วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ประโยคคลาสสิคของแขกงี่เง่า
“ผมไม่ได้เอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่มาเลย (ออกแนวว่ากูใหญ่จะไม่ให้ใครจะทำไม)”อยากตอบกลับไปอย่างมั่กๆ ว่า : ขับรถข้ามจังหวัดนี่เมิงไม่คิดพกเอกสารอะไรเลยไงวะ คือชีวิตมึงไม่เคยประสบอุบัติเหตุเลยว่างั้น ประโยคนี้ส่วนใหญ่จะเจอกับแขกที่ไม่อยากให้เอกสารใดกับทางโรงแรมออกแนวความลับเยอะ
เช่นพาเด็กหลบเมียมานอนแล้วไม่อยากให้เมียรู้ว่ากรูหยู่ววี่ หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่า เฮ้ย ครั้งหนึ่งในชีวิตข้าคือผู้พิชิตเด็กเอ๊าะๆ เคยเจอนะครับมาเช็คอินท์ขอบัตรประชาชนไม่มีครับ ขอใบขับขี่ไม่ได้เอามาครับ
แล้วก็ยืนมึน ๆ
ไม่หาไม่กระตือรือร้นอะไรประมาณว่าโรงแรมจะเอาอะไรนักหนากูจ่ายเงินก็พอแล้ว
เสร็จแล้วก็ไปลงท้ายด้วยประโยคแรกคือ “ผมเคยมาพักที่นี่คุณเช็คประวัติผมดู” อืม
ดีครับมันยากมากเลยกับการให้บัตรประชาชนหรือใบขับขี่เนี่ย
มึงขับรถเดินทางข้ามจังหวัดนี่มึงไม่คิดจะพกเอกสารราชการเลย หรือมีแต่ใบอนุญาติเข้าเมืองกูอยากจะรู้จริง ๆ
“ทำไมของพี่จองผ่านเว็บไซต์แล้วไม่ได้อาหารเช้าค่ะ” ทำถามสุดคลาสสิคอมตะมหานิรันดร์กาล ซึ่งโดยปกติมันจะเถียงเราอยู่อย่างนั้นแหละว่าทำไม ทำไม และทำไม โดยที่เราต้องตอบมันให้ได้ด้วยนะครับ ซึ่งจริง ๆ แม่งเป็นเรื่องของเว็บต์ไซต์นะเนี่ย แต่แม่งมาเหวี่ยงกรูทำไมเนี่ย สักวันทนไม่ไหวคงตอบกลับไปครับว่า : คุณพี่ครับตอนมึงจองเนี่ย กูไปนั่งอยู่กับเมิงครับ มึงจองเอง จ่ายเงินเอง เลือกแพ็คเกจเอง แล้วเสือไม่อ่านเงื่อนไขละพี่ แถมอธิบายง่าย ๆ ยังไม่ยอมเข้าใจ สุดท้ายคืออยากได้อาหารเช้าฟรี
วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556
ตอน The Net สัญญาณอินเตอร์เน็ตนรก
ตอน The Net สัญญาณอินเตอร์เน็ตนรก
เรื่องเริ่มต้นขึ้น ณ เวลาประมาณ 3
ทุ่มเห็นจะได้ไม่ขาดไม่เกินครับ ผมได้รับแจ้งจากทางน้อง Operator
ว่ามีแขกห้องหนึ่งไม่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ เนื่องจากว่าเขาเชื่อมต่อ
สัญญาณแล้วมีปัญหาการ connect ระหว่างสัญญาณอินเตอร์เน็ตของโรงแรมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขา
ทันทีที่ได้รับรายละเอียดปัญหาเนี่ยนะครับจากประสบการณ์อันน้อยนิดของผมที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการไอทีและเคยได้รับการบอกเล่าจากเหล่าพนักงาน
IT ต่าง ๆ กรณีที่แขกไม่สามารถต่อสัญาณกับอินเตอร์เน็ตได้เนี่ยจะมีอยู่หลัก ๆ 2
ปัญหาครับอันดับแรกคือแขกเปิด Firewall ซึ่งเป็นโปรแกรมต่อต้านไว้รัส ไว้ในระดับที่สูงมั่ก พอ ๆ กับตึกใบหยก 2 ตึกต่อรวมกันซึ่งทำให้ ระบบการให้บริการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตของทางโรงแรมเนี่ยไม่สามารถ เข้าไปทำการเชื่อมต่อกับตัวเครื่องของแขกได้เพราะระบบดังกล่าว จะทำการป้องกันการเชื่อมต่อสัญญาณที่นอกเหนือจากที่แขกได้เคยทำการเชื่อมต่อมา
เช่น แขกเคยเล่นอินเตอร์เน็ตที่บ้านหรือที่ทำงานและใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตของที่บ้านหรือที่ทำงานโปรแกรม
Firewall (ไม่ใช่กำแพงไฟนะ)ได้ทำการบันทึกและตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่า “เออ มึงผ่านมาเชื่อมกับกูได้เลย ไม่มีไวรัสนี่ เค ๆ เข้ามาเลย”
แต่กลับกันพอเวลาที่แขกมาพักที่โรงแรมโปรแกรม Firewall
ยังไม่เคยได้ตรวจสอบระบบของทางโรงแรม ว่ามีไวรัสหรือเปล่า
หรือมีแนวโน้มการเชื่อมต่อเพื่อขโมยข้อมูล ในคอมพิวเตอร์ของแขกจำพวก
เอกสาร ไฟล์ ภาพหรือคลิ๊ปต่าง ๆ มั้ย ทีนี้มันก็จะไม่ยอมรับการเชื่อมต่อครับหรือออกแนวไล่เลยว่า “อย่ามานะตัวเอง เค้าไม่รู้จัก ไปไกล ๆ เลย ชิ้ว ๆ”
ทีนี้ถ้าเกิดแขกจะทำการเชื่อมต่อเนี่ยแขกจะต้องทำการลดระดับความสัมพันธ์
เอ้ย ไม่ใช่ ลดระดับการป้องกันของ Firewall จากระดับสูงปี๊ดเท่าตึกใบหยกมาเป็นระดับกลางพอ
ๆ กับเสาไฟฟ้าหรือระดับต่ำสุดพอ ๆ กับกำแพงหมู่บ้านแทนเพื่อให้โปรแกรม
Firewall ลดตัว เอ้ย ระดับความเข้มข้นของการตรวจสอบจากวรรณะที่สูงกว่ามาสู่วรรณะที่เท่าเทียมกันทางสังคม
และอนุญาติให้คอมพิวเตอร์ จัดการเชื่อมต่อกับระบบ อินเตอร์เน็ต ของทางโรงแรม ได้
ส่วนกรณีที่สองที่ทำให้แขกไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ก็คือแขกที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่เป็นของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแขก
Corporate ที่มาอาศัยและทำงานในเมืองไทย ประมาณว่าบริษัทต่างชาติที่มีสาขาอยู่ในเมืองไทยส่งตัว
มาดูแลกิจการในไทยแล้วทางบริษัทเอาโน๊ตบุ๊คมาไว้ให้ใช้ทำงาน
(แต่บางทีกูก็เห็นแอบดูรูปสาวกันนะโว้ย)
ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สูงมั่ก ๆ ถึงมากที่สุด
โคตรพ่อโคตรแม่ระบบรักษาความปลอดภัยปานว่ากลัวใครจะมาจารกรรมข้อมูลแห่งชาติเพราะเนื่องจากในคอมพิวเตอร์ที่แขกนำมาใช้นั้น เป็นของบริษัทซึ่งมีข้อมูลทางการค้าและรายละเอียดมากมายร้อยแปดอย่างที่เกรงว่าหากคู่แข่งทางการค้าได้ไปอาจเป็นอันตรายต่อกิจการของตัวเองถึงขั้นล้มละลายได้เลยนะเว้ย
ปกติถ้าแขกใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อ กับระบบอินเตอร์เน็ตที่โรงงานหรือที่บริษัทก็จะสามารถใช้งานได้ปกติเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาล้วงลับตับแตกข้อมูลอะไร
