วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ใคร 2

 เรื่องหลอนก่อนนอน ตอน “ใคร” EP.2



ในขณะที่ผมกำลังยืน งง อยู่ว่าเสียงใครที่เรียกนะ พี่นี กับ ไอ้ชิน ก็เรียกให้ผมเข้าไปในแคนทีน ตอนนั้นผมรีบเดินเข้าไปแล้วก็คิดไปเองว่า “ไม่น่าจะมีอะไร” เพราะตอนนี้มันก็กลางวันแสกๆ แต่ก็ยังติดใจอยู่นิดๆ ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะที่มีพี่นีกับไอ้ชินนั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งสองคนก็บอกให้ผมไปตักอาหารมาเพราะที่นี่เค้าจะทำเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ไว้ให้พนักงานตักเอาเลยพ่อครัวแม่ครัวมีหน้าที่แค่ปรุงและเติม

ผมเดินไปหยิบถาดหลุม (นึกถึงความทรงจำตอนเข้าค่ายลูกเสือจริงๆ ) ผมค่อยๆ เดินไปตักอาหารวันนี้มีข้าวเปล่า ไก่ผัดขิง และแกงส้ม ผมค่อยๆ ตักอาหารทีละอย่าง สภาพของ Counter ที่วางกับข้าวนั้นเป็นลักษณะเหมือนตู้กระจกตามร้านข้าวราดแกงทั่วไปแต่แต่ต่างตรงนี้เค้าเปิดด้านหน้าเอาไว้ให้พนักงานตักอาหารได้เองเลย ด้านหลัง Counter เป็นประตูห้องครัวมองผ่านๆ ดูลึกลับๆ เพราะมันมืด และด้วยสัญชาตญาณมนุษย์ครับเวลาเราเห็นอะไรที่ดูลึกลับๆ เรามักจะอยากมองเข้าไปให้รู้ว่ามันมีอะไร ผมก็เป็นอีกหนึ่งในนั้นผมค่อยๆ มองเข้าไปในช่องของประตูที่มีความมืดสลัวๆ อยู่เพราะแสงเข้าไม่ถึงและเค้าไม่ได้เปิดไฟทุกดวงทันใดนั้นสายตาของผมมันเหลือบไปเห็นเงาๆ หนึ่งเลื่อนผ่านไปแบบเร็วๆ จนผมนึกว่าตาฝาด ลักษณะเหมือนเป็นการเลื่อนผ่านแบบไม่ได้เดินเลยนะครับเพราะมันดูนิ่งมากแต่เป็นการเห็นแค่แบบผ่านๆ เพราะเร็วมาก

ในขณะที่ผมกำลังยืนนิ่งพยายาเพ่งดูอีกทีว่าเป็นอะไรอยู่ๆ เสียงไอ้ชินก็เรียกผม “ไอ้ลม มึงเป็นห่าอะไรมากินข้าวได้แล้วกูหิว” ผมได้สติก็รีบเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอย่าง งงๆ พอนั่งลง อยู่ๆ พี่นีก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่มีอะไรหรอกกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวต้องไปทำเรื่องที่ออฟฟิศอีก” ผม งงๆ เพราะไม่รู้ว่าพี่นีแกรู้ได้ยังไงว่าผมเจออะไรมา ตอนนี้ผมเจอเรื่องแปลกๆ ไปแล้วสองเรื่องกะว่าคืนนี้จะเล่าให้ไอ้ชินมันฟัง

