วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ใคร 3

เรื่องหลอนก่อนนอน EP.3 ตอน “ใคร”


ในขณะที่ผมตกใจและไม่รู้จะช่วยไอ้ชินยังไงผมคิดขึ้นมาได้แว้บหนึ่งว่า “ไปเรียกพี่ รปภ.มาช่วยดีกว่า” ว่าแล้วผมก็ตะโกนบอกมันว่า “ไอ้ชินเดี๋ยวกูมานะเดี๋ยวกูไปตาม พี่ รปภ.มาช่วยมึง” แล้วผมก็รีบวิ่งไปที่ประตูห้องกำลังจะเปิดประตูออกไปแต่อยู่ๆ สิ่งที่ผมตกใจหนักเข้าไปอีกคือ........ ไอ้ชินมันเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี ผมตกใจร้อง “เชี้ย” ไอ้ชินก็ตกใจแล้วก็พูดใส่ผมมาว่า “มึงเป็นเชี้ยไรเนี่ย ทำไมตกใจขนาดนั้น” ผมหันหลังกลับไปมองที่ห้องน้ำแล้วก็หันมามองมัน ตอนนั้นผมสับสนไปหมดอารมณ์แบบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง พลันคิดไปว่า “ถ้าไอ้ชินมันยืนอยู่ต่อหน้าผมนี้แล้วในห้องน้ำนั่นคือ ใคร???” ไอ้ชินเดินเข้าห้องมาในขณะที่ผมเริ่มไม่อยากอยู่ในห้องแล้วตอนนี้ผมเลยบอกมันว่า “ไอ้ชินไปข้างล่างกับกูหนอ่ย”

ตอนนั้นมันเป็นเวลาเกือบ 6 โมงเย็นแล้วจะว่าไปด้วยความที่มันอยู่ในป่าในเขาแต่ก็พอมองเห็นท้องฟ้าสีส้มๆ เวลามองไปทางชายเขาด้วยบรรยากาศธรรมชาติที่ค่อนข้างสดทำให้เวลาเท่านี้มันก็เริ่มจะโพล้เพล้แล้วโบราณว่าไว้ช่วงเวลานี้เป็นช่วง “ผีตากผ้าอ้อม” แม้ผมจะไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่แต่ความสับสนตรงนี้ทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจว่า “ตกลงที่นี่มันปกติหรือเปล่า?” ประกอบกับคำที่พี่พนักงานซุบซิบกันตอนเราเจอว่า “ทำไมไปอยู่ห้องนั้นวะ?” มันทำให้ผมอดคิดถึงเรื่องลี้ลับไปไม่ได้

“เออ เดี๋ยวกูไปเยี่ยวก่อน” ไอ้ชินบอกผมแล้วมันก็เดินไปที่ห้องน้ำ ผมรีบวิ่งตามมันไปกะจะเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้มันฟังแต่ไม่ทันมันดันเปิดประตูเข้าไปก่อนผมชะโงกหน้าไปดูปรากฎว่า “เป็นห้องน้ำเปล่าไม่มีอะไร?” สภาพพื้นห้องน้ำก็แห้งเหมือนไม่มีคนใช้งานมาก่อน ไอ้ชินเริ่ม งง ตอนนี้มันเลยถามผมกลับมา “มึงจะเยี่ยวกับกูเหรอ?” ผมไม่ได้ตอบอะไรกะว่าเดี๋ยวจะลงไปเล่าให้มันฟังทีเดียวข้างล่าง แต่ใจก็ยังมีคำถามว่า “ถ้านี่คือห้องน้ำเปล่าแถมพื้นไม่เหมือนถูกใช้งานมาก่อนแล้วเสียงเมื่อกี้คือ ใคร? กันนะ?”