หรือถ้าโดนล้วงไปก็สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเอาไป เอาไปที่ไหน เอาไปเมื่อไหร่
และวันไหนจะเอามาคืน
แต่กลับกันเมื่อแขกมาใช้งานที่โรงแรมแล้วจะเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตของทางโรงแรม
คอมพิวเตอร์ของแขกจะทำการล็อคสัญญาณและปฏิเสธการเชื่อมต่อทุกกรณีแบบไม่ต้องเสนอหน้ามาเลยนะกูไม่เอา
เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวแขกคนเดียวแต่มันรวมถึงบริษัททั้งบริษัท
ทีนี้ถ้าเกิดเวลาที่แขกจำเป็นจะต้องใช้จริง ๆ ประมาณว่าทำงานไม่เสร็จในเวลาเพราะอู้บ่อยประเภท
เช้าสาย บ่ายหลับ กลับเร็ว จนต้องหอบงานเอากลับมาทำต่อหลังเลิกงาน
แขกก็จะต้องแจ้งให้บริษัททราบเพื่อทำการตรวจสอบสัญญาณของทางโรงแรมก่อนว่าปลอดภัยต่อการแฮ็คข้อมูลหรือมีไวรัสอะไรแอบแฝงมาหรือเปล่า
ก่อนที่จะทำการปลดล็อคเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของแขกสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ตของทางโรงแรมได้
สำหรับทางแก้ไขปัญหานี้เนี่ยสำหรับกรณีแขกที่มีปัญหาการเชื่อมต่อเคสแรกที่เกิดจาก
Firewall เนี่ยไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไหร่เพราะแขกพอจะเข้าใจ ได้เวลาที่เราอธิบายให้เขาฟังว่าทำไมเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ได้ ที่สำคัญมันสามารถแก้ไขได้ทันทีและรวดเร็วโดยไม่ต้องรอแผนก
IT (ที่บางทีตามตัวยากมากหรือบางทีปัญหาชอบเกิดหลังจากที่ พวกเขาเลิกงานไปแล้ว)
แต่ปัญหาการเชื่อมต่อไม่ได้ในกรณีที่สองเนี่ยอันนี้อาจต้องอธิบายกันยาวเป็นมหากาพย์ไตรภาคกันเลยทีเดียวว่าทำไมถึงเข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้แล้วยิ่งแขกบางคนพูดภาษอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงแล้วด้วยเนี่ย
ยาวครับงานนี้ร้อยทั้งร้อยแขกชอบคิดว่า “ทำไมตอนอยู่บริษัทชั้นยังใช้งานได้เลย
ทำไมโรงแรมยูใช้ไม่ได้” หรือไม่ก็ชอบถามย้อน
“ทำไมต้องติดต่อบริษัทให้ปลดสัญญาณด้วย ใช้เลยไม่ได้หรือไง” ซึ่งกว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้เนี่ยต้องใช้เวลานานถึงนานมาก
อธิบายกันจนบางทีไม่เข้าใจทะเลาะกันไปก็มี
ที่สำคัญศัพท์ที่ใช้เวลาอธิบายเนี่ยก็เป็นภาษาคอมพิวเตอร์แขกบางคนก็ไม่เข้าใจ
ไอ้ครั้นจะหาคำอื่นมาอธิบายก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะพูดยังไง
กรณีที่ผมเจอวันนี้เนี่ยหลังจากที่ได้รับแจ้งปัญหาผมก็จัดการไปหยิบ
Correspondance ของแขกมาดูก่อนว่าเป็นใครมาจากไหน เชื้อชาติอะไรเป็นแขก
corporate หรือเปล่าหลังจากตรวจสอบรายละเอียดแขกแล้วก็ไม่พบ ปัญหาการทุจริตใด ๆ
ครับ แต่มันทำให้ผมทราบว่าแขกไม่ใช่แขก Corporate แต่ที่หนักกว่านั้นครับ
แม่งเป็นเจ้าของบริษัทเลยครับแถมอยู่เป็นเดือนอีกต่างหาก เอาแล้วซิกู
ไปไงดีวะเนี่ยนี่ก็ 3 ทุ่มและ IT แม่งกลับบ้านไปหมดแล้วด้วยจะหันหน้าไป
พึ่งใครดีวะเดินไปไหว้ศาลหน้าโรงแรมนี่ท่านจะออกมาช่วยกูได้มั้ยวะเนี่ย
ตัวกูเองแม่งก็ไม่ได้เซียนคอมพิวเตอร์ซะด้วย ขณะที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้นน้อง
GSA ที่เข้ารอบด้วยกันได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง โทรตรงลงมาที่
counter เลยครับ และเหมือนฟ้าเป็นใจก่อนที่น้อง GSA จะวางหูไปผมได้ยินประโยคคลาสสิคสุดยอดอมตะนิรันดร์การ “ Of course
sir! My Manager will call your back. Sorry for your inconvenience” ประมาณว่า “เดี๋ยวชั้นให้ผู้จัดการโทรกลับนะตัวเอง” เฮ่อ ๆ
รับประกันได้ว่าถ้ามีประโยคนี้นำหน้าแม่งไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนพอวางหูเสร็จมันเดินมาหาเลยครับน้องผม
“พี่ครับ แขกห้อง 1205
มีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ตต่อไม่ได้ครับเขาบอกว่าแจ้งมาแล้วยังไม่มีใครขึ้นไปเลยพี่”
อยากบอกมันกลับไปเหลื๊อเกินว่า
กูเนี่ยก็อยากรีบขึ้นไปหรอกนะถ้าเกิดว่ากูเนี่ยเกิดมาเป็นลูก บิล เกตต์
ที่แม่งรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทู้กเรื่องแต่เนี่ยกูเป็นแค่พนักงานโรงแรมธรรมดาเนี่ย
แล้วแม่งจะเอาข้อมูลเรื่องคอมพิวเตอร์อะไรไปช่วยแขกวะ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ต้องรีบขึ้นไปครับเพราะไม่ว่าจะยังไงต้องให้แขกเห็นหน้าก่อนเดี๋ยวหาว่าไม่สนใจ
(ขี้งอนนะมึงเนี่ย) ไปถึงผมก็เคาะประตูห้องเลยครับพร้อมทำท่าทางให้น่าเชื่อถือมาก
ออกแนวมืออาชีพเลย แขกก็เดินมาเปิดประตูให้เสร็จเรียบร้อยพอเข้าไปในห้องครับ
แม่เจ้า นี่กูนึกว่ากูอยู่ในสำนักงาน google
หรือเปล่าวะเนี่ย นี่มึงมาพักผ่อนหรือมึงย้ายสำนักงานมาไว้ที่โรงแรมกูวะ
บนโต๊ะในห้องตอนนี้ประกอบด้วย โน๊ตบุ๊ค 4 ตัวแถม 1 ในนั้นเป็นของ Apple
ที่มีระบบปฏิบัติการ IOS ซึ่งเป็นการใช้เฉพาะกลุ่มและขอบอกว่า “กูไม่ใช่
1 ในกลุ่มนั้นแน่เพราะนอกจากไม่มีเงินซื้อของยี่ห้อนี่ที่แพงบรรลัยแล้ว
โปรแกรมนี้เนี่ยไม่เคยผ่านตาผ่านใจหรือผ่านมือมาก่อน
ฉะนั้นความรู้โปรแกรมนี้จึงเป็นศูนย์ไปโดยปริยาย”
เท่านั้นไม่พอยังมีโทรศัพท์มือถือ Smart phone อีก 3 เครื่องออนไลน์อยู่ โอ้โหนี่มึงเป็นเจ้าพ่อ กสท. ป่ะเนี่ย
ช่วงที่กำลังตะลึงตึงตึงอยู่นั้นแกก็เดินมาหาเลยครับแล้วก็จัดเต็มครับบรรยายหมดว่าปัญหามันเป็นอะไร
ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วจะเอายังไง ที่สำคัญแกบอกว่า
“ชั้นเสียเงินไปกับการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ได้ที่โรงแรมเธอเป็นหมื่น ๆ
เหรียญแล้วนะ” เอาแล้วซิครับมีปัญหาไม่พอยังมากดดันกูอีก IT กูเป็น
Manager ก็จริงแต่ก็ไม่ได้ Got Talent
เก่งแม่งทุกอย่างซะด้วย ส่วนไอ้คนที่รู้เรื่องและทำได้แม่งก็กลับบ้านไปหมดแล้วด้วยโทรหา
ก็เสือกไม่รับสักคน ความรู้คอมพิวเตอร์กูก็มีเพียงแค่ชั้นป.4
ซึ่งถ้าดูแล้วเนี่ยไม่น่าจะแก้ปัญหาให้มึงได้เลย แต่ก็ยังใจดีสู้เสือครับผมก็เริ่มต้นเช็ค
Firewall ของคอมพิวเตอร์ทุกตัวว่าอยู่ในระดับใดไอ้เครื่องอื่นเนี่ยไม่มีปัญหาครับ แต่พอมาเจอไอ้เครื่อง Apple ใบ้แดกส์ครับพี่น้องไปไม่เป็นเลยครับจะกดตรงไหน จะพิมพ์ยังไง Program
อยู่ที่ไหนไม่รู้จริงๆ ครับคิดในใจ จะบอกมันไงดีวะถ้าบอกว่าเช็คไม่เป็นเดี๋ยวมันก็หาว่ากูเชยอีก หรือถ้าดั้นด้นไปเช็คเกิดผิดพลาดคอมแม่งเจ๊งขึ้นมาสงสัยกูคงต้องกลับ บ้านนอกไปเลี้ยงควายแน่อารมณ์เหมือนขับรถไปแล้วเจอทางตันอ่ะครับไปไหนไม่ได้
แต่เมื่อคิดดีแล้วว่ายังไงก็ยังไม่อยากกลับบ้านนอกตอนนี้ ผมก็เลยบอกแกไปตรง
ๆ ครับว่า “ฉันไม่เคยใช้โน๊ตบุ๊คของ Apple นะ
เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เช็คเครื่องนี้ให้ยูนะ ถ้ายูจะเช็คเดี๋ยวพรุ่งนี้พนักงาน IT
มาฉันจะให้เขาขึ้นมาดูให้”
เหมือนจะเป็นโชคดีอย่างเดียวในความซวยของผมครับ แกพยักหน้าแล้วเดินมาปิดโน๊ตบุ๊ค
Apple เก็บเข้ากระเป๋าพร้อมบอกว่า “Don’t worry it not important”
เอาโว้ยโชคดีไปขจัดปัญหาไปได้และ 1 แต่แม่งเหลืออีก 3 ผมเริ่มต้นเช็คระบบ
Firewall ทีละเครื่อง ๆ
ครับแล้วก็พบว่ามันถูกตั้งอยู่ในระดับปานกลางที่สามารถเชื่อม
ต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ทั่วไป ทีนี้มันก็เหลือปัญหาเดียวครับคือบางทีแกอาจจะใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คของบริษัทอยู่ก็ได้เลยทำให้ต่อสัญญาณไม่ได้
คิดได้ผมก็เลยหันไปถามแกว่า “อันนี้ยูใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทหรือเปล่า”
ภาวนาให้ตอบว่าใช้ครับเพราะผมจะได้พบทางออกโดยการให้แกติดต่อกลับไปที่บริษัท
(ออกแนว ไปให้พ้นกูก่อนเป็นดี) แล้วสั่งปลดล็อคระบบเพื่อทำการเชื่อมต่อสัญญาณ
แต่คำตอบที่ได้มาจากแกทำให้ผมแทบจะโดดตึกตายครับ “No I’m not. This is my
personal computer” หมายความแว่
อันนี้อ่ะคอมกูส่วนตัวโว้ยสาดดดซื้อเองไรเองรวยไงมึง ไม่ใช่ของบริษัท จบครับ จบเลย
เอาไงล่ะกู สัญญาณอินเตอร์เน็ตโรงแรมก็ปกติ Firewall
ก็ปกติแล้วทำไมมันต่อไม่ได้วะผมก็ลองดูนั่นดูนี่ดูโน้นไปเรื่อย ๆ
ตามความรู้น้อยนิดที่ผมมีอ่ะนะครับว่าทำไมมันถึงต่อไม่ได้จนเวลาผ่านไปประมาณ 30
นาทีซึ่งถือว่านานมาก แกเริ่มหงุดหงิดครับเดินมาถามเลยเสียงดังด้วยว่า
“เสร็จหรือยังชั้นจะได้ทำงาน นี่นานแล้วนะ” เอาและครับ
บรรยากาศเริ่มขุ่นมัวและก็แม่งจะเสร็จได้ไงวะก็กูทำไม่เป็นพนักงาน IT โทรไปก็เสือกไม่รับอีกเมื่อไม่รู้จะทำไงผมก็บอกแกไปตรง ๆ
อ่ะครับว่าผมเช็คเรียบร้อยแล้วทุกอย่างปกติแต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อมต่อสัญญาณไม่ได้
เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้า IT มาจะให้รีบมาดูอาการให้ได้ไหม
ยังไมทันจะพูดจบครับแปลงร่างเลยครับทีนี้มาเต็ม เลยครับ พื้นห้องตอนนี้กลายเป็นพื้นที่การเกษตรไปหมดแล้ว
ฟักอย่างนั้น ฟักอย่างนี้ เดินไปบ่นไป ตบโต๊ะโวยวาย ทุ่มหนังสือเอามือกุมหน้าปานว่าชีวิตดับสลายไปแล้ว
ที่สำคัญเดินมาด่าผมอีก “ยูต้องทำให้ได้เพราะชั้นจำเป็นต้องทำงาน
ทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย” อ้าวนี่มึงไม่เข้าใจหรือนี่
กูก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้นี่ว่ากูทำไม่เป็นมึงจะให้กูทำอะไรอีกอ่ะให้กูยืนไว้อาลัยให้มั้ยกูทำได้นะพวงหรีดมา
หรือจะให้กูทำจนพังเลยมั้ยอ่ะพูดไม่พูดเปล่าครับเอามือพลักผมให้หันหน้าเข้าหาโน๊ตบุ๊คอีกแล้วเร่งให้ทำอยู่นั่นแหละ
ตอนนี้ผมก็เริ่มมีอารมณ์นิด ๆ
และครับเพราะมันเริ่มมีมาถูกเนื้อต้องตัวและอยากบอกว่ากูไม่ง่ายนะมึง
(แต่ได้ไม่ยาก) จำไว้เลยนะครับว่าไม่ว่าคุณจะโมโหหรือโกรธกับปัญหาความไม่สะดวกที่
ไม่ได้รับกับทางโรงแรมแค่ไหน คุณต้องเข้าใจไว้ด้วยว่าบางปัญหามันไม่ได้มาจากพนักงานหรือมาจากพนักงานคนอื่นซึ่งไม่ใช่คนที่เขากำลังมาช่วยคุณ
ส่วนใหญ่คนที่เขาไปหาคุณเนี่ยเขาขึ้นไปเพราะมีหน้าที่แก้ไขไม่ได้ไปให้คุณระบายอารมณ์
คุณจะด่าจะว่าอะไรเขาก็ได้แต่คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวหรือทำร้ายร่างกายเขาไม่งั้นคุณก็จะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายได้
ตอนนี้ผมยังควบคุมอารมณ์ได้อยู่อ่ะนะครับผมก็พยายามคิดถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต
ที่เคยพบเจอมาหลาย ๆ
ปัญหาเพื่อจะหาทางออกดูว่ามันจะเอามาใช้กับการแก้ไขครั้งนี้ได้ไหมซึ่งมันก็ต้องใช้สมาธิมากเหมือนกัน
แต่ในขณะคิดไปมันก็ยังเดินไปเดินมาเอะ อะ โวยวายในห้องอยู่อย่างนั้นอ่ะครับ
บ่นแม่งไปเรื่อยแถมก็ยังปลูกผักไปด้วย ฟักอย่างนั้น อย่างนี้ไปอีกเป็นไร่ (ปลูกมากไประวังราคาตกนะมึง
รัฐบาลเขาไม่รับจำนำฟักนะ)
