที่โพสต์เข้าไป แล้วทั้งสองก็ไปสะดุดอยู่ตรงรายการค่าอาหารรายการหนึ่งซึ่งยอดมันเยอะเป็นจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นบาทถ้วน ไม่ขาดไม่เกินและด้วยความที่ออกแนวเป็นคุณนายละเอียดนิดๆ ชะนีน้อยหอยสังข์จึงสะกิดต่อมสามีและบ้วนลมปากออกมาเป็นภาษาบ้านเขานั่นแหละแต่จับใจความจากท่าทางที่ไม่รู้ว่ามดไปกัน...มันหรือไงได้ว่า "นี่ๆ ซะมีข๋า เดี้ยนว่ารายการนี้เราสวาปามเข้าไปด้วยเหรอคะ ทำไมมันแพงจังตั้งเป็นหมื่นแน่ะ เรากินจริงเหรอ เรากินหรือเปล่า" และด้วยความที่อยากเป็นพ่อบ้านยอดประหยัดและออกแนวเป็นผู้ปกป้องภรรเมียสุดเลิฟ สามีตีตราจึงจัดให้เลย "ชั้นขอดูบิลค่าใช้จ่ายอันนี้หน่อย" หึ เอาแล้วไงกูงานเข้าแต่เช้าเลยสาดดด มึงอยู่เป็นอาทิตย์บิลค่าใช้จ่ายมึงนี่กูเก็บไว้ในแฟ้มจนแม่งป่องอย่างกับคนท้องสิบเดือนและนี่ถ้ามึงอยู่ต่ออีกสองสามวันกูว่าไฟล์กูระเบิดแน่ บิลมึงทั้งหมดเนี่ยกูว่ารวมกันแล้วแม่งเท่ากับไปรษณีย์ทายผลแชมป์บอลโลกเลย กูว่ามึงมาลองหาแบบตอนเค้าจับรางวัลดีมั้ยเอาแบบ "ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติมาร่วมจับสลากทายผลว่า เอ๊ะ บิลนี้อยู๋ไหนเอ่ย" จากนั้นก็ให้พนักงานโยนบิลขึ้นไปให้มึงเสี่ยงหยิบเอาดีมั้ย แต่จนแล้วจนรอดผมก็ต้องหาให้มันครับ หาอยู่นานมากถึงมากที่สุดนี่กูอยากจะใช้ จีพีเอส หาบิลมึงจริงๆ  แม่งจะเยอะไปไหนวะ แถมหาไม่เจออีกบางอันเจอแล้วแต่ยอดไม่ตรง บางอันมาจากห้องอาหารเดียวกันแต่ไม่ใช่ยอดเดียวกัน จนในทีสุดเมื่อเห็นว่ามันนานเกินและเริ่มจะเดือดร้อนแขกที่เขารออยู่เกือบเป็นสิบคนและแต่ละคนหน้าเริ่มบอกบุญไม่รับแล้ว ไอ้ครั้นหันไปจะให้ลูกน้องที่เหลือช่วยเหลือเนี่ยมองไปตอนนี้พวกมันก็อย่างกับปลาหมึกและหยิบบิลนั้นจ่ายคนนี้ เช็คอินท์คนนั้นเช็คเอาท์คนนี้ ผมจึงตัดสินใจครับ อ่ะกูยอม มึงแดกส์ฟรีไปเลยกูรำคาญและไม่ไหว พลันมันเสร็จสิ้นแขกสองคนนี้ไปครับหายไปสักพักหนึ่งประมาณสิบนาที ทีนี้มีมาอีกครับแบบเดียวกันพิมพ์เดียวกันเลยแต่คนละบล๊อกถามเหมือนกันทุกอย่างปานว่ามึงเพิ่งไปสูดดมกลิ่นอายของการได้แดกส์ของฟรีมาเหมือนกัน และก็เหมือนช่วงนี้เป็นขาลงของซุป ตาร์ฆ่าไม่ตายอย่างผมจริงๆ แม่งหาบิลค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็หาไม่เจอและก็เหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้งผมก็ต้องยอมให้มันแดกส์ฟรีอีกครั้งด้วยสถานการณ์ที่บังคับเป็นครั้งที่สองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเอาตีนล้วงคอไปเตะตับและเริ่มโมโหนิดๆ ว่าเฮ้ย