วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ขายแก้วที่ระลึก


ช่วงนี้ว่างงาน ต้องขออนุญาตหาค่าข้าวจากแฟนเพจหน่อย 5555 ขายแก้วน้ำเซรามิคเผาสดๆ จากลำปาง เอาไปเป็นแก้วกาแฟ แก้วน้ำ หรือแก้วเวรกรรมดริ๊งค์อะไรก็ได้แล้วแต่จะใส่ สรรพคุณของแก้วคือ

1. ไม่ขอ Late Check Out หลังบ่ายสอง..เอ้ย!!! ไม่ใช่ๆ เป็นแก้วที่มี Logo แรกของการทำเพจของเฮียเลยนะ ซึ่ง Logo นี้ใช้มากว่า 4 ปีก่อนจะ Re-Brand ใหม่เป็น Logo ปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นเฮียออกแบบเองทำเองแบบ งงๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอินดี้และสวยในแบบของกูคนเดียว 5555

2. แก้วนี้เป็นแก้วที่เหลือ Lot สุดท้ายและหมดแล้วหมดเลยไม่มีทำอีกแล้วเพราะจะเปลี่ยนเป็น Logo ใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเก็บไว้เป็นของสะสมแนวหายากแนว Vintage ประเภทหมดจากนี้ไม่มีอีกแล้ว สามารถเอาไว้บอกใครได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้เพจนี้ ต่อไปราคาอาจขึ้นเพราะเป็นของเก่า "ก็.....เป็น.....ได้" เป็นแก้วที่ไม่มีการ complain ว่า "พี่เคยมาแล้วน้องลองหาในระบบดูดิ อะไรแบบนี้ไม่มีๆ

3. ถ้าใครอยากได้ลายเซนต์เฮียบอกได้เดี๋ยวเซนต์ให้ เพราะเดี๋ยวหนังสือออกแล้วอาจหาตัวยากหน่อยที่จะให้เซนต์ แต่ไม่ต้องกลัวนะเพราะแก้วนี้เซนต์ได้ไม่เหมือนเซนต์ Rebate ที่เซนต์แล้วต้องจ่ายตังค์แถมไม่มี Warning ด้วย 55 สนใจซื้อเก็บไว้เป็นที่ระทึกเฮียมี Pro แรกมากยิ่งกว่า Early Bird จองแบบนกด่วนอีก คือ ราคาใบละ 180 บาท ซื้อ 2 ใบ แถม 1 ใบ ส่งฟรี!!! เฉพาะในประเทศไทยนะเว้ย ต่างประเทศไม่ส่ง มันแพงออกค่าส่งกันเอาเองนะ สนใจก็ Inbox มาแจ้งชื่อที่อยู่และจำนวนนะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับค่าข้าว

สนใจ Inbox มาที่ https://www.facebook.com/Thestupidguests/

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตอน ปาณาติปาตา เงินไม่มานั่งหน้า Lobby เอย


โดยมาตรฐานการปฏิบัติในทางโรงแรมแล้วเวลาที่ Sale เค้าได้ Agent มาเนี่ย ก็จะต้องทำการคุยในเรื่องของ Term Payment กับ Credit Manager (แต่บางที่ก็คุยกับ FC หรือ AR) ก่อน โดยที่ GM ก็ต้องรับรู้ด้วย ในเงื่อนไขที่ Agent ขอในการชำระเงินเช่น Credit 30 วัน หรือ Credit 45 วัน ส่วนใหญ่ไม่เกินนี้เพราะนานเกินโรงแรมอาจจะแดกแกลบได้ มันก็เป็นเงื่อนไขทางการค้าธรรมดาๆ ในทุกธุรกิจ แต่โดยส่วนมากถ้าไม่ Agent ใหญ่จริงๆ โรงแรมก็จะไม่กล้าให้ Credit หรอก เค้าก็จะให้แค่ COA หรือ Cash On Arrival ประมาณว่าเวลาแขกมา Check In ที่โรงแรม Agent ก็ให้คนมาจ่ายค่าห้องพักให้เสร็จก่อนเลยก่อนแขกเข้าพัก หรือบางทีที่วัดใจกันหน่อยก็ COD หรือ Cash On Departure คือก่อนแขก Check Out ก็จะต้องมาจ่ายเงินไม่อย่างนั้นแขกจะไม่ได้ออกจากโรงแรมนะเฟ้ย 555 เท่านั้นเองและเพราะเหตุการณ์นี้มันจึงเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น