เสร็จธุระเรียบร้อยผมกับไอ้ชินก็ลงมาข้างล่างเราเดินไปใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีโต๊ะหินอ่อนอยู่พอนั่งลงผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมเริ่มสาธยายให้ไอ้ชินฟังถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่ผมเจอตั้งแต่ ภาพกล่องอาหารพร้อมธูปและรูปปั้น เสียงคนเรียกหน้าห้อง canteen และที่สำคัญคือเหตุการณ์ในห้องน้ำ ตอนแรกผมกะว่าไอ้ชินมันคงบอกว่าผมคิดมากไปเองเพราะมันเองก็ไม่ค่อยได้เชื่อเรื่องลี้ลับพวกนี้เท่าไหร่แต่ผิดคาดพอฟังเสร็จมันนิ่งไปแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไอ้ลม กูมีเรื่องจะบอกมึงเหมือนกัน”

ในขณะที่ไอ้ชินกำลังจะเล่าเรื่องที่มันจะบอกผม อยู่ๆ ผมสองคนก็ได้ยินเสียง “ช่วยด้วย” ดังมาจากด้านหลังหอพักซึ่งเป็นส่วนของห้องเก็บของที่พี่ รปภ. สั่งเราหนักหนาว่า “อย่าเข้าไป” ผมหันไปถามไอ้ชิน “มึงได้ยินเหมือนที่กูได้ยินมั้ย?” ไอ้ชินรีบตอบกลับมาเลยว่า “เออ กูได้ยิน แต่พี่ รปภ. เค้าห้ามเรานี่หว่าเราอย่าไปยุ่งเลย” ผมก็ตอบมันไปว่า “แต่เค้าร้องให้ช่วยนะเว้ย?” ยังไม่ทันคิดให้จบว่าจะทำยังไง เสียงนั้นดังมาอีกเพียงแต่ตอนแรกเสียงเป็นผู้ชายแต่รอบนี้เสียงกลับเป็นผู้หญิงแทนซะงั้น เป็นเสียงที่เยือกเย็นปนแข็งกร้าวว่า “อย่าทำหนูเลยพี่?” รอบนี้ผมกับไอ้ชินเริ่มไม่ไหวผมเลยพูดกับมันว่า “กูว่าเราไปบอกพี่ รปภ. ดีกว่าหว่ะ

แล้วเราสองคนก็รีบวิ่งไปจากตรงนั้นไปที่พี่ รปภ.อยู่ ไปถึงก็รีบบอกพี่เค้าที่ตอนนี้มีพี่ รปภ.อีกคนหนึ่งเข้ามาเปลี่ยนกะเพราะพี่คนแรกแกเหมือนจะขอออกก่อนเวลา “พี่ๆ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงผู้หญิงกับผู้ชายร้องขอความช่วยเหลือมาจากหลังหอพักครับ พี่บอกไม่ให้ผมเข้าไปผมเลยมาบอกพี่ช่วยไปดูหน่อยก็ดีนะครับ?” พอพูดจบพี่สองคนมองหน้ากันแล้วก็พูดขึ้นมาพร้อมกันว่า “เอาอีกแล้วเหรอวะ?” ผมกับไอ้ชินได้ยินก็ งง ว่า “อะไรคือเอาอีกแล้ว?”

พี่รปภ. สองคนเห็นผมกำลัง งง อยู่ก็เลยเรียกสติ “เออๆ เดี๋ยวพี่ไปดูเอง ขอบใจมาก แล้วไม่ต้องเข้าไปล่ะแถวนั้นน่ะมันรกเดี๋ยวมีงูมีสัตว์อันตราย?” ผมสองคนก็ตอบ “ครับๆ ไปแบบ งงๆ” เพราะดูท่าทางพี่เค้าไม่ได้รีบร้อนอะไรเลยที่จะไปดูตามที่ผมบอก