ทำไมห้องอาหารมันโพสต์เข้ามาในระบบแต่บิลที่แขกเซ็นต์มันไม่มีวะ งงครับ งงมาก ออกแแนวพ่อไม่เข้าใจตุ้ม แต่ทันใดนั้นเองสายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้แขกสองคนที่มาครั้งและมันเดินมารับไอ้แขกคนนี้ที่ผมเพิ่งจะจัดการเช็คเอาท์เสร็จเหมือนเป็นการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองยังไงก็ไม่ปาน ทำให้ผมเริ่มจับเค้าลางได้ว่า "อ๋อ อิพวกนี้มันนิยมการตลาดแบบ เวิร์ดออฟเมาท์ หรือปากต่อปากนี่เอง มึงได้แล้วเลยพยายามขยายอาณาเขตโดยการเยี่ยวรด เอ้ย ด้วยการไปบอกคนอื่นใช่มั้ย ด้ายยยยยยเดี๋ยวเจอกรู" ใจนี่คิดไว้ตลอดว่ามาซิมึงถ้ามึงมาอีกทีนะทีนี้มึงเจอกรูแน่เดี๋ยวกูจะพามึงไปดูหนังเรื่องนี้เลย Shoot them up แปลเป็นไทยมันส์ๆ ว่า"ยิงแม่งเลย" และเหมือนสวรรค์ยังมีตาฟ้ายังมีใจมาอีกแล้วครับแขกจากชาตินี้ พิมพ์เดียวบล๊อคเดียวปัญหาเดียวและขอดูบิลแบบเดียวเหมือนกันเลย นี่มึงคลอดออกมาจากรูเดียวกันเลยป่ะเนี่ย แต่ขอโทษคราวนี้กูไม่ง่าย(แต่ได้ไม่ยาก) แล้วนะมึง ผมรีบตอบมันกลับไปเลยครับด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงพัทยาเลยครับว่า "ยูอยากขอดูบิลใช่มั้ย ได้ไอจะให้ดูรอแป๊บนะ แล้วผมก็หา หา หา หากันจนไม่เจอ ใช่ครับผมหาไม่เจอ แต่ถ้าผมให้มันแดกส์ฟรีอีกคนเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีกเป็นแน่แท้ ผมจึงบอกให้มันรอแล้วก็ทำอยู่แบบนั้นแหละครับ หาไปเรื่อยๆ ครับ จนเกือบยี่สิบนาที ทีนี้มันเริ่มอารมณ์ขึ้นนิดส์ๆ ครับทำท่าเอามือชี้นาฬิกาให้ผมดู (มึงจะชี้ทำไมวะกูก็รู้แล้วว่านี่มันนาฬิกา) ปานว่าชั้นรอนานแล้วนะชั้นสายแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามึงสายตรงไหนเพราะกรุ๊ปมึงเนี่ยกูเห็นรถแม่งมารับบ่ายสองโมงทุกคน แต่ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมในใจคิดไว้แล้วครับว่า "ยูก็ต้องรอเพราะชั้นหาอยู่ ถ้าไม่รอก็จ่ายมา" และจากนั้นไปอีกสิบห้านาทีจนมันทนไม่ไหวครับ "โอเค ชั้นยอมจ่ายยอดนี้ก็ได้เพราะชั้นจะไปแล้ว" เรียบร้อยครับพี่น้อง ปิดจ็อบ กูชนะอีกแล้ววันนี้และที่สำคัญกูสามารถแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ เอ้ยแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์กินฟรีปากต่อปากได้แล้ว เสร็จสิ้นที่เก็บเงินเรียบร้อยแล้วการจากไปของพวกท่านเหล่านี้ ยังแอบเห็นนิดๆ ว่าอิแขกคนหลังสุดเนี่ยมีโวยๆ นิดๆ กับเพื่อนมันคงไปบอกว่า "ไหนมึงบอกว่าได้กินฟรีไงสาด กูจ่ายเต็มๆ เลยเนี่ย" สมแล้วล่ะมึ๊ง


บทความแนะนำ