วันนั้นเฮียจำได้ว่ามี Agent นึงที่เป็น COA ทีนี้แขกก็มา Check In เฮียก็เลยถามกับหัวหน้าทัวร์ว่า “ขออนุญาตเก็บเงินตามเงื่อนไขการจองด้วยครับ” ทีนี้หัวหน้าทัวร์แม่งตกใจอย่างกับเจองูเขียวกินตับตุ๊กแกเว้ย พี่แกรีบบอกว่า “อ้าว บริษัทยังไม่มาจ่ายอีกเหรอครับ” เฮียก็นึกในใจ “เอาแล้วกู มาอีกแล้วแบบนี้” แล้วพี่แกก็โทรหาบริษัทซึ่งติดต่อไม่ได้ไม่มีคนรับสาย ใจเฮียตอนนั้นก็สงสารแขกและพี่แกมากเพราะนึกว่าโดนแน่ๆ เสียแล้ว แขกพอมาถึงแรกๆ ก็ยังตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าอยู่ แต่ตอนนี้เริ่มเซ็งๆ และเพราะอยากขึ้นห้อง ทีนี้แขกก็เริ่มหงุดหงิดเดินมาบ่นกับหัวหน้าทัวร์ทีละคนสองคนแล้วก็มีแฉลบมาโดนเฮียกับน้อง G.S.A บ้างประปราย

สักพักมีสายโทรเข้ามาที่หัวหน้าทัวร์ ซึ่งพี่แกก็ใส่เต็มเลยว่า “ทำไมยังไม่มาจ่ายเงิน ผม Check In ไม่ได้เนี่ย รีบๆ มาเลยทางโรงแรมเค้าไม่ให้ขึ้นห้อง” แล้วก็เงียบไปสักพักก่อนส่งโทรศัพท์ให้เฮียว่า “รบกวนช่วยคุยสายหน่อยครับเขาบอกว่าจะขอคุยกับพนักงาน” ว่าแล้วเฮียก็รับมาแล้วก็แนะนำตัวอย่างดีก็อย่างที่รู้กันแหละไม่น่าเดายากเพราะพี่แกขอต่อรองว่า “รบกวนให้แขก Check In ขึ้นไปก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมเข้าไปจ่ายให้ช่วงค่ำๆ” หึหึหึ พอเลยเคสนี้ เพราะกูไม่อยากรับผิดชอบอะไรแบบนี้แล้วเคยเจอมาเยอะประเภทแบบนี้แหละ พอปล่อยแขกขึ้นไปนะมึงเอ้ยยยยยยย กว่าจะตามตัวมาจ่ายเงินได้แทบรากเลือด บางคนติดข้ามวัน ข้ามเดือน ข้ามสองสามเดือนก็มี ทีนี้บัญชีกับ GM ก็ตามด่ากูไปซิมึง

