วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เรื่องหลอนก่อนนอน (EP. 1)

เรื่องหลอนก่อนนอน EP.1

ผมทำงานอยู่ในโรงแรมชายทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทยครับ โรงแรมนี้มีทำเลดีมากเพราะอยู่ติดหาดเลยครับ เรียกได้ว่าแขกที่พักที่นี่สามารถใช้บรรยากาศชายหาดได้ทุกเวลาในการหาความสุขเพื่อดื่มด่ำให้ชีวิต ช่วงเช้าแขกหลายคนจะตื่นมาวิ่งออกกำลังกายหรือเดินเล่นรับไอทะเล ช่วงบ่ายหลายคนก็ลงไปเล่นน้ำ บางคนก็ทำกิจกรรมริมชายหาด ขี่ม้าบ้าง เล่นกีฬาทางน้ำบ้าง ปะปนกันไปครับ ส่วนพนักงานอย่างเราๆ บางครั้งมันก็มีครับที่จะเดินไปชาร์จพลังที่ริมชายหาดโดยการยืนให้ลมไอเย็นของทะเลกระทบหน้าด้วยเพราะเจอเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสกันมาในแต่ละวันพอได้ไอเย็นจากธรรมชาติมาบำบัดมันก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ไม่ยากครับ กิจกรรมของโรงแรมทั้งแขกและพนักงานก็ดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งเมื่อปลายปี 2547 หายนะก็มาเยือนโรงแรมทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่พังทลายลงตั้งแต่ตัวโรงแรมไปจนถึงชีวิตของพนักงานและแขกจำนวนหนึ่งที่ต้องสูญเสียไปกับวิกฤตในครั้งนั้น 


ผมคงไม่ได้เล่าเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่คลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าซัดเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับโรงแรมอย่างบ้าคลั่งและไม่ได้สนใจความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ว่าจะอยู่หรือตาย ภาพหนึ่งที่ติดตาอยู่ไม่ขาดคือภาพของชายคนหนึ่งที่ลอยคออยู่ในทะเลเพื่อรอความช่วยเหลือแล้วอยู่ๆ ก็มีสังกะสีที่ไหนไม่รู้ถูกคลื่นซัดมากระทบกับร่างของชายคนนั้นก่อนจมหายไปในท้องทะเลมันเป็นอะไรที่เลวร้ายมากสำหรับผม


แน่นอนว่าหลังจากที่ความพิโรธของท้องทะเลได้จบลง ภาพของความเสียหายของโรงแรมไม่มีอะไรที่จะสามารถมาบรรยายได้ ความสวยงามก่อนหน้านั้นบัดนี้มันได้กลายเป็นซากปรักหักพังจนไม่เหลือเค้าของความสวยงามหรูหราเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป แต่นั่นคือเรื่องของสิ่งของต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายแต่ในส่วนของผู้คนในสถานการณ์ที่มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เริ่มปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เริ่มมีการพยายามหาน้ำและอาหารเพื่อนำมาประทังชีวิตให้กับคนเองและคนในครอบครัว มีการฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้ที่พอจะมีกำลังในการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาได้ด้วยการขายในราคาที่เกินจะรับได้ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขายให้ซองละ 100 บาทหรือน้ำเปล่าขวดละ 200 บาท ใครที่พอจะมีเงินติดเนื้อติดตัวก็ได้สิทธินี้ไปใครที่ไม่มีก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอดประทังชีวิตเอาเองกว่าที่หน่วยงานรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือคนเหล่านี้ก็สร้างผลตอบแทนไปได้มากอยู่


กระบวนการเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตและสำรวจผู้รอดชีวิตดำเนินไปอย่างเร่งรีบและละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาระบุอัตลักษณ์ตัวตนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฏหมายและติดต่อญาติทั้งในและต่างประเทศให้มาดำเนินการต่อได้เร็วที่สุดส่วนผู้บาดเจ็บก็จะได้รับการช่วยเหลือและดูแลรักษาให้ได้ทันท่วงทีทุกอย่างต้องแข่งกับเวลาตลอดทั้งวันทั้งคืน ในส่วนโรงแรมของผมเองก็เช่นกันที่เริ่มมีการสำรวจความเสียหายและทำการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตพร้อมกับค้นหาผู้บาดเจ็บ การค้นหาดำเนินไปอย่างเร่งรีบและละเอียดรอบคอบซากปรักหักพังชิ้นใหญ่ๆ ที่เจ้าหน้าที่วิเคราะห์แล้วว่าอยู่นอกบริเวณที่ไม่เสี่ยงต่อการอาจไปกระทบกับผู้ที่อาจจะถูกทับอยู่ใต้ซากปรักหักพังเหล่านั้นค่อยๆ ถูกเคลื่อนย้ายออกไป การทำงานเป็นไปอย่างระมัดระวังเจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บที่ยังรอดชีวิตในซากปรักหักพังของโรงแรมหลายคนในสภาพอิดโรยรวมถึงพบศพผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกันสร้างความสลดใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมากเพราะไม่ได้มีแค่แขกเท่านั้นที่เสียชีวิตแต่ร่างไร้วิญญาณของพนักงานที่เคราะห์ร้ายไม่สามารถหนีได้ทันก็ถูกนำออกมาด้วยเช่นกัน ที่น่าสลดและเสียใจคือบางคนยังใส่ชุด Uniform ของพนักงานอยู่เลยครับ ในส่วนของกระบวนการจัดการกับสภาพของโรงแรมนั้นดำเนินการมาเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 1 เดือนและเมื่อปรับพื้นที่ของแรมเสร็จแล้วคราวนี้จึงมาถึงขั้นตอนของการปรับปรุงโรงแรมให้กลับมาดำเนินการได้อีกครั้งซึ่งทางเจ้าของและฝ่ายบริหารคาดการณ์ว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนน่าจะเสร็จ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วขั้นตอนการปรับปรุงก็ดำเนินการไปตามระยะเวลาที่กำหนด


หลังจาก 1 ปีผ่านไปสภาพแวดล้อมด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบหลายๆ อย่างเริ่มได้รับการฟื้นฟูจากการทำงานที่รวดเร็วของภาครัฐและประชาชนรวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำให้สถานการณ์ค่อยๆ กลับมาดีขึ้น เริ่มมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยในการแจ้งเตือนคลื่นยักษ์สึนามิเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลายอย่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิมรวมทั้งตัวโรงแรมของผมด้วยที่บัดนี้มันได้รับการ Renovation จนกลับมาสู่สภาพใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม เริ่มมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้และเริ่มรับพนักงานกลับเข้าไปทำงานได้เหมือนเดิม แน่นอนว่ามีพนักงานเก่าหลายคนได้โอกาสกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งพร้อมกับพนักงานใหม่ที่รับเพิ่มเข้ามาแทนพนักงานเดิมและเป็นที่น่าเศร้าใจที่พนักงานบางคนนั้นไม่มีโอกาสกลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตได้อีกแล้วเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาเหล่านั้นและเป็นความสูญที่ยิ่งใหญ่ด้านบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถของโรงแรมด้วยเช่นกัน ผมขอไว้อาลัยให้กับทุกดวงวิญญาณของชาวโรงแรมที่ล่วงลับจากเหตุการสึนามิ ในครั้งนั้นด้วยจิตคาราวะและเคารพรักทุกท่านครับ


แต่เมื่อมีผู้เสียชีวิตโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเกิดขึ้น ที่ใดเรื่องราวลี้ลับมันก็ย่อมเกิดตามมาด้วยเช่นกันเหมือนกับเรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้


โปรดติดตามตอนต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