เรากินข้าวกันจนเสร็จก็มาที่ออฟฟิศฝ่ายบุคคลพี่นีก็จัดการเรื่องเอกสารและทำเรื่องรับบัตรพนักงานฝึกหัดก่อนทำเรื่องเข้าพักในหอพักพนักงานให้กับเราจากนั้นพี่นีก็นัดให้พวกเราสองคนมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ตอน 9 โมงเพื่อจะได้มาเข้า Orentation ก่อนเริ่มงานซึ่งวันพรุ่งนี้จะมีนักศึกษาฝึกงานอีก 5 คนเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งรุ่นของผมที่มาฝึกงานนั้นรวมทั้งหมดมีอยู่ 15 คนแต่จะทยอยๆ มา ณ ตอนนี้จะมีผมกับไอ้ชินมาเป็นสองคนแรก ในขณะที่เรากำลังจะออกจากออฟฟิศฝ่ายบุคคลมีสายเรียกเข้ามาหาพี่นี แกยกหูรับสายสักพักแกก็พูดขึ้นว่า “ขอยกเลิกมาฝึกงานที่นี่เหรอคะ..อ้าว!! ทำไมล่ะคะ?​ นัดกันแล้วนี่คะอาจารย์” ผมกับไอ้ชินได้ยินตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องของโรงแรมเขา พี่นีคุยสายต่อสักพักแล้วก็วางสาย ผมและไอ้ชินก็ยกมือไหว้สวัสดีแกแล้วก็จะเดินทางเข้าหอพัก

เราสองคนยังไม่ทันได้เดินออกมาจากออฟฟิศพี่นีแกก็บ่นขึ้นมาลอยๆ ว่า “ดูซิ เพื่อนเธอหายไปอีกแล้ว 3 คน ทางมหาลัยโทรมายกเลิกขอเข้าฝึกงานที่นี่บอกได้ที่อื่นแล้ว ก่อนหน้านั้นก็เพิ่งยกเลิกไปชุดนึง 6 คน” ผมกับไอ้ชินได้ยินก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ลาแกแล้วก็เดินทางไปหอพักพนักงาน

เราสองคนเดินมาถึงหอพักพนักงานซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงแรมตั้งลึกเข้ามาในแทบจะติดป่าด้านหลังที่เป็นเนินเขาครับ เราเดินเข้ามาตามทางบรรยากาศตอนนั้นที่เริ่มจะบ่ายแก่ๆ แล้วด้วยความที่มันอยู่ในเขตป่ามันก็จะดูร่มรื่น สงบๆ เย็นๆ คนที่ชอบบรรยากาศแบบนี้นี่คือสวรรค์เลยนะครับแต่สำหรับผมกับไอ้ชินเราสองคนเป็นคนอยู่ง่ายอยู่ที่ไหนก็ได้เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนักเราสองคนตรงดิ่งไปที่ทางเข้าหอ

ไปถึงก็เจอพี่ รปภ. อีกคนหนึ่งที่อยู่ประจำหอพักเราก็สวัสดีแล้วก็แนะนำตัวพี่ รปภ. รับไหว้แล้วก็ทำหน้า งงๆ นิดนึงก่อนถามเรากลับมาว่า “นี่มาฝึกงานเหรอ?” เราสองคนก็ตอบว่า “ใช่ครับพี่? ฝ่ายบุคคลให้กุญแจห้องมาครับอยู่ชั้น 3 ห้อง 302 ครับ” พี่แกก็พนักหน้าแล้วก็ถามย้ำกลับมาว่า “ห้อง 302 เหรอน้อง? ใช่เหรอ” ผมกับไอ้ชินก็ งง แล้วก็หยิบกุญแจที่มีเบอร์ห้องติดอยู่มาให้แกดู “นี่ไงพี่ 302” แกก้มลงดูแล้วก็นิ่งๆ ไป สักพัก ก่อนบอกผมกับไอ้ชินว่า “ เราเป็นพุทธหรือเปล่า?” ผมกับไอ้ชินก็ตอบ “ใช่ครับพี่” พี่แกก็บอกต่อว่า “เออ ก่อนเข้าก็ไปไหว้เจ้าที่กับศาลตา ยาย ข้างๆ ก่อนนะ ไปฝากเนื้อฝากตัวเค้าไว้ก่อน” ผมก็ไอ้ชินก็ตอบ “ได้ครับพี่” เพราะเราก็เข้าใจตรงพิธีนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร ก่อนจะขอตัวขึ้นห้อง

ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดพี่ รปภ. แกตะโกนเรียกผมกับไอ้ชิน “น้องเดี๋ยว” ผมกับไอ้ชินก็หยุดแล้วหันมาหาแก แล้วแกก็เดินมาทำหน้าจริงจังก่อนบอกผมกับไอ้ชินว่า “เออน้อง ด้านหลังหอเป็นห้องเก็บของห้ามเข้าไปนะ เดี๋ยวใครไม่รู้จะเข้าใจว่ามาขโมยของ” ผมกับไอ้ชินก็ตอบแกไปว่า “ได้ครับพี่”