เฮียก็บอกไปว่า “ไม่ได้จริงๆ ครับต้องทำตามกฎครับ รบกวนมาจ่ายเงินหรือโอนเงินมาด้วยนะครับ” ฝ่ายนั้นก็ยังไม่จบมีต่อมาว่า “ผมคุยกับ Sale แล้วเค้าอนุญาตให้ Check In ก่อน” มาไม้นี้เฮียเลยถามจี้เลยเพราะรู้ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ว่า คงไม่มี Sale คนไหนกล้าเสี่ยงตายเอาตัวเองเป็นประกันยอดค่าห้องพัก 80,000 บาทนี้อย่างแน่นอน พอถามจี้พี่แกก็ตอบไม่ถูกประมาณว่า “น้องผู้หญิงคนนั้นน่ะครับผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ลองถามดูนะได้ (น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ผิดนะมึง)” เฮียเลยบอกไปอีกดอกว่า “งั้นรบกวนให้น้องคนนั้นติดต่อมาที่ผมได้ไหมครับเพื่อจะได้ทำเรื่องรับผิดชอบค่าห้องนี้แล้วผมจะได้ให้แขกคุณ Check In เพราะเค้ารอนานแล้ว” (ตอนนี้แขกเริ่มหงุดหงิดโวยวายคุยกันเสียงดังและเริ่มใส่อารมณ์กับหัวหน้าทัวร์และ) สักพักก็สายหลุดไป เฮียเลยอธิบายไปกับหัวหน้าทัวร์ตามรายละเอียดที่ได้รับมา สรุปแบบไหนรู้ป่ะ “หัวหน้าทัวร์แม่งเอาบัตรเครดิตมารูดค่าห้องเองเลยเว้ย เพราะพี่แกทนแขกด่าไม่ไหวแล้ว” เฮียรับมาแล้วก็จัดการ Ver ไว้ก่อนกันเหนียวแล้วก็ Check In แขกขึ้นไป

ส่วน Agent นะ สรุปแบบไหนรู้ป่ะ “จนแขก Check Out เฮียแม่งยังไม่เห็นมันมาจ่ายเงินเลยแต่ยังไงก็ต้องรักษาผลประโยชน์โรงแรมไว้ก่อนโดยการ Offline ยอด 80,000 บาท หล่อๆ ไปก่อนเลยมึง ส่วนหลังจากนั้นหัวหน้าทัวร์กับ Agent นี้ไปซัดกันยังไงไม่รู้นะ ฝากไว้ว่าต้องระวังดีๆ นะ บางโรงแรมที่เคี่ยวๆ หน่อยนี้ COA, COD เงินไม่มานี่เค้าไม่สนใจนะ แขกนั่งรอไปดิจนกว่าเงินจะมาเพราะบางยอดเป็นแสนๆ ใครจะกล้าเสี่ยง ปล.ช่วงนี้สนับสนุนโดยยาหม่องน้ำตราอาหารไม่อร่อย จะกินมากจนเหลือน้อย แต่ถ้าอยากได้เงินคืนหน่อย อาหารจะไม่อร่อยทันที



วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตอน เวรกรรม Drink


จริงๆ เคยเล่าไปบ้างแล้วล่ะว่าไอ้น้ำเวรกรรมดริงค์เนี่ย มันเป็นเครื่องดื่มที่เราต้องเอามาเสิรฟท์แขกตอนที่แขก C/I ทีนี้มันก็จะมีประเด็นในเรื่องของรสชาติที่บางคนก็ชอบไม่เหมือนกัน มันก็ยากที่จะคาดเดาว่าจะเอาแบบไหน ตอนที่เฮียเป็น GM ก็เคยลองผิดลองถูกมาเยอะแล้วนะว่าแขกจะชอบแบบไหน ลองตั้งแต่น้ำตะไคร้ (อันนี้เบสิกสุด) น้ำใบเตย (หวานชุ่มแสบคอ) น้ำดอกอันชัน หรือแม้แต่เอา Sunquick น้ำผลไม้ต่างๆ มาผสมแต่อันหลังนี้ทำได้แค่สองเดือนแผนกบัญชีเดินมาบอกว่า “GM ครับ Cost ของ Welcome Drink ใกล้จะถึงยอดตึกใบหยก 2 แล้วครับ เปลี่ยนเถอะครับ” และด้วยความที่กลัวว่า Owner เค้าจะเปลี่ยน GM ก่อนที่จะเปลี่ยน Welcome Drink เฮียก็เลยต้องลาจาก Sunquick ไป นี่ขนาดเอามาผสมน้ำแล้วนะเนี่ย