ในขณะที่ผมคิดอยู่นั้นมันมีแว้บนึงในความคิดขึ้นมาครับเกี่ยวกับปัญหานี้ซึ่งเพื่อนผมเนี่ยเคยบอกไว้ว่า
โน๊ตบุ๊คบางตัวจะมีปุ่มกดเปิดปิดการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะผ่าน Wifi
หรือ สาย Cable ให้เราหาปุ่มนั้นบน Key borad หรือข้าง ๆ
เครื่องแล้วเปิดมันซะเท่านั้น
เราก็จะสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้และเหมือนเป็นโชคดีครับ
ที่คอมพิวเตอร์หน้าผมตอนนี้แม่งเป็นยี่ห้อเดียวกันหมดเลยครับพี่น้องครับ
ผมจึงจัดการหาเลยครับว่ามันอยู่ตรงไหน บอกตามตรงว่าลุ้นให้มันมีมาก ๆ
เพราะถ้าหากไม่มีกูก็ไม่รู้จะทำยังไงและ ที่สำคัญคงโดนฟักถล่มอีกเป็นชุด ๆ
หาอยู่สักพักครับเหมือนสวรรค์มาโปรดเจอจริง ๆ ครับเป็นปุ่มเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ
เครื่องและมีเครื่องหมายเสาอากาศกระจายสัญญาณกำกับอยู่ด้วยด้วยความมั่นใจครับว่ามันต้องใช่
ต้องใช่แน่ ๆ ผมเลยลองเปิดดูครับ อ้อ
ลืมบอกไปช่วงที่กำลังดำเนินการอยู่เนี่ยแม่งยังไม่เลิกบ่นเลย
นี่มึงจะบ่นเอาโล่ไงวะ จากนั้นผมก็ลองเชื่อมต่อสัญญาณใหม่และลองเข้าเว็บไซต์ดู
ปรากฏว่าเข้าได้ครับ โอ้พระเจ้ายอดมันจอร์จ มากผมรีบโชว์ผลงานให้มันทันทีครับ
(ที่ตอนนี้กำลังสวมบทชาวไร่ปลูกผักอยู่เลยครับ)
ใจเนี่ยอยากจะเดินไปจูงจมูกมาดูจริงๆ
แล้วบอกมันไปในตัวพร้อมนั่งป้อนหญ้าให้ด้วยว่า “เครื่องโน๊ตบุ๊คมึงเนี่ยมันมีปุ่มเปิดปิดสัญญาณเน็ตอยู่นะ
มึงต้องเปิดมันก่อนนะถึงจะต่อได้ไม่ได้มีตังค์ซื้ออย่างเดียวนะ ศึกษาบ้าง
ข้าวน่ะกินบ้างนะอย่ากินแต่หญ้า”
แล้วเนี่ยคอมพิวเตอร์มันเองเนี่ยทำไมไม่รู้จักสังเกตุวะหา
พอเห็นว่าใช้เน็ตได้มันดีใจใหญ่เลยครับ
รีบกระโดดกอดผมใหญ่เหมือนเด็กได้ของเล่นก็ไม่ปาน ผมก็ได้แต่ยิ้มแหย๋ๆ
พอมั่นใจว่าใช้ได้แน่นอนแล้วผมก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อครับ
มันก็ตามมาส่งถึงหน้าห้องเลยครับ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน
เอาครับ ความสุขของแขกตบท้ายด้วย 500 บาทอภินันทนาการจากชาวไร่ฟักทองครับ
วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556
หมีขาวเฮียๆ กูเพลียจริงๆ
เรื่องมีอยู่ว่าด้วยโรงแรมที่เพิ่งเปิดและใหญ่โตมโหฬารบานตะเกียงปานว่ากูเนี่ยใหญ่โตที่สุดแล้วเนี่ยแต่มีพนักงานรับเช็คอินท์เช็คเอาท์รอบละสามคน ขาดตัวไม่มีต่อ ทีนี้ด้วยจำนวนพนักงานที่น้อยนิดเท่าจิ๋มมดเนี่ยมันก็ทำให้การทำงานไม่ทั่วถึงเป็นธรรมดาออกแนวทั้งชีวิตเราแลดู (ไม่ได้ดูแลนะ) และแล้วมันก็เกิดเรื่องจนเมื่อเช้าวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าเดินทางมาเข้าเวร(ปานว่ากูเป็นยามงั้นแหละ) ปรากฏร่างเงาอันใหญ๋โตคาดว่าน่าจะพอๆ กับลูกช้างตัวหนึ่งเดินคลืนคลานเข้ามาที่เคาน์เตอร์พร้อมประกาศก้องเกี่ยวกับความประสงค์ของเค้าด้วยเสียงดังมาก ขอย้ำว่ามากจริงๆ "Check Out" สั้นๆ แต่ได้ใจความว่ากูจะไปแล้วนะเว้ยช่วยเก็บตังค์กูหน่อยกูรวยและอยากจ่ายมาก สันนิษฐานจากสำเนียงออกแนวคันหูไม่รู้เป็นอะไร๊ เอ้ย คันทรี่ออกแนวชนบทๆ นิดส์นุงแบบว่าแถวบ้านสามจียังเข้าไม่ถึงอ่ะนะ แขกท่านนี้น่าจะมาจากดินแดนหมีขาว(แต่กูว่าหมีขาวเนี่ยน่ารักกว่ามึงเยอะเลย) แน่นอนเพราะด้วยความมั่นใจปานว่าซ้อมประโยคนี้มาทั้งคืนแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะอยากให้ทั่วโลกรู้ว่า "กูพูดอังกฤษได้นะมึง ไม่ใช่เยี่ยวๆ" เพราะมาถึงก็ซัดซะดังก้องขนาดนั้นออกแนวกลัวคนไม่รู้ว่ากูจะ เช็คเอาท์แล้วนะช่วยมาปูพรหมแดงให้กูหน่อย โดยปกติตามชาติพันธุ์แล้วแขกจากประเทศนี้จะมิพูดภาษาอังกฤษเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะเนื่องจากเขาจะค่อนข้างเป็นชาตินิยมมากกกกก คือออกแนวกูไม่เอาใครเลยเว้ยเพราะกู(ตัว)ใหญ่ ขึ้นรถสองแถวทีคนอื่นเขานั่งกับหุบๆ เผื่อที่ให้คนข้างๆ ได้นั่งด้วยบ้างแต่อิพวกนี้แม่งนั่งกางขาซะกูนึกว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากโต หลังจากที่รับแจ้งความประสงค์ผมจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุคือเคาน์เตอร์เช็คอินท์แล้วทำการเอาเอกสาร(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องให้ทำไมเพราะดูท่าพวกพี่แกไม่เข้าใจภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่เลย) พลันหลังจากที่เธอทั้งสองรับบิลไปดู เนื่องด้วยแขกผู้มีเกลียดสองท่านนี้เนี่ยอยู่นานมากเกือบๆ สองอาทิตย์ทำให้ค่าใช้จ่ายมันเยอะมากในรายการบิลที่โพสต์เข้าไป แล้วทั้งสองก็ไปสะดุดอยู่ตรงรายการค่าอาหารรายการหนึ่งซึ่งยอดมันเยอะเป็นจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นบาทถ้วน ไม่ขาดไม่เกินและด้วยความที่ออกแนวเป็นคุณนายละเอียดนิดๆ ชะนีน้อยหอยสังข์จึงสะกิดต่อมสามีและบ้วนลมปากออกมาเป็นภาษาบ้านเขานั่นแหละแต่จับใจความจากท่าทางที่ไม่รู้ว่ามดไปกัน...