วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

เรื่องของ Rooming List

ตอน สลับห้องล่าล้างนรก
ครั้งนึงเฮียเคยรับ C/I แขกสัมมนาที่มากันประมาณ 200 กว่าห้อง ตอนนั้น Sale Event เค้าก็เอา Rooming List มาให้เฮีย ทีนี้เราก็ประชุมกันและก็จัดการ Assign ห้องพักตามรายชื่อที่ให้มาเรียบร้อยเลยนะ ที่สำคัญ Group นี้เค้ามี VIP ด้วยอีกต่างหากซึ่งเค้าก็ Request มาว่า VIP ของเค้าเนี่ยขอห้องที่อยู่คนละชั้นกับพนักงานนะ ประมาณว่าเป็นระดับบริหาร ทำงานเป็นกะ อะไรเงี๊ยะเลยอยากอยู่แยก เฮียก็จัดการให้ตามคำขอ

เฮียใช้เวลาวันนั้นตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 1 ทุ่ม ทำการ Assign ห้องพักแขก Group นี้เพราะมันมีจำนวนเยอะมากเลยต้องพยายมหาห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกัน ตึกเดียวกันให้กับแขกให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันก็จะวุ่นวายมากเพราะต้องไปทำการเอาห้องพักของแขกคนอื่นออกด้วยเพื่อจะได้เอาห้องของแขก Group นี้จัดเรียงให้อยู่ในชั้นเดียวกัน...... ผ่านไปจนถึงวัน C/I ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะเรียบร้อยตามแผนที่วางไว้มีวุ่นวายบ้างช่วงแจกกุญแจ และจัดส่งกระเป๋า เพราะแขกเกือบๆ 300 คน บางคนมาถึงก็อยากถ่ายรูปและเดินชมโรงแรมก่อนทั้งๆ ที่ Organize ขอให้มาลงทะเบียนและรับกุญแจก่อนแต่ก็ยังแว้บไป ใช้เวลา C/I อยู่ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ก็เสร็จเรียบร้อยรวมถึงการส่งกระเป๋า 

เฮียก็เริ่มดำเนินการเรื่องการสร้างห้อง DM Room ไว้ Post ค่าใช้จ่าย ทันใดนั้นก็มีอนงค์สามนางเดินมาแล้วบอกว่า "พี่คะ หนูขอเปลี่ยนห้องได้ไหมคะ พอดีหนูอยากเปลี่ยนไปพักกับคนนี้น่ะค่ะ" และอีกคนก็รับงานมา ก็บอกมาว่า "หนูยอมค่ะพี่ หนูขอไปพักห้องเค้านะคะ" เฮียก็ต้องทำตามระเบียบคือต้องแจ้ง Organize ก่อนให้เค้ารู้ก็เลยแจ้งไปทางโทรศัพท์ว่า "แขกต้องการเปลี่ยนห้องนะครับ" ทีนี้ทางนั้นเค้าก็บอกมาว่า "แล้วแต่ทางโรงแรมเลยค่ะถ้าไม่มีอะไรเสียหาย" ทีนี้เฮียก็จัดการเปลี่ยนให้ซึ่งมันก็ต้องมาเปลี่ยนใน Rooming List อีก

เคสแรกผ่านไปด้วยดี แต่ทันใดนั้นเองเชื่อไหมว่าหลังจากที่ห้องแรกได้ไป มันก็มีห้องที่ 2-3-4- มาเรื่อยๆ จนเกือบ 10 ห้อง มาขอเปลี่ยนห้องกันมันเลยทีนี้ ไอ้ครั้นเฮียจะไม่เปลี่ยนให้เราก็จะดูว่าไม่มีน้ำใจเพราะเพือนมาด้วยกันก็อยากนอนด้วยกันก็เข้าใจ เฮียและน้องๆ ก็เปลี่ยนให้ทุกห้องนะเพราะเห็นเป็น Group เดียวกันด้วยไง ปรากฏว่าวันนั้นทั้งวันไม่ทำอะไรเลยนั่งสลับชื่อผู้เข้าพักทั้งวันชนิดที่ว่ากระดาษ Rooming List นี่เปื่อยจนต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ที่สำคัญต้องเอาไปให้ Organize กับ Sale ใหม่หมดเลยเพื่อให้เค้า Update กัน สองคนนั้นเห็นปุ๊บก็ตกใจว่า "นี่เปลี่ยนกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ" เฮียก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า "ตามนี้แหละครับ" 

