วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

สงกรานต์อีกแล้ว


ตอน None Smoking Room

วันนั้นเป็นวันที่เฮียเข้ารอบบ่ายน่าจะเป็นช่วง long weekend อะไรสักอย่างนี่แหละ ทีนี้ห้องมันก็เหลือน้อยและเหลือ Ava. Room อยู่ประมาณ 5 ห้อง แถมเป็นห้องที่อยู่ใน Floor ที่เรียกว่า None Smoking Floor ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าหลายๆ โรงแรมปรับตัวเองให้เป็น None Smoking Hotel เรียบร้อยแล้ว แต่จะจัดพื้นที่สูบบุหรี่ไว้ให้แขกต่างหาก เนื่องด้วยกระแสปัจจุบันแขกหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ทีนี้แขกคนนี้ก็เข้ามาแล้วก็ขอ Check In

พอเฮียได้รับแจ้งเฮียก็ถามก่อนเลยว่า Smoking or None Smoking Room? เนื่องด้วยตอนนั้นโรงแรมเฮียยังไม่ปรับเป็น None Smoke ทั้งโรงแรม แขกก็บอกกลับมาว่า “I need Smoking Room?” ทีนี้เฮียเลยต้องแจ้งก่อนว่า We only have None Smoking Room Available” แขกก็นิ่งไปพักนึงแล้วก็หันไปปรึกษากัน แล้วก็ยังหันกลับมาถาม (ทำไมก็ไม่รู้) ว่า “สักห้องก็ไม่มีเลยเหรอ (แปลให้เลยละกัน)” เฮียก็นึกในใจ “ก็กูบอกอยู่ว่ามันไม่มีมีแต่ห้อง None”

เฮียเลยเสนอทางเลือกไปว่า “เอางี้ละกัน You อยู่ห้องนี้ไปก่อนนะ แล้วห้ามสูบบุหรี่ในห้องวันนึงถ้าสูบให้ลงมาสูบข้างล่าง พรุ่งนี้ห้อง Smoke ว่าง ชั้นจะย้าย You ไปให้ You, Ok มั้ย?” แขกก็ปรึกษากันสักพักแล้วก็บอกว่า I’m OK. เฮียก็ยังย้ำอีครั้งนึงว่า “Do not smoke in the room นะ” แขกก็รับทราบโดยดีแบบไม่มีปัญหาจากนั้นก็ Check In เสร็จสรรพเรียบร้อยไป ขึ้นห้องไปได้ ครึ่งชั่วโมงน้อง Operator โทรมาแจ้งเฮียว่า “เฮีย แขกห้อง… แจ้งว่าได้กลิ่นบุหรี่ แต่ห้องเค้าเป็น None Smoke”

สารภาพว่า แว้บแรกเฮียนึกได้เลยว่าห้องไหนสูบ พอเปิดดู Floor Plan เท่านั้นแหละชัดเลย ห้องที่โทรมากับห้องที่เพิ่งขึ้นไปแม่งอยู่ชั้นเดียวกัน เฮียก็จัดการขึ้นไปเลยแล้วก็เคาะประตูเรียกแขก แล้วก็ถามว่า “You สูบบุหรี่ใช่ไหม เพราะกลิ่นบุหรีไปรบกวนห้องอื่นนะ ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าไม่ให้สูบ ถ้าจะสูบ You ต้องลงไปสูบด้านล่าง” ทีนี้แขกก็ตกใจนิดๆ แต่ก็รีบปฏิเสธ No, NO, No อย่างเดียวเลยใส่ Action ด้วยประมาณว่า “กูเปล่านะ” แต่เหมือนคราวซวยมาเยือนแขก เพราะตรงพื้นระเบียงนอกห้อง เฮียดันเหลือบไปเห็นก้นบุหรี่ตกอยู่ 2 อัน เฮียก็เลยเดินไปชี้ให้ดู

เหมือนจะจำนนต่อหลักฐานแต่แขกก็ไปเรื่อยบอกว่า “อาจเป็นของแขกห้องที่แล้ว แม่บ้านเธอลืมเก็บหรือเปล่า” นั่น ไปโทษแม่บ้านกูอีก เฮียเลยบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าห้องสกปรกเราจะไม่ปล่อยขาย” แขกก็ยังเถียงอยู่ว่า “ไม่ได้สูบๆ” เฮียเลยงัดไม้ตายบอกแขกไปว่า “ตอนที่แขกไปแจ้งว่าได้กลิ่นบุหรี่ ช่างของชั้นโทรมาบอกว่ามีสัญญาเตือนจากเครื่อง Smoke Detector ที่ตรวจจับควัน มันขึ้นเตือนในห้อง You, ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวชั้นจะพาลงไปดู (จริงๆ กะว่าถ้าแขกเกิดบ้าจี้ลงไป ก็จะให้น้องแผนกช่างมันติดไฟอะไรสักอย่างโชว์อ่ะนะ 555)”

คราวนี้เงียบ แล้วก็รีบ Sorry เฮียก็อาศัยช่วงเมาหมัดใส่ต่อเลยว่า “ถ้า You สูบบุหรี่อีกชึ้นต้องปรับ You 2,000 Baht นะ ตาม Thai Law และที่สำคัญแม่บ้านชั้นต้องปิดห้องไว้วันนึงเพื่อเอาเครื่อง Ozone มากำจัดกลิ่น (จริงๆ มันก็กำจัดได้ไม่หมดหรอกแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย) เพราะ You รู้มั้ยว่าแขกที่เค้าแพ้บุหรี่เค้าก็แพ้จริงๆ นะ บางคนถึงกับต้องไปโรงพยาบาลเลย” พูดจบแขกสองคนก็ Sorry แล้วก็รับปากว่าจะไม่สูบบุหรี่ในห้องอีก จะลงไปสูบข้างล่างแทน เพราะแม้จะเปิดประตูไปสูบนอกระเบียงแต่เนื่องด้วยลมมันพักย้อนกลับเข้ามาในตัวอาคารไปทางห้องอื่น แขกคนอื่นๆ ก็ต้องได้กลิ่นอยู่ดี. ปล.เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อยากได้ Occ. 100% ให้เคลียร์กับแขกก่อนขึ้นห้องดีๆ นะ

บทความแนะนำ