ทีนี้มาถึงเรื่องนี้เว้ย คือเรื่องที่จะเล่าเนี่ยมันเป็นสมัยที่เฮียเป็น G.S.A เข้างานมาใหม่ ทีนี้ FOM เค้าก็ บีบ เอ้ย!!! Brief ไปว่าให้เราเสิรฟท์ Welcome Drink ให้กับแขกทุกคนที่มา Check In แล้ววันนั้นมีแขกกลุ่มหนึ่งมาขอ Inspection ห้อง เฮียก็เอาน้ำที่ตอนนั้นเป็นน้ำใบเตยไปเสิรฟท์เขา ตอนนั้นเขามากัน 5 คน สามคนแรกที่รับไปก็กินด้วยหน้าตาเฉยๆ อีกหนึ่ง คนไม่กินและอีกหนึ่งคนอันนี้เป็นไฮไลตท์เลยแค่จิบปุ๊บ พี่แกสำลักเลยแล้วก็วางแก้วอย่างเร็วพร้อมทำหน้าแบบรักษามารยาทมากว่า “เออ!!! ของมึงอร่อยนะแต่กูขอผ่าน” พี่แกวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างเร็วแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำเลย คาดว่าแกคงจะไม่ชอบกลิ่นใบเตยเป็นแน่แท้ ส่วนอีกเคสก็เจอแขกมาจากชาติที่เราอย่าไปเอ่ยชื่อเค้าเลยนะเดี๋ยวเฮียโดนฟ้อง คือเขามาจากประเทศจีน...แต่เราอย่าไปเอ่ยชาติเค้านะ.......เป็น Grup Check In แต่มีแค่ 4 ห้อง 9 คนเอง เฮียก็เลยเอามาเสิรฟท์ให้ (แต่บางโรงแรม Welcome Drink เค้าก็ไม่เสิรฟท์แขก Group นะเพราะมันเยอะแล้วจะทำไม่ทัน) ทีนี้เฮียก็เอาน้ำใบเตยไปเสิรฟท์ เชื่อมั้ยว่า 9 คนนั้นกินไปทั้งหมด 15 แก้วกินกันแบบถ้าเฮียเป็นคนทำนี่แม่งโคตรดีใจเลยว่าน้ำกูนี่อร่อยขนาด คือเฮียก็ไม่เข้าใจว่ามันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ ยังไม่ทันได้ขึ้นห้องมีหนึ่งในกลุ่มเดินมาถามเฮียว่า (เค้าพูดอังกฤษได้อ่ะนะ คาดว่าน่าจะเป็นจีนที่เป็น Gen ใหม่ๆ แต่เราอย่าไปเอ่ยชื่อชาติเค้านะ) “ชั้นจะซื้อน้ำอันนี้กลับไปที่บ้านได้ที่ไหน” ตอนนั้นยอมรับว่าในใจอยากบอกเหลือเกินว่า “ยู เอามาให้ชึ้นดิ 1000 นึง เดี๋ยวต้มให้ 10 ลิตรเลย แพ็คใส่ขวดให้ด้วย 555” แต่ก็ได้แต่แนะนำให้ไปซื้อที่ร้านที่เค้าขายผงสำเร็จแทน

อีกเรื่องที่คาดว่าเราต้องเจอและลุ้นสุดๆ ต่อการสูญเสีย เป็นเรื่องของการเคลียร์แก้ว Welcome Drink เวลาที่แขกไม่มีก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกตามเก็บตามโต๊ะใน Lobby ได้สบายมาก แต่ไอ้ตอนแขกเยอะแล้วต้องรีบเก็บด้วยเพื่อมาทำ C/I, C/O ต่อนี่อ่ะดิ บางทีรีบมากเก็บใส่ถาดเก็บไปเก็บมาพอเดินเข้ามาใน Pantry เพล้งงงงงง!!!! สบายเลยกู Lost and Damage อีกและ โดนตัดอีก Service เดือนนี้ เพื่อนๆ พนักงานแม่งจะกินหัวกูมั้ยเนี่ย

ปล.ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการกับ สระว่ายน้ำตราเปิดปิดเป็นเวลา แอบว่ายตอนสระปิดดึกๆ แล้วตะคริวแดกขาขึ้นมา จมน้ำตายห่ากันพอดี (แล้วก็ให้โรงแรมรับผิดชอบ เหมือนเดิม)


วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

สงกรานต์อีกแล้ว


ตอน None Smoking Room

วันนั้นเป็นวันที่เฮียเข้ารอบบ่ายน่าจะเป็นช่วง long weekend อะไรสักอย่างนี่แหละ ทีนี้ห้องมันก็เหลือน้อยและเหลือ Ava. Room อยู่ประมาณ 5 ห้อง แถมเป็นห้องที่อยู่ใน Floor ที่เรียกว่า None Smoking Floor ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าหลายๆ โรงแรมปรับตัวเองให้เป็น None Smoking Hotel เรียบร้อยแล้ว แต่จะจัดพื้นที่สูบบุหรี่ไว้ให้แขกต่างหาก เนื่องด้วยกระแสปัจจุบันแขกหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ทีนี้แขกคนนี้ก็เข้ามาแล้วก็ขอ Check In

พอเฮียได้รับแจ้งเฮียก็ถามก่อนเลยว่า Smoking or None Smoking Room? เนื่องด้วยตอนนั้นโรงแรมเฮียยังไม่ปรับเป็น None Smoke ทั้งโรงแรม แขกก็บอกกลับมาว่า “I need Smoking Room?” ทีนี้เฮียเลยต้องแจ้งก่อนว่า We only have None Smoking Room Available” แขกก็นิ่งไปพักนึงแล้วก็หันไปปรึกษากัน แล้วก็ยังหันกลับมาถาม (ทำไมก็ไม่รู้) ว่า “สักห้องก็ไม่มีเลยเหรอ (แปลให้เลยละกัน)” เฮียก็นึกในใจ “ก็กูบอกอยู่ว่ามันไม่มีมีแต่ห้อง None”

เฮียเลยเสนอทางเลือกไปว่า “เอางี้ละกัน You อยู่ห้องนี้ไปก่อนนะ แล้วห้ามสูบบุหรี่ในห้องวันนึงถ้าสูบให้ลงมาสูบข้างล่าง พรุ่งนี้ห้อง Smoke ว่าง ชั้นจะย้าย You ไปให้ You, Ok มั้ย?” แขกก็ปรึกษากันสักพักแล้วก็บอกว่า I’m OK. เฮียก็ยังย้ำอีครั้งนึงว่า “Do not smoke in the room นะ” แขกก็รับทราบโดยดีแบบไม่มีปัญหาจากนั้นก็ Check In เสร็จสรรพเรียบร้อยไป ขึ้นห้องไปได้ ครึ่งชั่วโมงน้อง Operator โทรมาแจ้งเฮียว่า “เฮีย แขกห้อง… แจ้งว่าได้กลิ่นบุหรี่ แต่ห้องเค้าเป็น None Smoke”

สารภาพว่า แว้บแรกเฮียนึกได้เลยว่าห้องไหนสูบ พอเปิดดู Floor Plan เท่านั้นแหละชัดเลย ห้องที่โทรมากับห้องที่เพิ่งขึ้นไปแม่งอยู่ชั้นเดียวกัน เฮียก็จัดการขึ้นไปเลยแล้วก็เคาะประตูเรียกแขก แล้วก็ถามว่า “You สูบบุหรี่ใช่ไหม เพราะกลิ่นบุหรีไปรบกวนห้องอื่นนะ ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าไม่ให้สูบ ถ้าจะสูบ You ต้องลงไปสูบด้านล่าง” ทีนี้แขกก็ตกใจนิดๆ แต่ก็รีบปฏิเสธ No, NO, No อย่างเดียวเลยใส่ Action ด้วยประมาณว่า “กูเปล่านะ” แต่เหมือนคราวซวยมาเยือนแขก เพราะตรงพื้นระเบียงนอกห้อง เฮียดันเหลือบไปเห็นก้นบุหรี่ตกอยู่ 2 อัน เฮียก็เลยเดินไปชี้ให้ดู