หลังจากนั้นก็ต้องมานั่งรายชื่อว่าใครพักกับใครในระบบใหม่แล้วก็จัดการออกกุญแจให้ใหม่โดยตัดอันเก่าก่อนเพื่อป้องกันปัญหาแอบเอาไปไขกันและกันเดี๋ยวจะมีปัญหาเพราะรู้หน้าไม่รู้ใจ.... Rooming List นี่บอกได้เลยว่ายิ่งกว่าหนังเรื่อง Face Off สลับหน้าล่าล้างนรกอีก

ปล. ใครที่ยังไม่ได้ไปลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานของhttp://www.cemshalls.com/account/register ก็รีบลงทะเบียนซะนะครับเพื่อลุ้นรับของที่ระลึกและสิทธิพิเศษมากมายที่จะตามมาในอนาคต




วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

ตอน งานไม่ทัน หรือ คนไม่พอ

เห็นแล้วโมโหทุกทีนะที่เห็น GM บางคนที่ "เห็นแก่ตัว" โดยเฉพาะพวกที่เกิดมาแล้วทะลุยอดหญ้าเป็น GM เลย ไม่เคยผ่านงานระดับล่างมา ทำอะไรก็ไม่เป็น แต่กูอาศํยหัวแดง และสัญชาติเดียวกับเชนที่เอามาลงเลยขึ้นมาได้
หลายๆ ครั้งเวลาสั่งงานแล้วอัดเข้ามาโดยไม่สนใจว่าลูกน้องสภาพจะเป็นยังไงชอบด่าพนักงานเหลือเกินเวลา ทำงานไม่เสร็จ ทำงานไม่ทัน หรือทำงานไม่ได้ดั่งใจ แล้วลูกน้องแจ้งไปว่า "คนไม่พอ" ซึ่งถ้าหากลูกน้องทำงานไม่เสร็จและไม่ทันเพราะขี้เกียจอันนี้ไม่ว่ากัน แต่ในกรณีที่คนไม่พอจริงๆ ถึงขนาดที่ลูกน้องต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเข้าโรงพยาบาลก็แล้ว หรือต้องลากวันทำงานยาวๆ จนไม่ได้หยุดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีหนำซ้ำมาเจอยังบอกว่า "You Manage ไม่ได้เลย" ซึ่งเป็นความคิดที่ตื้นเขินบ่งบอกวุฒิภาวะและความสามารถระดับหางอึ่งได้อย่างดีว่า "มาถึงตรงนี้ได้เนี่ยเพราะอะไร ซึ่งแน่นอนมักไม่ใช่ความสามารถ"
GM ที่เก่งเค้าไม่อัดงานมั่วซั่วหรอก เค้าจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเวลาลูกน้องมาบอกว่า "คนไม่พอ" มันไม่พอเพราะเขาขี้เกียจหรือมันไม่พอจริงๆ ไม่ใช่อะไรก็อาศัยทฤษฏีเก่าๆ ว่า "คนไม่พอเพราะ Manage ไม่ได้" เพราะถ้าอ้างแบบนี้เด็กอนุบาลก็อ้างได้มันเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ใช้ส่วน Cerebrum ในสมองในการวิเคราะห์เพราะตอบแล้วก็ให้มันจบๆ ไปไม่ต้องคิด ได้แต่นึกเอง เออ เองว่า กูเก่ง กู Cool แล้วที่บอกว่า "มันเป็นความผิดลูกน้องที่ Manage ไม่ได้" ที่สำคัญพอบอกไม่ได้แต่ที่จะช่วยสอนหรือแนะนำ.....เปล่ากลับปล่อยไปซึ่งคาดว่าเพราะตัวเองน่าจะทำไม่เป็น
คนอะไรวะ!!!! พนักงานชั่วคราวจ้างมาทำงานทำได้ 3 ชม. ออก เพราะแม่งเล่นให้ปูเตียงวันละ 30 เตียงแล้วดันเป็นเตียง 6 ฟุต ยังไม่พอมีการให้ลูกน้อง Cancel วันหยุดลูกน้องอดข้าวแต่ตัวเองนั่งปาร์ตี้ แรกๆ มาเช้าตลอด หลังๆ มาสายกลับเร็ว เพื่อผลลัพธ์ของการออกมาของผลงานที่ประทับใจ Owner ขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองหลักหมื่น และหัวทองคนอื่นๆ หลักหมื่นๆ แต่กับคนไทยหลักร้อย
เอาจริงๆ นะ เห็นแล้วเสียสถาบัน GM หว่ะ จริงๆ เฮียก็ไม่ได้เป็นคนดีและมีอิทธิพลอะไรมากในงานโรงแรมแต่อยากแนะนำเชน ทั้งไทยและต่างประเทศนะครับ ไม่ใช่ว่าผมอคติกับพวกหัวทองแต่ก่อนจะส่งหรือดันใครขึ้นมาเป็น GM อย่าดูแค่สัญชาติและผลงานในอดีตครับ ลองลงไปล้วงผลงานและศึกษาจากพนักงานระดับล่างบ้างอาจจะทำให้คุณๆ ได้ GM ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น GM บางคนก็อยู่ได้แค่บางเชน พอหลุดเชนอื่นคุณภาพก็ไม่ได้เลย "อย่าให้คนๆ เดียวมาดึงเชนให้ดูด้อยเลยครับ" ที่สำคัญฝากถึง Owner ด้วยนะครับว่าบางครั้งการที่ท่านใส่ใจกับ GOP หรือผลกำไรมากไป ท่านอาจไม่ได้เห็นปัญหาที่แท้จริงที่กำลังเกิดขึ้นก็ได้ สุดท้ายจะไม่มีพนักงานที่ทำงานด้วยใจให้ท่านเลยหากเป็นแบบกรณีนี้
จบ..กลับบ้านนอน


วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตอน สื่อสารฉับไว กว้างไกลทั่วโลก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปี ที่แล้วเป็นอภิมหาปัญหาระดับ 40 ล้านเลยทีเดียว เรื่องมันมีอยู่ว่าโรงแรมเฮียตอนนั้นเนี่ยมันมีห้องอยู่ 4 ห้องที่อยู่มุมอับซึ่งสัญญาณโทรศัพท์มันเข้าไปไม่ถึง ทีนี้ก็มีแขกมา Complain อยู่เรื่อยๆ ว่าเค้าไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในห้องพักได้เลยเพราะไม่มีสัญญาณหรือบางทีโทรคุยกันก็ติดๆ ดับๆ ซึ่งส่วนมากพนักงานโรงแรมเฮียก็จะรู้ไอ้สามสี่ห้องนี้อยู่แล้วว่าเป็นห้องที่เป็นจุดอับสัญญาณก็จะเลี่ยงที่จะไม่ส่งแขกไปยกเว้นกรณีที่ High Occ. จริง ๆ ถึงจะส่งแต่ก็จะเลือกแขกประเภทที่มาแบบ Leisure ไม่เป็น Business เพราะสามารถลดเปอร์เซ็นต์การโดน Complain ได้มากไม่มากก็น้อย ทีนี้มันมีแขกคนนึงเค้าก็มา Complain เรื่องนี้แหละเฮียก็ Say Sorry เค้าไปและเล่นใหญ่เลยกะว่าจะให้ปัญหามันจบเลยทีเดียวแบบไม่ต้องร้องขอคือเฮียตัดสินใจ Host Dinner ไปเลย 1 มื้อสำหรับ 2 ท่านเพราะเราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ และก็จะเปลี่ยนห้องให้เขาในวันรุ่งขึ้นอีกด้วยเพื่อให้เขาไม่ต้องมาเจอปัญหานี้ แขกก็โวยวายๆ อยู่สักพักอ่ะนะแล้วก็มีเหน็บๆ มาให้ดูดีว่า “เธอคิดว่าชั้นเห็นแก่ของฟรีเหรอ เธอปรับปรุงโรงแรมเธอดีกว่า” เฮียก็ตอบไปว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราอยากจะรับผิดชอบกับปัญหาที่มันเกิดขึ้นและทำให้ยูได้รับความไม่สะดวกในการเข้าพัก” สุดท้ายจบลงที่ประโยค “ถือว่าชั้นรับคำขอโทษด้วยอาหารมื้อนี้ของยูแล้วกัน” แล้วก็จากไป เคสนี้เฮียก็ต้องยอมเพราะโรงแรมผิดจริงๆ