มันหรือไงได้ว่า "นี่ๆ ซะมีข๋า เดี้ยนว่ารายการนี้เราสวาปามเข้าไปด้วยเหรอคะ ทำไมมันแพงจังตั้งเป็นหมื่นแน่ะ เรากินจริงเหรอ เรากินหรือเปล่า" และด้วยความที่อยากเป็นพ่อบ้านยอดประหยัดและออกแนวเป็นผู้ปกป้องภรรเมียสุดเลิฟ สามีตีตราจึงจัดให้เลย "ชั้นขอดูบิลค่าใช้จ่ายอันนี้หน่อย" หึ เอาแล้วไงกูงานเข้าแต่เช้าเลยสาดดด มึงอยู่เป็นอาทิตย์บิลค่าใช้จ่ายมึงนี่กูเก็บไว้ในแฟ้มจนแม่งป่องอย่างกับคนท้องสิบเดือนและนี่ถ้ามึงอยู่ต่ออีกสองสามวันกูว่าไฟล์กูระเบิดแน่ บิลมึงทั้งหมดเนี่ยกูว่ารวมกันแล้วแม่งเท่ากับไปรษณีย์ทายผลแชมป์บอลโลกเลย กูว่ามึงมาลองหาแบบตอนเค้าจับรางวัลดีมั้ยเอาแบบ "ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติมาร่วมจับสลากทายผลว่า เอ๊ะ บิลนี้อยู๋ไหนเอ่ย" จากนั้นก็ให้พนักงานโยนบิลขึ้นไปให้มึงเสี่ยงหยิบเอาดีมั้ย แต่จนแล้วจนรอดผมก็ต้องหาให้มันครับ หาอยู่นานมากถึงมากที่สุดนี่กูอยากจะใช้ จีพีเอส หาบิลมึงจริงๆ แม่งจะเยอะไปไหนวะ แถมหาไม่เจออีกบางอันเจอแล้วแต่ยอดไม่ตรง บางอันมาจากห้องอาหารเดียวกันแต่ไม่ใช่ยอดเดียวกัน จนในทีสุดเมื่อเห็นว่ามันนานเกินและเริ่มจะเดือดร้อนแขกที่เขารออยู่เกือบเป็นสิบคนและแต่ละคนหน้าเริ่มบอกบุญไม่รับแล้ว ไอ้ครั้นหันไปจะให้ลูกน้องที่เหลือช่วยเหลือเนี่ยมองไปตอนนี้พวกมันก็อย่างกับปลาหมึกและหยิบบิลนั้นจ่ายคนนี้ เช็คอินท์คนนั้นเช็คเอาท์คนนี้ ผมจึงตัดสินใจครับ อ่ะกูยอม มึงแดกส์ฟรีไปเลยกูรำคาญและไม่ไหว พลันมันเสร็จสิ้นแขกสองคนนี้ไปครับหายไปสักพักหนึ่งประมาณสิบนาที ทีนี้มีมาอีกครับแบบเดียวกันพิมพ์เดียวกันเลยแต่คนละบล๊อกถามเหมือนกันทุกอย่างปานว่ามึงเพิ่งไปสูดดมกลิ่นอายของการได้แดกส์ของฟรีมาเหมือนกัน และก็เหมือนช่วงนี้เป็นขาลงของซุป ตาร์ฆ่าไม่ตายอย่างผมจริงๆ แม่งหาบิลค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็หาไม่เจอและก็เหมือนกับสวรรค์กลั่นแกล้งผมก็ต้องยอมให้มันแดกส์ฟรีอีกครั้งด้วยสถานการณ์ที่บังคับเป็นครั้งที่สองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเอาตีนล้วงคอไปเตะตับและเริ่มโมโหนิดๆ ว่าเฮ้ย ทำไมห้องอาหารมันโพสต์เข้ามาในระบบแต่บิลที่แขกเซ็นต์มันไม่มีวะ งงครับ งงมาก ออกแแนวพ่อไม่เข้าใจตุ้ม แต่ทันใดนั้นเองสายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้แขกสองคนที่มาครั้งและมันเดินมารับไอ้แขกคนนี้ที่ผมเพิ่งจะจัดการเช็คเอาท์เสร็จเหมือนเป็นการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองยังไงก็ไม่ปาน ทำให้ผมเริ่มจับเค้าลางได้ว่า "อ๋อ อิพวกนี้มันนิยมการตลาดแบบ เวิร์ดออฟเมาท์ หรือปากต่อปากนี่เอง มึงได้แล้วเลยพยายามขยายอาณาเขตโดยการเยี่ยวรด เอ้ย ด้วยการไปบอกคนอื่นใช่มั้ย ด้ายยยยยยเดี๋ยวเจอกรู" ใจนี่คิดไว้ตลอดว่ามาซิมึงถ้ามึงมาอีกทีนะทีนี้มึงเจอกรูแน่เดี๋ยวกูจะพามึงไปดูหนังเรื่องนี้เลย Shoot them up แปลเป็นไทยมันส์ๆ ว่า"ยิงแม่งเลย" และเหมือนสวรรค์ยังมีตาฟ้ายังมีใจมาอีกแล้วครับแขกจากชาตินี้ พิมพ์เดียวบล๊อคเดียวปัญหาเดียวและขอดูบิลแบบเดียวเหมือนกันเลย นี่มึงคลอดออกมาจากรูเดียวกันเลยป่ะเนี่ย แต่ขอโทษคราวนี้กูไม่ง่าย(แต่ได้ไม่ยาก) แล้วนะมึง ผมรีบตอบมันกลับไปเลยครับด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงพัทยาเลยครับว่า "ยูอยากขอดูบิลใช่มั้ย ได้ไอจะให้ดูรอแป๊บนะ แล้วผมก็หา หา หา หากันจนไม่เจอ ใช่ครับผมหาไม่เจอ แต่ถ้าผมให้มันแดกส์ฟรีอีกคนเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีกเป็นแน่แท้ ผมจึงบอกให้มันรอแล้วก็ทำอยู่แบบนั้นแหละครับ หาไปเรื่อยๆ ครับ จนเกือบยี่สิบนาที ทีนี้มันเริ่มอารมณ์ขึ้นนิดส์ๆ ครับทำท่าเอามือชี้นาฬิกาให้ผมดู (มึงจะชี้ทำไมวะกูก็รู้แล้วว่านี่มันนาฬิกา) ปานว่าชั้นรอนานแล้วนะชั้นสายแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามึงสายตรงไหนเพราะกรุ๊ปมึงเนี่ยกูเห็นรถแม่งมารับบ่ายสองโมงทุกคน แต่ผมก็ยังยืนยันเหมือนเดิมในใจคิดไว้แล้วครับว่า "ยูก็ต้องรอเพราะชั้นหาอยู่ ถ้าไม่รอก็จ่ายมา" และจากนั้นไปอีกสิบห้านาทีจนมันทนไม่ไหวครับ "โอเค ชั้นยอมจ่ายยอดนี้ก็ได้เพราะชั้นจะไปแล้ว" เรียบร้อยครับพี่น้อง ปิดจ็อบ กูชนะอีกแล้ววันนี้และที่สำคัญกูสามารถแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ เอ้ยแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์กินฟรีปากต่อปากได้แล้ว เสร็จสิ้นที่เก็บเงินเรียบร้อยแล้วการจากไปของพวกท่านเหล่านี้ ยังแอบเห็นนิดๆ ว่าอิแขกคนหลังสุดเนี่ยมีโวยๆ นิดๆ กับเพื่อนมันคงไปบอกว่า "ไหนมึงบอกว่าได้กินฟรีไงสาด กูจ่ายเต็มๆ เลยเนี่ย" สมแล้วล่ะมึ๊ง
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
รวมเรื่องราวสุดทรีนของคนโรงแรม
อาชีพคู่อริกับพนักงานโรงแรม
1. น้องค่ะพี่ทำงานสายการบินแห่งชา
2. ชั้นทำงานสารการบิน เยอรมัน จะขอให้ คลับ เลาจน์ ฟรีได้มั้ย (แล้วถ้ากูบินสายการบินมึงแล้วบ
3. พี่เป็น Agent มา Inspection โรงแรมน้องขอราคาพิเศษน๊ะค่ะ (พี่ไม่ถามผมสักคำเหรอครับว่าผม
4. พี่ไม่ได้จองมาแต่บริษัทพี่มี Contract อยู่ พี่ขอเรทนั้นเลยได้มั้ยค่ะ (ตอนเมิงมาน่ะ 3 ทุ่ม เซลส์กับ Reservation กลับบ้านหมดแล้ว ทีนี้กูจะเช็คกับใครล่ะ)
5. ชั้นทำงานสถานฑูต เธอมีเรตพิเศษอะไรให้ชั้นบ้าง (อ้าว เวลากูขอ VISA มึงไม่เห็นมีเรตพิเศษให้กูเลย รอคิวเป็นวัน)
6. ผมทำงานโรงแรมเหมือนกันผมรู้ว่า
7. ชั้นมีโรงแรมอยู่ที่ต่างประเทศ เธออัพเกรดให้ชั้นเดี๋ยวถ้าเธอไ
บางทีพนักงานโรงแรมก็ต้องตกอยู่ในสถานะ ""ความสุขที่แท้จริงคือการให้ ไม่ใช่การครอบครอง"
"ขอย้ายห้องได้มั้ยคะ"..ได้คับพี่
"อยู่ต่อขอราคาเดิมน๊ะคะ".ได้คับพี่
"อัพเกรดฟรีน๊ะน้อง"..ได้คับพี่
"ขอเน็ตฟรีน๊ะน้อง"..ได้คับพี่
...ให้หมดครับพี่ จน Service Charge ผมไม่เหลือแล้วคับ 5555...