เหมือนจะจำนนต่อหลักฐานแต่แขกก็ไปเรื่อยบอกว่า “อาจเป็นของแขกห้องที่แล้ว แม่บ้านเธอลืมเก็บหรือเปล่า” นั่น ไปโทษแม่บ้านกูอีก เฮียเลยบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าห้องสกปรกเราจะไม่ปล่อยขาย” แขกก็ยังเถียงอยู่ว่า “ไม่ได้สูบๆ” เฮียเลยงัดไม้ตายบอกแขกไปว่า “ตอนที่แขกไปแจ้งว่าได้กลิ่นบุหรี่ ช่างของชั้นโทรมาบอกว่ามีสัญญาเตือนจากเครื่อง Smoke Detector ที่ตรวจจับควัน มันขึ้นเตือนในห้อง You, ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวชั้นจะพาลงไปดู (จริงๆ กะว่าถ้าแขกเกิดบ้าจี้ลงไป ก็จะให้น้องแผนกช่างมันติดไฟอะไรสักอย่างโชว์อ่ะนะ 555)”

คราวนี้เงียบ แล้วก็รีบ Sorry เฮียก็อาศัยช่วงเมาหมัดใส่ต่อเลยว่า “ถ้า You สูบบุหรี่อีกชึ้นต้องปรับ You 2,000 Baht นะ ตาม Thai Law และที่สำคัญแม่บ้านชั้นต้องปิดห้องไว้วันนึงเพื่อเอาเครื่อง Ozone มากำจัดกลิ่น (จริงๆ มันก็กำจัดได้ไม่หมดหรอกแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย) เพราะ You รู้มั้ยว่าแขกที่เค้าแพ้บุหรี่เค้าก็แพ้จริงๆ นะ บางคนถึงกับต้องไปโรงพยาบาลเลย” พูดจบแขกสองคนก็ Sorry แล้วก็รับปากว่าจะไม่สูบบุหรี่ในห้องอีก จะลงไปสูบข้างล่างแทน เพราะแม้จะเปิดประตูไปสูบนอกระเบียงแต่เนื่องด้วยลมมันพักย้อนกลับเข้ามาในตัวอาคารไปทางห้องอื่น แขกคนอื่นๆ ก็ต้องได้กลิ่นอยู่ดี. ปล.เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อยากได้ Occ. 100% ให้เคลียร์กับแขกก่อนขึ้นห้องดีๆ นะ

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

Sound Check


ตอนที่เฮียเข้ารอบบ่ายช่วยดึกๆ มันเคยมีเรื่องราวแบบว่าเกี่ยวกับระบบ Sound Check (เขียนงี้ป่ะวะ) ขึ้นเว้ย คือมันมีแขกห้องนึงเปิดเพลงดังมาก ทีนี้เฮียอยู่ข้างร่างก็ไม่รู้เรื่องอะไร รปภ.ที่ตรวจ Floor ก็ยังไปไม่ถึง จนสักพักมีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาเฮียก็รับสาย บทสนทนาจบลงด้วยใจความที่ว่า แขกห้องหนึ่งที่ชั้น 7 บอกเฮียว่า บน Floor นั้นมีเสียงเพลงดังมากจนเค้านอนพักผ่อนไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็เวลา 4 ทุ่มแล้ว ช่วยไปบอกให้เค้าเงียบๆ หน่อย

เฮียก็ขอโทษแขกไปหนึ่งดอก จากนั้นก็โทรหา รปภ.แล้วก็เตรียมการขึ้นไปข้างบนชั้นนั้นทันที ในขณะที่กำลังเก็บของอยู่นั้นมีแขกเป็นชายวัยกลางคนๆ หนึ่งเดินลงมาที่หน้า Lobby จากนั้นก็ถามหา Manager ซึ่งเฮียก็แสดงตัวทันที ทีนี้เว้ยพี่แกก็ด่าเฮียเลยว่า "You ใช่มั้ยที่โทรไปบอกให้ชั้นปิดเพลงในห้อง? ถ้า You ไม่ให้เปิดเพลงแล้ว You เอา Ipod Set up ไว้ในห้องทำไม?" จากนั้นก็จบด้วยประโยคบังคับ "Bad Service"

สารภาพว่าตอนนั้นกู งง มากถึงมากที่สุด คือเฮียยังไม่ได้หยิบหูโทรศัพท์โทรไปหาพี่แกตอนไหนเลย แล้วมาด่ากูทำไมวะเนี่ย กูไปทำอะไรให้เมิง แต่เฮียก็พอจะจับใจความได้แหละว่า อาจจะเป็นแขกห้องอื่นที่รำคาญจนทนไม่ไหวแล้วปลอมเป็น Manager โทรไปบอกแขกว่าให้เบาๆ เสียงลงหน่อย หวยมันเลยมาออกที่เฮีย