เฮียตัดสินใจโทรไปคุยเกี่ยวกับที่แขก Complain ว่าไม่มีสัญญาณก็ได้ความว่า “ตรงนั้นเป็นจุดที่เค้ายังไม่ได้ตั้งเสาสัญญาณไว้เลยทำให้บางพื้นที่จะมีจุดอับสัญญาณทำให้ใช้บริการได้ไม่สะดวก” และด้วยความที่เฮียก็ไม่รู้เนาะก็เลยบอกพี่เค้าไปตามประสาคนไม่รู้ว่า “พี่ครับ แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงบ้างครับพอมีทางแก้ไหม? เราตั้งเสาเลยได้ไหมครับ? มีอะไรที่โรงแรมพอจะช่วยได้บ้าง” คือกะว่าช่วยทุ่มสุดตัวมั่วสุดตีนอ่ะเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอปัญหานี้อีก แต่พี่แกตอบกลับมาหน้าแทบหงายว่า “ถ้าจะแก้ปัญหานี้ต้องรอเค้าตั้งเสาก่อนน่ะครับ” คำตอบนี้ไม่เท่าไหร่แต่มาเจอคำตอบหลังว่า “แต่ตอนนี้บริษัทยังไม่มีโครงการเลยครับเพราะเสาต้นนึงก็ประมาณ 40 ล้านบาทครับน้องคงต้องรอก่อนนะครับ” 

เอิ่มมมมม OK ครับพี่ พ่อผมก็ไม่ได้รวยด้วยดิก็เอาเป็นว่าแก้ปัญหาแบบนี้ไปก่อนละกัน เฮ่อๆ ใจตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องหรอกนะว่ามันต้องขนาดนั้นจริงเหรอ หรือว่ามีวิธีอื่นแต่เมื่อเขาบอกมาแบบนี้ก็ไม่รู้จะเอาวิชาการอะไรไปงัดกับเขาอ่ะนะครับเพราะเฮียก็ไม่มีความรู้อะไรก็ได้แต่รายงาน GM เขาไป

ปล. เหมือนเดิมนะจ๊ะ ฝากด้วยนะครับหนังสือ Hotel Man Vol.2 ใกล้จะตัดยอดแล้วนะครับใครที่สั่งแล้วยังไม่ได้ชำระเงินก็รบกวนด้วยนะครับผม ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ช้างตายทั้งตัว เหม็นจัง