ประโยคโกหกสุดคลาสสิค
1. พี่มาหลายครั้งแล้วไม่เชื่อคุณลองเช็คประวัติพี่ดูซิ (10 นาทีผ่านไป กูยังไม่เจอชื่อมึงเลย)
2. ผมไม่ได้เอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่มาเลย (ขับรถข้ามจังหวัดนี่เมิงไม่คิดพกเอกสารอะไรเลยไงวะ)
3. พี่ไม่ได้กินอะไรใน Mini Bar อะไรเลยค่ะ (ซากกระป๋องโค้ก ซากขวดน้ำ ซองช็อคโกแลตกองในถังขยะเต็ม เออ ไม่ได้กิน)
4. เมือวานคุยกับน้องผู้ชายเค้าบอกให้ Late Check out ได้ (ทั้งโรงแรมมีผู้ชายอยู่ 200 คน กูจะรู้มั้ยเนี่ยคนไหน)
5. น้องไม่ต้องอธิบายอะไรพี่เคยมาพักแล้วพี่รู้เอากุญแจกมา (ขึั้นห้องได้ 3 นาที โทรมา "น้อง ๆ น้ำฟรีอยู่ตรงไหน...เออ มึงเคยมาจริง ๆ )
6. ชั้นซื้ออินเตอร์เน็ตไปตอนนี้เล่นไม่ได้มีปัญหาเธอต้องคืนเงินชั้น (ซื้อแพ็คเกจ 1 วันตั้งแต่เมื่อวาน ข้ามวันไปและเพิ่งบอกมีปัญหา นี่กูไม่ได้กินหญ้าน๊ะเว้ย)
คำถามสุดคลาสสิคที่ไม่น่าจะถามเวลามาเช็คอิน
1. พี่ขอ Late Check Out ได้มั้ยค่ะ (ผมว่าพี่เช็คอินท์ก่อนดีมั้ยครับ ยังไม่ได้ขึ้นห้องเลยน๊ะ)
2. ทำไมของพี่จอง agoda ไม่ได้อาหารเช้าค่ะ (ตอนจองกูไปนั่งอยู่กับเมิงมั้ยเนี่ย)
3. อัพเกรดให้พี่ได้มั้ยค่ะ (พี่ช่วยเหลือกตาดูเรทพี่นิดนึงน๊ะคับ จ่ายสองพันจะอยู่ห้องสองหมื่น)
4. พี่รู้จัก GM ค่ะ (แล้ว GM เค้ารู้จักพี่มััยคับ)
5. ทำไมห้องมองไม่ค่อยเห็นทะเลค่ะ (นอนดาดฟ้าเลยดีมั้ยพี่)
คำขวัญการประสานงานหว่างแผนก
ทะเลาะเรื่องบิลคือ ฟร้อนท์ กับแม่บ้าน..ทะเลาะเรื่องอาหารเป็น เอฟบี กับ ครัว...ทะเลาะแบบไม่รู้ตัวคือ ฟร้อนท์ กับบัญชี...ทะเลาะกันทุกทีคือ แม่บ้านกับช่าง...ทะเลาะกันแล้วดัง คือบัญชีกับเซลส์...ทะเลาะแล้ว Fail คือทะเลาะกับแขก...ทะเลาะกันแล้วไม่แยกต้องไปจบที่ HR...แต่ถ้ายังมีปัญหา GM ก็จะมาเอย....
คำขวัญให้แขกโรงแรม
Good room Good View จะเป็นอินเดีย..ถ้าเป็นออสเตเลียต้อง Good Service...แต่ถ้า Good Tip ก็เป็น อเมริกา..จองแล้วชอบไม่มามักจะเป็น รัสเซีย...มาเช็คอินแบบเพลีย ๆ จะเป็น เกาหลี...บัตรเครดิตชอบไม่มีจะเป็นอาหรับ....ใคร ๆ ก็อยากรับจะเป็น Japan..แต่ถ้ามาแบบไม่มีแพลนจะเป็นพี่ไทยนี่แหละ...จบ
คำขวัญงานโรงแรม
อยากโดนแขกด่าให้เป็น G.S.A........อยากเจอพนักงานเกเรให้เป็น HR
ถ้าอยากเป็นนางฟ้าให้เป็น G.R.O......อยากได้ทิปเป็นโหลให้ไปเป็น Bell
ก่อนที่จะเป็น Sale ให้เป็น Reservation...แต่ถ้าคิดว่ามั่นก็เป็น PR..อยากเจอดาราให้เป็น Mraketing...ถ้าคิดว่าแน่จริงก็ให้เป็น GM ไปเลย..จบ
จากใจที่อยากบอกจริง ๆ
ความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด
1. "น้องคะห้องพี่ไม่ค่อยเห็นทะเลเ ลยอ่ะค่ะ มีสูงกว่านี้มั้ยค่ะ" (พี่ครับห้องพี่อยู่ชั้น 10 แล้ว สูงกว่านี้ก็ดาดฟ้าแล้วครับ"
2. "น้องค่ะ Late check out ได้ บ่าย 2 โมงเองเหรอค่ะ บ่าย 3 ได้ม่ะ" (งั้นพี่นอนฟรีไปอีกคืนเลยละกัน คับ"
3. "น้ำเปล่าฟรี 2 ขวด พี่ขอเพิ่มอีก 4 ขวดได้มั้ยค่ะ" (ผมว่าผมออกไปซื้อ เซเว่น ให้พี่ก็ได้ครับเอาสักแพ็คเลยมั ้ยคับ)
4. " อาหารเช้าให้ฟรีแค่ 2 คนเองเหรอ เด็กอีก 2 คนให้ฟรีด้วยได้มั้ย" (หึ ลูกพี่คนแรก 13 อีกคน 15 แถวบ้านไม่เรียกเด็กแล้วคับพี่)
5. "ห้องพี่เป็น ซิตี้ วิว อัพเกรดให้เป็น ซีวิว ได้มั้ย" (แล้วตอนจองทำไมพี่ไม่จอง ซีวิว ไปเลยล่ะคับ มันยากตรงไหน)
6. "พี่เคยมาพัก ขอราคาเหมือนครั้งที่แล้วน๊ะ ราคานี้สูงไป (ปีนี้ 2012 พี่มาพักเมื่อปี 2008 พี่จะไม่ให้ราคามันเปลี่ยนเลยใช ่มั้ยครับ)
7. "พี่อยู่ 3 วัน ทำไมให้ อินเตอร์เน็ตพี่ฟรีวันเดียวเองล ่ะ ขอ 3 วันเลยได้มั้ย" (พี่ครับ ราคานี้มันไม่รวมอินเตอร์เน็ต ให้ฟรี 1 วัน นี่ก็บุญแล้วน๊ะคับ)
8. "น้องค่ะ เสริมเตียงให้พี่ฟรีได้มั้ยค่ะ มากัน 3 คนน้องไม่ใส่ให้แล้วอีกคนจะนอนต รงไหนล่ะค่ะ" (ตอนจองเค้าก็ให้ใส่จำนวนคนนี่ค รับ แล้วพี่ไม่รู้เหรอครับว่าพี่จะม ากี่คน ตกลงคุยกันก่อนมามั้ยฮะ ปัญหาพี่น๊ะเนี่ย ไม่ใช่ปัญหาผมเล้ย)
นอกจากพนักงานโรงแรมเชนดังๆ ต้องระวัง "มิสทรี่ช็อปเปอร์แล้ว" ตอนนี้มีตำแหน่งใหม่ที่เราต้องร ะวังคือ "มิสอีนี่เยอะเว่อร์" ขอแม่งได้ทู้กอย่าง "ขอน้ำฟรีเพิ่มค่ะ" "ขออัพเกรดห้องฟรีค่ะ" "ขอเลทเช็คเอาท์ค่ะ" "ขอชั้นสูงๆ ค่ะ" "ขอห้องติดกันค่ะ" "ขออินเตอร์เน็ตฟรีค่ะ"...สรุปผ มว่าพี่นอนบ้านดีกว่ามั้ยฮะ ขอขนาดนี้ผมว่าพักฟรีเลยดีกว่าพ ี่นะ....