พอตั้งสติก่อนสตาร์ทได้เฮียก็อธิบายพี่แกไปว่า "เดี๋ยวนะ You ชั้นเนี่ยยังไม่ได้โทรขึ้นไปหา You เลย แต่ชั้นก็ได้รับการแจ้งมานะจากแขกที่พักชั้นเดียวกับ You นี่แหละว่ามีห้องอื่นเปิดเพลงเสียงดัง นี่ชั้นก็กำลังจะขึ้นไป" ตอนนี้ดูเหมือนแขกจะ งงๆ เฮียเลยอาศัยจังหวะที่แขกเมาหมัดอยู่ใส่เข้าไปอีกชุดนึงว่า "โรงแรมเรา Set Ipod ไว้ให้ก็จริง แต่โรงแรมเป็นพื้นที่สาธารณะนะ You เปิดได้แต่ก็ไม่ควรให้มันเสียงดังเกินจนรบกวนคนอื่นนะ"

พออธิบายจบเหมือนจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่เฮียแกก็ยังไม่พอใจเว้ย หาว่าเฮียด่าแกและบริการไม่ดีอีก แล้วก็ยืน ด่า ด่า ด่า แล้วก็ ด่า ยับหน้า lobby จนแขกตอนนี้ที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มหันมามองว่ามีปัญหาอะไรกัน เป็นอยู่อย่างนั้นสักพักจนเฮียใช้ท่าไม้ตายว่า “ Ok ถ้า You อยากจะเปิดเพลงเสียงดังแบบนั้นชั้นก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ถ้าหากมีแขกห้องอื่นเค้าไป Report ที่ Police Station แล้วตำรวจมาตรวจ อันนี้ชั้นก็ช่วยเหลืออะไร You ไม่ได้นะ เพราะมันละเมิดสิทธิของแขกคนอื่น” และเป็นอีกครั้งที่ได้ผลเมื่อได้ยินคำว่า Police แขกก็ให้ศีลให้พรเฮียมาว่า “Fuck….Service” แล้วก็เดินกลับขึ้นห้องไป…. แหม่ เจริญอาหารด้วยแกฟักเลยกู

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเล่า Duty Manager


เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเฮียเป็น Duty Manager รอบบ่าย

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เฮียก็นั่งทำ Daily Log Book อยู่ กะว่าจะเขียน Wording Classic ที่ใช้กันมาอย่างยาวนานเวลาขี้เกียจเขียน Log Book ว่า “Overall Situation under control.” แต่ทันใดนั้นเฮียก็ต้องเก็บ Wording นี้เข้ากล่องทันทีเพราะน้อง G.S.A รอบบ่ายโทรเข้ามาแล้วบอกว่า “เฮีย แขกห้อง 211 Complain ว่า ยาสมุนไพรที่ซื้อมาหายไปตอนแม่บ้านทำห้อง” เฮ่อๆๆ เอาแล้วไงกู หมีงานเข้า หมีงานเข้า อีกแล้วกู ว่าแล้วเฮียก็จัดการโทรขึ้นไปสอบถามกับแขก จับใจความได้ว่า แขกแจ้งว่าเขาซื้อยาสมุนไพรที่เป็น Capsule มาเพื่อจะเอากลับไปใช้ที่ประเทศเขา แต่ตอนที่แม่บ้านเข้าไปทำห้องแล้วเขาออกไปข้างนอกปรากฏว่ากลับเข้ามา ยาสมุนไพรเค้าหายไป และเขาต้องการได้คืนมากๆ ให้ทางโรงแรมช่วยหาให้หน่อย (จริงๆ แว้บแรกเฮียก็มีคิดนะว่าแขกลืมเอาไปทิ้งเองป่ะวะ แต่ก็เพื่อความแน่ใจ Check ซะหน่อยดีกว่า) ว่าแล้วเฮียก็จัดการโทรไปหาแม่บ้านแล้วสอบถามว่าใครไปทำความสะอาดห้องนี้ จนไปพบว่าเป็นน้องแม่บ้านที่เป็นรอบ Cover เป็นคนเข้าไปทำความสะอาดห้องพักแขก ว่าแล้วเฮียก็จัดการบอกให้พี่ Super แม่บ้านเรียกน้องมาที่ Office หน่อยเพราะเฮียจะลงไปคุยด้วย พี่เค้าก็จัดการ ว.ให้น้องมาที่ Office