ตอน ช้างตายทั้งตัว.....เหม็นจัง

เรื่องนี้เกิดขึ้นย่ำค่ำคืนหนึ่งขณะที่เฮียกำลังยืนเขียน Log Book อยู่ ทันใดนั้นเองปรากฏกายของแขกจากแดนไวกิ้งเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเฮียพร้อมกับเปล่งวาจาขึ้นอย่างดังว่า “เรียงเบอร์มั้ยครับ เรียงเบอร์” เอ้ย!!! ไม่ใช่ๆ โทษทีพอดีอินกับหวยเมื่อวานไปหน่อยเอาใหม่นะ พร้อมกับเปล่งวาจาขึ้นว่า “Can I see the Manager” และด้วยประโยคนี้ไม่ต้องสันนิษฐานสิ่งที่จะตามมาเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นพอเฮียตอบกลับไปว่า “Ye I am” เท่านั้นแหละพี่แกก็เล่นใหญ่ใส่ชฏาเลยทีเดียวชนิดที่ไม่เกริ่นให้ทราบเลยว่าไปโดนตัวไหนมาหรือมีปัญหาอะไร เฮียก็ฟังแกด่า ย้ำว่าด่านะแบบรัวๆ แต่ก็ยังมีสติจับใจความได้ว่าเมื่อวานมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดห้องพักแล้วทีนี้ของแกหาย พอพี่แกเหนื่อยและเว้นช่องว่างหายใจเฮียก็รีบใส่กลับทันทีว่า “ยูช่วยบอกชั้นทีได้ไหมว่าของที่หายลักษณะเป็นยังไง” แกก็บอกมาว่า “มันเป็นกำไลข้อมือสีเขียว” ซึ่งความคิดเฮียเข้าใจว่าน่าจะเป็นกำไลหยกอ่ะนะ แกบอกว่า “แกวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีแต่พอแม่บ้านเข้าไปทำห้องและกลับออกมาปรากฏว่ามันหายไป” แกเลยโมโหและด่าโรงแรมด้วยประโยคมหาอมตะนิรันดร์กาลว่า “ฟักแม้วโฮเต็ล” อืม เฮียก็ยืนรับศีลรับพรไป คือก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บอกรูปพรรณสัณฐานวะจะได้มาช่วยกันหาเดี๋ยวค่อยกลับมาด่าใหม่ก็ได้เพราะหาของน่าจะสำคัญกว่า

เฮียไม่รอช้ารีบตัดบททันทีว่า “ยูรอสักครู่นะชั้นจะโทรไปสอบถามกับพนักงานและจะทำเรื่องตรวจสอบให้ว่าใครเข้าไปบ้างหรือมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร” แต่สิ่งที่เฮียได้คืออะไรรู้ป่ะ? พี่แกเอามือกดหูโทรศัพท์ที่เฮียกำลังจะโทรหาแม่บ้านลงแล้วพูดว่า “ไม่ ชั้นไม่ต้องการ ชั้นแค่อยากคอมเพลนการบริการของโรงแรมยูเท่านั้น พนักงานที่นี่ขี้ขโมย” คืออารมณ์เหมือนประมาณว่าพี่แกอยากได้กระสอบทรายไว้ระบายอารมณ์แค่นั้นแหละแทนที่จะหาของและมาสืบหาความจริงก่อนครั้นจะด่าต่อก็ไม่สาย เมื่อเป็นเช่นนั้นและ “เค้าจ้างเฮียมาโดนด่า” เฮียก็เลยยืนเมาหมัดอยู่แบบนั้นแหละพร้อมกับคอยพูด Sorry เป็นระยะๆ เวลาแกพักหายใจ

ผ่านไปจนครบยกสุดท้ายเกือบ 10 นาที ซึ่งเฮียที่เป็นฝ่ายน้ำเงินโยนผ้าขาวยอมแพ้แล้วแต่ฝ่ายแดงยังถลุงไม่เลิกแต่โชคดีที่ระฆังมาดังเอาพอดีเพราะแกเริ่มเหนื่อยและที่สำคัญเมียลงมาตาม ทันทีที่เห็นสามีกำลังยืนต่อว่าพนักงานก็รีบเข้ามาเพราะนึกว่ามีเรื่องอะไร มาถึงตัวสามีก็บอกว่า “กำไลชั้นหาย โรงแรมนี้มีขโมย ชั้นกำลังสั่งสอนพวกเค้าอยู่ว่าบริการยังไงให้ดี” (สอนไรวะ ด่ากูอย่างเดียวเลย) แต่ที่เป็นไฮไหลคืออะไรรู้ป่ะ เมียยกข้อมือขึ้นมาแล้วบอกว่า “กำไลอันนี้ใช่ไหม ชั้นเอามาใส่เล่นตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เธอไม่ตื่นมากินอาหารเช้าชั้นลงมาคนเดียวก็เลยใส่มาด้วย”

เท่านั้นแหละความเงียบเข้าครอบงำ บรรยากาศกลายเป็น Dead air ในบัดดล เฮียผู้ที่ตอนนี้หน้าตาบวมปูดผลจากการเมาหมัดใช้จิตวิทยาในการส่งสายตาและท่าทางให้อีกฝ่ายรู้ว่า “เป็นไงล่ะมึง” โดยยืนนิ่งๆ และมองไปที่ใบหน้าตรงบริเวณสันจมูกเพื่อไม่ให้จ้องหน้าเกินไปอันจะทำให้แขกรู้สึกว่าถูกรุกราน และที่เด็ดต่อมาคือไงรู้ป่ะ พี่แกจับมือเมียแล้วเดินขึ้นห้องไปเฉยเลยไม่บอกขอโทษอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ....เอวังด้วยประการละฉะนี้แล