จริง ๆ แล้วอยากนำเสนอห้องพักสำหรับแขกเยอะ ๆ มาก เชิญพบกับห้องพักแบบใหม่"ดาดฟ้า สวีท" เพื่อขจัดปัญหา "พี่อยากได้ชั้นสูงๆ ค่ะน้อง" (อันนี้สูงสุดๆ เลยฮะพี่) "พี่อยากได้ห้องเห็นทะเลชัดๆค่ะ " ( ห้องนี้เห็นเต็มๆ เลยพี่ไม่มีใครบังวิวพี่เลยฮะ) "พี่อยากได้ห้องมีระเบียง" (อันนี้มียิ่งกว่าระเบียงอีกครั บ พี่จะโดดลงไปก็ได้น๊ะพี่) "ห้องมันเล็กน่ะน้อง อัพเกรดฟรีไปห้องใหญ่ได้มั้ย" (ห้องนี้ใหญ่มากครับ ทั้งชั้นมีพี่คนเดียวเลยฮะ)...จ องด่วนช้าหมดอด ซี วิว น๊ะฮ้าฟ
1. "น้องคะห้องพี่ไม่ค่อยเห็นทะเลเ
2. "น้องค่ะ Late check out ได้ บ่าย 2 โมงเองเหรอค่ะ บ่าย 3 ได้ม่ะ" (งั้นพี่นอนฟรีไปอีกคืนเลยละกัน
3. "น้ำเปล่าฟรี 2 ขวด พี่ขอเพิ่มอีก 4 ขวดได้มั้ยค่ะ" (ผมว่าผมออกไปซื้อ เซเว่น ให้พี่ก็ได้ครับเอาสักแพ็คเลยมั
4. " อาหารเช้าให้ฟรีแค่ 2 คนเองเหรอ เด็กอีก 2 คนให้ฟรีด้วยได้มั้ย" (หึ ลูกพี่คนแรก 13 อีกคน 15 แถวบ้านไม่เรียกเด็กแล้วคับพี่)
5. "ห้องพี่เป็น ซิตี้ วิว อัพเกรดให้เป็น ซีวิว ได้มั้ย" (แล้วตอนจองทำไมพี่ไม่จอง ซีวิว ไปเลยล่ะคับ มันยากตรงไหน)
6. "พี่เคยมาพัก ขอราคาเหมือนครั้งที่แล้วน๊ะ ราคานี้สูงไป (ปีนี้ 2012 พี่มาพักเมื่อปี 2008 พี่จะไม่ให้ราคามันเปลี่ยนเลยใช
7. "พี่อยู่ 3 วัน ทำไมให้ อินเตอร์เน็ตพี่ฟรีวันเดียวเองล
8. "น้องค่ะ เสริมเตียงให้พี่ฟรีได้มั้ยค่ะ มากัน 3 คนน้องไม่ใส่ให้แล้วอีกคนจะนอนต
นอกจากพนักงานโรงแรมเชนดังๆ ต้องระวัง "มิสทรี่ช็อปเปอร์แล้ว" ตอนนี้มีตำแหน่งใหม่ที่เราต้องร
จริง ๆ แล้วอยากนำเสนอห้องพักสำหรับแขกเยอะ ๆ มาก เชิญพบกับห้องพักแบบใหม่"ดาดฟ้า
วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บัตร AMEX ในมือควาย
เรื่องวันนี้เกิดขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งพักอยู่ในออฟฟิศ กับเวลคั่มดริงค์ น้ำตะไคร้ (กินแล้วยุ่งไม่กัด) จิบเล่น ๆ เพลิน ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงสวรรค์ (จริง ๆ มันเป็นเสียงนรกแหละ) ดังมา พอรับปุ๊บปลายสายเป็นเสียงน้องชาย(สาว) สุดที่รัก "พี่คับ เชิญข้างนอกหน่อยครับ" หึ มาและ ประโยคคลาสสิคนี้ นอกจากจะทำให้เกิดอาการหงุดหงิด กระวนกระวาย คลื่นเหียน อาเจียน เพราะไม่รู้ว่าต้องเจออะไรแล้ว มันยังทำให้ผมรู้สึกสับสนกับชีวิตไม่รู้ว่าจะเอายังไง จนเกือบคิดสั้นผูกคอตายใต้ต้นผักชีกันเลยทีเดียวและที่สำคัญมันพรากผมจากการกิน เวลคั่มดริงค์ น้ำตะไคร้อันแสนอร่อย (มาก).....ผมเดินออกมาหน้าเคาน์เตอร์พบชายชาวต่างชาติ (ขอสงวนสัญชาติน๊ะ ไม่อยากบอกว่าเขาเป็นสัญชาติอะไร เดี๋ยวโดนฟ้อง) สักพักน้องผมเริ่มอธิบาย"คืออย่างนี้คับพี่ แขกเค้าจะพา ผู้หญิงขึ้นห้องแต่น้องเค้าไม่มีบัตรประชาชน" เออ นั่นไง มาอีกและ ปัญหานี้ เอากูก็ไม่ได้ไปเอากะมึง ดูก็ไม่ได้ไปดูมึง จะขอถ่ายคลิปเก็บไว้ก็ไม่ได้ ตอนเช็คอินก็บอกแล้วว่าถ้าจะเอาใครมาให้ วางบัตรไว้แล้วขึ้นห้อง รู้ก็รู้ว่าชะนีตนนี้ไม่มี ID อาจเป็นชะนีผลัดถิ่นก็ได้ ก็ยังเสือกจะไปเอามาอีกตกลงมึงไม่เข้าใจตอนที่เค้าอธิบายใช่มั้ยเนี่ย สักพักผมก็เริ่มต้นอธิบาย ประมาณว่า ชักแม่น้ำทั้งห้า ท้องฟ้าทั้งหก นรกทั้งเจ็ด สวรรค์ทั้งแปด บลา บลา บลา ว่ามันขึ้นไม่ได้น๊ะเพราะเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ ยู แล้วไอ จะตามหาผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไรเพราะไม่มีอะไรเลย บางทียูอาจจะไปแทงผู้หญิงคนนี้แล้วเกิดผู้หญิงคนนี้มอมยายูแล้วรูดทรัพย์ไป ยูจะทำยังไง ร้อยล้านเหตุผลของคนถูกทิ้ง เอ้ย...ไม่ใช่ ที่ผมอธิบายและคิดว่าคนดี ๆ ย้ำนะคับว่า คนดี ๆ น๊ะครับเค้าคงเข้าใจ แต่มันไม่ใช่กับคุณกระบือตัวนี้ครับ เพราะพอคำอธิบายของผมจบลงเท่านั้น มันมาเลยครับ "Why อย่างนั้น Why อย่างโน้น Why อย่างนี้ Whyแดง Whyขาว Whyดำ ทำไมชั้นจะเอาขึ้นไม่ได้ ห้องของชั้น ๆ จ่ายเงินมา" คิดในใจว่า "เออ กูรู้ว่าห้องมึง มึงจ่ายเงินมา ไม่มีใครเค้าไปลากมึงมาพัก ไอ้กระบือน้อยหอยสังข์เอ้ย แต่กูไม่ได้บอกว่าไม่ให้ขึ้น กูบอกว่าให้มันไปเอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่มาก่อนแล้วทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วขึ้นไป ...