จากนั้นเฮียก็ลงไปคุยกับน้องมัน คุยไปคุยมาน้องมันบอกว่า “ตอนทำห้องไม่เห็นนะเฮีย ผมก็มีเก็บขยะ เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ล้างห้องน้ำ เช็ค Bar ปกติ ผมไม่เห็นถุงยาที่บอกเลยนะ” พอได้ข้อมูลเฮียก็จัดการโทรไปหาแขกอีกรอบแล้วก็แจ้งว่า “แม่บ้านที่ทำห้องไม่เจอยาสมุนไพร you นะ you แน่ใจเหรอว่ามันอยู่ในห้อง?”.... ทีนี้แขกก็เริ่มมีอารมณ์นิดๆ แต่ยังอุตส่าห์บอกมาว่า “ชั้นเก็บไว้ในถุงพลาสติกวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง มันจะไม่มีได้ยังไง You เช็คให้ชั้นอีกทีนะ” พอวางสายเสร็จเฮียก็ Point มาที่ไอ้น้องคนนี้อีกทีแล้วบอกว่า “แขกบอกว่าเอาไว้ในถุงพลาสติกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เอ็งเห็นป่ะวะ” มันทำหน้านิ่งไปพักนึงเพื่อระลึกชาติว่าตอนทำมันเห็นถุงที่ว่านี้ไม่ ซึ่งตอนนี้เฮียแม่งก็ลุ้นกับมันไปด้วย แล้วก็เหมือนสวรรค์ประทานทางออกให้เพราะมันบอกว่า “อ๋อ เฮีย มีอยู่ถุงนึง แต่มันเป็นถุงขยะนะ เพราะในถุงมันมีเปลือกน้อยหน่ากับเม็ดที่กินแล้ว และกระดาษหนังสือพิมพ์ใช้แล้วอยู่ในนั้นด้วย ผมไม่แน่ใจว่าอันนั้นหรือเปล่าเฮีย? ถ้าเป็นอันนั้นอ่ะ ผมทิ้งไปแล้วครับ” คือตอนนี้อยากบอกมันว่ากูไม่สนอ่ะใช่ไม่ใช่ แต่มึงพากูไปหาก่อนได้มั้ยก่อนที่แขกจะแดกหัวกูซะกรุบกรอบเสียก่อน ตอนนั้นมันเหมือนเป็นซีนดราม่ามาก เพราะเฮียคิดว่ายาสมุนไพรมันต้องอยู่ในถุงนี้แน่ๆ เลยมึง ซึ่งถ้าบอกว่าทิ้งไปแล้วเป้าหมายต่อไปที่ต้องไปหาแม่งคือห้องขยะแน่นอน ว่าแล้ว เฮีย น้องแม่บ้าน พี่ Super ก็จัดการตรงดิ่งไปที่ห้องขยะทันทีพร้อมอุปกรณ์ถุงมือยางจากนั้นก็สวมวิญญาณนักโบราณคดี ทำการขุดคุ้ยร่องรอยแห่งอารยะธรรม ทั้งเศษอาหาร กระดาษ ขยะต่างๆ ที่ทับถมกันอย่างกับภูเขาไฟฟูจิ เพื่อควานหาไอ้ถุงที่ว่านี้ คุ้ยไปคุ้ยมาเกือบ 20 นาที สุดท้ายแม่งเจอด้วยเว้ย แถมพอเปิดออกดูแม่งเป็นขวดสมุนไพรตามที่เค้าบอกจริงๆ ก็เป็นอันว่ารอดไปสำหรับเคสนี้

บทความแนะนำ