ปล.ช่วงนี้สนับสนุนโดยยาแก้ของหายตราควายออกลูก ทั้งๆ ที่ทำหายเองแบบไม่ได้พันผูกแต่สุดท้ายก็มาปลุกกูไปด่าทุกที


วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตอน สื่อสารฉับไว กว้างไกลทั่วโลก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นอภิมหาปัญหาระดับ 40 ล้านเลยทีเดียว เรื่องมันมีอยู่ว่าโรงแรมเฮียตอนนั้นเนี่ยมันมีห้องอยู่ 4 ห้องที่อยู่มุมอับซึ่งสัญญาณโทรศัพท์มันเข้าไปไม่ถึง ทีนี้ก็มีแขกมา Complain อยู่เรื่อยๆ ว่าเค้าไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในห้องพักได้เลยเพราะไม่มีสัญญาณหรือบางทีโทรคุยกันก็ติดๆ ดับๆ ซึ่งส่วนมากพนักงานโรงแรมเฮียก็จะรู้ไอ้สามสี่ห้องนี้อยู่แล้วว่าเป็นห้องที่เป็นจุดอับสัญญาณก็จะเลี่ยงที่จะไม่ส่งแขกไปยกเว้นกรณีที่ High Occ. จริง ๆ ถึงจะส่งแต่ก็จะเลือกแขกประเภทที่มาแบบ Leisure ไม่เป็น Business เพราะสามารถลดเปอร์เซ็นต์การโดน Complain ได้มากไม่มากก็น้อย

ทีนี้มันมีแขกคนนึงเค้าก็มา Complain เรื่องนี้แหละเฮียก็ Say Sorry เค้าไปและเล่นใหญ่เลยกะว่าจะให้ปัญหามันจบเลยทีเดียวแบบไม่ต้องร้องขอคือเฮียตัดสินใจ Host Dinner ไปเลย 1 มื้อสำหรับ 2 ท่านเพราะเราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ และก็จะเปลี่ยนห้องให้เขาในวันรุ่งขึ้นอีกด้วยเพื่อให้เขาไม่ต้องมาเจอปัญหานี้ แขกก็โวยวายๆ อยู่สักพักอ่ะนะแล้วก็มีเหน็บๆ มาให้ดูดีว่า “เธอคิดว่าชั้นเห็นแก่ของฟรีเหรอ เธอปรับปรุงโรงแรมเธอดีกว่า” เฮียก็ตอบไปว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เราอยากจะรับผิดชอบกับปัญหาที่มันเกิดขึ้นและทำให้ยูได้รับความไม่สะดวกในการเข้าพัก” สุดท้ายจบลงที่ประโยค “ถือว่าชั้นรับคำขอโทษด้วยอาหารมื้อนี้ของยูแล้วกัน” แล้วก็จากไป เคสนี้เฮียก็ต้องยอมเพราะโรงแรมผิดจริงๆ

เฮียตัดสินใจโทรไปคุยเกี่ยวกับที่แขก Complain ว่าไม่มีสัญญาณก็ได้ความว่า “ตรงนั้นเป็นจุดที่เค้ายังไม่ได้ตั้งเสาสัญญาณไว้เลยทำให้บางพื้นที่จะมีจุดอับสัญญาณทำให้ใช้บริการได้ไม่สะดวก” และด้วยความที่เฮียก็ไม่รู้เนาะก็เลยบอกพี่เค้าไปตามประสาคนไม่รู้ว่า “พี่ครับ แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงบ้างครับพอมีทางแก้ไหม? เราตั้งเสาเลยได้ไหมครับ? มีอะไรที่โรงแรมพอจะช่วยได้บ้าง” คือกะว่าช่วยทุ่มสุดตัวมั่วสุดตีนอ่ะเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอปัญหานี้อีก แต่พี่แกตอบกลับมาหน้าแทบหงายว่า “ถ้าจะแก้ปัญหานี้ต้องรอเค้าตั้งเสาก่อนน่ะครับ” คำตอบนี้ไม่เท่าไหร่แต่มาเจอคำตอบหลังว่า “แต่ตอนนี้บริษัทยังไม่มีโครงการเลยครับเพราะเสาต้นนึงก็ประมาณ 40 ล้านบาทครับน้องคงต้องรอก่อนนะครับ”