ไอ้ชินมันรู้ว่าผมเริ่มสงสัยและมีอารมณ์ไม่พอใจนิดๆ ที่พี่เค้าไม่ได้สนใจไปดูเสียงที่ขอความช่วยเหลือนั้นมันรีบดึงแขนเสื้อผมแล้วบอกว่า “ไปเหอะไอ้ลมขึ้นห้องดีกว่าไปเก็บของกัน” ผมด้วยความเป็นเด็กใหม่ก็ไม่อยากทำอะไรให้พี่ รปภ. เค้าไม่สบายใจและรู้สึกว่าผมสั่งเขาผมกับไอ้ชินก็เลยกลับขึ้นห้อง

อาการตอนนี้ด้วยความหงุดหงิดว่าทำไมพี่ รปภ. ไม่รีบไปดูผมลืมเหตุการณ์ในห้องน้ำไปซะสนิทเลย เราสองคนกลับขึ้นมาที่ห้อง ทันทีที่มือของผมหยิบกุญแจไขเข้าไปในห้องพอประตูห้องเปิดออกผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะที่พื้น “มีรอยเท้าที่เปียกน้ำเป็นทางออกมาจากห้องน้ำรอบเท้านั้นยังเหมือนเดินมารอบๆ เตียงของพวกเราสองคนแต่เป็นรอยจางๆ ที่ถ้าไม่สังเกตแบบผมจะไม่เห็น

ผมรีบบอกไอ้ชินและชี้ให้มันดูก่อนถามมันว่า “มึไม่ได้เช็ดเท้าเหรอตอนออกจากห้องน้ำ?” ไอ้ชินตอบกลับมาว่า “ไม่แน่ใจหว่ะแต่กูก็ว่ากูเช็ดแล้วนะ เราสองคนยืน งง อีกครั้ง ก่อนผมจะถามมันขึ้นมาเพราะนึกขึ้นได้ว่า มันบอกว่ามันมีเรื่องจะบอกผม

“เออ เมื่อกี้มึงบอกมีอะไรจะบอกกูนะ?” มันหันมามองหน้าผมแล้วตอบว่า “เมื่อกี้กูโทรหาเอส กะว่าจะบอกว่าคืนนี้ไม่ต้องมาก็ได้ แต่เป็นเสียงผู้หญิงรับสายเบอร์เอส ตอนแรกกูคิดว่ากูโทรผิดกูเลยขอโทษแล้ววางสายก่อนที่จะโทรไปใหม่เบอร์เดิมที่เป็นเบอร์ของเอสนี่แหละกูมั่นใจ แต่ก็ยังเป็นผู้หญิงรับสายเหมือนเดิม” กูเลยถามไปว่า “นี่เบอร์เอสใช่ไหมครับ? ผมเพื่อนเอสนะครับขอสายเอสหน่อยครับ”

ปรากฎว่าผู้หญิงคนนั้นร้องไห้แบบโหยหวนเลยมึงแล้วอยู่ๆ ก็วางสายใส่กูไป” ผมได้ฟังตรงนี้ก็ งง เหมือนกับมันแต่เหมือนยังไม่จบ มันเล่าต่อว่า “กูอยากแน่ใจกูเลยโทรไปอีกทีแต่รอบนี้เอสรับสายกูเลยถามเอสไปว่า คืนนี้ที่จะมามันดึกแล้วมาพรุ่งนี้แทนเลยได้ไหม?” เอสตอบกลับกูมาว่า “ไม่เป็นไรอยากพาไปกินข้าวต้มโต้รุ่งแถวนี้เพราะเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด หิว อยากกินข้าว ตอนนี้ถึงกลางทางแล้ว” กูเห็นว่าเอสจะมาจริงๆ ก็เลยไม่ได้อะไรกะว่าจะมาบอกมึงนี่แหละส่วนเรื่องผู้หญิงกูก็ถามเอสไปนะและเล่าให้ฟังว่ามีผู้หญิงมารับสายเอส ปรากฎว่าเอสมันหัวเราะแล้วบอกหนักแน่นเลยนะว่า “ไม่มีนะ โทรศัพท์อยู่กับเอสตลอด” กูก็เลย งง ว่า “แล้วสองรอบที่รับนี่ ใคร? วะ”

โปรกติดตามตอนต่อไป..

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