แต่ดูเหมือนคำพูดผมกับความเข้าใจมัน เป็นสิ่งที่สวนทางกันมาก ประมาณว่าขับย้อนศรด้วยความเร็ว 120 กม./ชม กันเลยทีเดียว ทีนี้เพื่อความง่ายผมหันไปหา นางชะนี ตนนั้นแล้วถามหาเอกสาร "บัตรประชาชนไปไหนน้อง" หายค่ะพี่ มันตอบ "ใบขับขี่ล่ะ" หายค่ะพี่ มันตอบ "อ้าว แล้วทำไมไม่ไปแจ้งความ ไปแจ้งความแล้วเอาใบแจ้งมาให้ละกันแล้วจะให้ขึ้น" คือพี่คะพรุ่งนี้ว่าจะไปทำใหม่เลยค่ะพี่ แหม อยากจะพูดเหลือเกิน "เออ งั้นพรุ่งนี้มึงมาใหม่ละกัน" นี่บัตรประชาชนกับใบขับขี่นี่มึงปล่อยให้หายพร้อมกันสองใบเลยหรือไงว่า มึงคิดว่ากูกินหญ้าเป็นอาหารหรือไง จากประสบการอีพวกพูดแบบนี้มีสองประเภทคือ 1. ลืมเอามาเพราะไม่คิดว่าจะมีใครเอา กับ 2. หายจริง ๆ แต่ขี้เกียจไปแจ้งความมาตายเอาดาบหน้า กะว่าฟลุ๊คเค้าให้ขึ้น ที่อื่นมึงคงโชคดีแต่มาที่นี่มรึงพลาดแล้วมาเจอกรู เสือกทำให้กูโมโหด้วย บังอาจพรากกรูจากการกิน เวลคั่มดริงค์ น้ำตะไคร้ กูอยู่ของกูดี ๆ แล้ว.....ผมก็ยังยืนยันกับคุณแขกคนนี้ ที่ตอนนี้เริ่มโมโหและกำลังจะกลายร่างเป็นควายป่า นำเข้าจากเมืองนอกทีละนิด... ทีนี้พอยืนยันแน่ว่ายังไงก็ไม่ให้ขึ้น มันมาเต็มเลยครับ ขุดดิน ปลูกผักหน้าล็อบบี้ตั้งแต่ ฟักทอง ฟักแม้ว ฟักเขียว ฟักตุ๋นมะนาวดอง ฟักทองแกงบวด ผ่านไป 5 นาที ล็อบบี้ผมเต็มไปด้วย พืชผักสวนครัวรั้วกินได้ สนองนโยบายเจ้ปูกันเลยทีเดียว เท่านั้นไม่พอครับ มันทุบเคาน์เตอร์ (ที่ผมภาวนาให้แตกบาดมือมัน แต่แม่งเสือกไม่แตก แหม่ม ถ้าแตกนี่กูจะชาร์จให้ขีัแตกเลยมึง เอาให้หายอยากไปเลย) "ยู จะเอาเท่าไหร่ ชั้นถึงจะเอาผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปได้" นั่น เอาเงินฟาดหัวกรูอีก นี่มึงนึกว่ากูเห็นแก่เงินหรือไง เงินซื้อกูไม่ได้โว้ย(ถ้าไม่มากพอ 555) ทีนี้ผมก็ต้องมานั่งอธิบายเป็นภาคต่อ ของซีรี่ ชะนีร้อยล้าน อีกว่า "มันไม่ได้เกี่ยวกับเงินแต่มันเกี่ยวกับความปลอดภัยยู ถ้าเกิดยูเป็นอะไร ไอ จะได้ ติดตามชะนีตนนี้ได้ว่ามันโหนเถาวัลย์ไปต้นไม้ต้นไหนแล้ว บลา บลา บลา" คำอธิบายเหมือนมันจะดูดีและน่าจะเข้าใจ แต่เปล่าเลยครับ เปล่าเลย เหมือนกับว่ารอยหยักในสมองของมันยังไม่ทำงาน มันก็ยังเริ่มต้อนปลูกผักสวนครัวต่อไป ตอนนี้ผมอยากจะเก็บฟักของมันไปขายเหลือเกิน นี่ไม่เกรงใจนี่ทำเป็นสินค้า OTOP เลยน๊ะเนี่ย "ยูจะห่วงอะไรความปลอดภัยชั้น ชั้นเอาตัวรอดได้" เออ แรก ๆ กูก็เห็นพูดงี้ทุกคน พอเวลาเสร็จปุ๊บ หลับปั๊บ ชะนีขโมยตังค์ปุ๊บ ทีนี้แหละ หาที่ลงกับใครไม่ได้ เอาโรงแรมนี่แหละวะ คอมเพลนเข้าไป แต่ขอโทษกรูรู้ทันมึงเฟ้ย ...ผ่านจากนั้นไป 10 นาที มันมาใหม่ทีนี้ควักกระเป๋าเงินมา และหยิบบัตรเครดิตสีดำออกมาซึ่งผมก็รู้ว่ามันเป็นบัตร American Express Black Card Unlimited Credit ประมาณว่าบัตรนี้ถ้าจะซื้อบ้านซื้อรถก็ซ์้อได้เลย วงเงินไม่จำกัน มันควักออกมาแล้วยืนเคาะเคาน์เตอร์ "ยูรู้มั้ยนี่อะไร" แหมมมมม อยากจะบอกเหลือเกิ๊น อ๋อ กูรู้ นี่ก็บัตรเครดิตชาวนาไง แต่อ้าว เค้าให้ชาวนาถือไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้ควายพกมาได้ล่ะ นี่มึงแอบเอาเขาแทงชาวนาตายแล้วขโมยมาใช่มั้ย.....ล้อเล่นคับ อยากพูดแต่ทำไม่ได้ ผมก็ทำได้แต่ "ใช่ชั้นรู้นี่บัตรเครดิต........ อะไรก็ว่าไป แต่ขอนิดนึงน๊ะจากที่กูเห็น บัตรมึงเนี่ยเป็นรุ่นแรกของ Black Card เค้าเลิกผลิตกันไปนานและไอ้กระบือเอ้ย แล้วนี่มึงจะเอามาโชว์หาสามีแม่มรึงเหรอ...ยังไงผมก็ยังไม่ยอมให้ขึ้นคับ มาดูกัน มรึงกับกรูใครจะอึดกว่ากัน มึงปลูกผักสวนครัวได้กรูก็อดทนอธิบายกับมึงได้ เอาซิ ผ่านไปอีก 15 นาที จนมันทนไม่ไหวต้อง หันไปบอกผู้หญิงให้กลับไปเอาบัตร แต่ก่อนไปมีตอดอีกนิดนึงครับ "เมื่อคืนชั้นก็เอามาเค้าไม่เห็นเก็บชั้นเลย" นั่น มึงมีก๊อกสอง กะว่าเผื่อฟลุ๊คแต่เสียใจ เพราะหลังจากที่ผมถามชะนีตนนั้นแล้วว่า "น้อง เมื่อคืนมาด้วยเหรอ" รู้มั้ยครับชะนีตอบว่าไง "เปล่าค่ะพี่ เมื่อคืนไม่ใช่หนู" เออ เอาซิ หน้าแหกแล้วมึง กรูว่ามึงกลับไปไถนาดีกว่าม่ะ สุดท้ายมันก็ต้องยอมให้ผู้หญิงกลับไปเอาบัตรครับ ....ก็ใครเค้าจะไปให้ขึ้น เกิดอะไรขึ้นมามึงก็มาหาว่าโรงแรมไม่ดีอยู่นั่นแหละ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทความแนะนำ

-
เมื่อพูดถึงโรงแรม ก็จะประกอบไปด้วยหน่วยงานหลัก 2 หน่วยงานคือ ส่วนงาน Operation และส่วนงาน Back Office หรือที่คนโรงแรมชอบเรียกกันว่า...