เอิ่มมมมม OK ครับพี่ พ่อผมก็ไม่ได้รวยด้วยดิก็เอาเป็นว่าแก้ปัญหาแบบนี้ไปก่อนละกัน เฮ่อๆ


ปล. เหมือนเดิมนะจ๊ะ ฝากด้วยนะครับหนังสือ Hotel Man Vol.2 ใกล้จะตัดยอดแล้วนะครับใครที่สั่งแล้วยังไม่ได้ชำระเงินก็รบกวนด้วยนะครับผม ขอบคุณครับ


วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มาแล้วกับหนังสือ Hotel Man Vol.2

!!!!! สิ้นสุดการรอคอยกับหนังสือ Hotel Man Vol.2 !!!

หนังสือที่จะเปิดโลกธุรกิจโรงแรมและชีวิตของพนักงานโรงแรมในทุกซอกทุกมุมละเอียดยิบดุจเม็ดทรายในท้องทะเล
ไฮไลต์ในเล่ม 2 ประกอบด้วย
- เรียนรู้เกี่ยวกับตำแหน่งงานต่างๆ ในโรงแรม
- กรณีศึกษาเกี่ยวกับแขก Complain จากประสบการณ์จริง โดนด่าจริง
ไม่ใช่สลิงไม่ใช้สตั๊นและตัวอย่างการแก้ไขปัญหาต่างๆ
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมเพื่อปรับความเข้าใจระหว่างแขกและพนักงานให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและเข้าใจในทางเดียวกัน
เหมาะสำหรับเจ้าของโรงแรม พนักงานโรงแรม นักเรียน นักศึกษาการโรงแรม แขกทั่วไปเอาไว้อ่านเวลาเข้ากะ เวลากินข้าวแคนทีน หรืออ่านเพลินๆ ฆ่าเวลาตอนรอเซ็นใบ Warning
1 เล่ม ราคา 290 บาทรวมส่ง EMS พร้อมรับของสมน้ำหน้าคุณ เอ้ย!!! สมนาคุณประกอบด้วย ...ที่คั่นหนังสือและ Post Card "Hotel Man" ทุก Order ที่สั่งซื้อ... หรือเลือกรับ Promotion พิเศษตามดังนี้ 

...................................................................................................
!!! รายละเอียด Promotion !!!!
1. สั่งซื้อชุดหนังสือ Hotel Man เล่ม 1 และ เล่ม 2 รวมกัน ราคา 590 บาท ฟรี!! กล่องอ่อนลาย Hotel Man จำนวนจำกัด
2. สั่งซื้อหนังสือจำนวน 5 เล่มราคา 1250 บาท รับฟรี!!! แก้วน้ำ Hotel Man รุ่นบุกเบิกเพจ Limited Edition จำนวนจำกัดแค่ 10 Order เท่านั้น
3. สั่งซื้อหนังสือ Hotel Man ตั้งแต่ 10 เล่มขึ้นไปลดทันที 5%
4. สั่งซื้อหนังสือ Hotel Man ตั้งแต่ 20 เล่มขึ้นไปลดทันที 10%
......................................................................................................

**เงื่อนไข** หนังสือเป็น Pre-Order เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้ - 25 สิงหาคม 2560 ก่อนสรุปยอดและส่งโรงพิมพ์และจะเริ่มทำการจัดส่งในวันที่ 4 กันยายน 2560 เป็นต้นไป เฮียขอขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนนะครับ
สนใจสั่งซื้อ Inbox พร้อมแจ้งรายละเอียดที่ต้องการหรือส่ง E-mail: hotelsmans@gmail.com Line ID: 033004953


บทความแนะนำ