พอเห็นว่าพี่ รปภ. เริ่มคุยกับเรามากขึ้นผมเลยถามกับไอ้ชินว่า “เฮ้ยมึงลองถามพี่เค้าดูไหมว่าเอสจะมาโรงแรมไหมพรุ่งนี้?” ไอ้ชินมันนึกขึ้นได้ก็เลยบอกผมว่า “เออ จริงหว่ะ เมื่อกี้ก็ลืมถามพี่นีไป” พูดจบไอ้ชินมันก็หันไปถามพี่ รปภ.ว่า “พี่ครับ พรุ่งนี้คุณเอสเข้าโรงแรมไหมครับ?” พี่ รปภ.ถามกลับมาแบบที่ผมกับไอ้ชิน งง ไปเลยคือแกบอกว่า “เอสไหนน้อง?” ไอ้ชินมันก็ตอบแกกลับไปว่า “คุณเอสที่เป็นลูกเจ้าของโรงแรมไงพี่?” พี่ รปภ. แกก็ยังทำหน้า งง จังหวะนั้นมีสายเรียกเข้ามาที่มือถือไอ้ชินพอดีมันเลยรับสายปรากฎว่าปลายสายเป็นเอส

ไอ้ชินมันก็คุยกับเอสประมาณว่า “ตอนนี้มาถึงโรงแรมแล้วกำลังจะเข้าหอพักห้อง 302 “ แล้วมันก็ถามเอสว่า “พรุ่งนี้เอสจะมาโรงแรมกี่โมงจะได้เจอกัน?” พอมันพูดจบเหมือนเอสเงียบไปจนไอ้ชินต้องเรียก “ฮัลโหลเอส เอส เอส อยู่มั้ย?” ก่อนเหมือนเอสจะตอบกลับมาถามไอ้ชินอีกครั้งว่าห้องอะไร? ซึ่งไอ้ชินก็พูดซ้ำไปว่า "ห้อง 302 เอส" ไอ้ชินกับเอสคุยกันสักพักแล้วอยู่ๆ ก็วางสายไป สรุปว่า “เอสจะมาหาเราวันนี้ประมาณ 5 ทุ่ม เพราะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดน่าจะมาถึงประมาณนั้นถ้ายังไม่นอนจะมาหาพวกเรา” ไอ้ชินกับผมปกติเราก็นอนดึกอยู่แล้วก็เลยตอบว่ามาหาได้

เราสองคนก็หันไปลาพี่ รปภ.ก่อนขึ้นห้องไปซึ่งพี่เค้าก็เหมือนทำหน้าแปลกๆ ตอนที่เราบอกแกก่อนขึ้นมาว่า “พี่เดี๋ยวคุณเอสมาหาผมสองคนนะครับประมาณ 5 ทุ่ม” แกนิ่งไปไม่ได้พูดอะไรก่อนเราจะขึ้นห้องมา

ผมและไอ้ชินเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 พอประตูลิฟท์เปิดออกผมสองคนค่อยๆ เดินหาห้อง 302 ซึ่งถ้าเอาตามโครงสร้างทั่วไปแล้วห้องเบอร์นี้น่าจะอยู่ห้องแรกๆ ถ้าเรานับตามหลัก 01 02 ไปเรื่อยๆ แต่ที่แปลกคือห้องนี้ของผมกับไอ้ชินมันไปอยู่ติดทางหนีไฟห้องสุดท้ายเลยครับแล้วเป็นห้องเดียวที่ประตูห้องพักเป็นประตูไม้แกะสลักบานใหญ่กว่าคนอื่นมองผ่านๆ ยังเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของประตูห้องเราสองคนกับห้องอื่น

เรามาถึงหน้าห้องพักที่รู้สึกตอนนี้คือเหมือนกับชั้น 3 นี้ “มีห้องผมอยู่ห้องเดียวหรือเปล่าเพราะมันเงียบเกิน” แต่พอสักพักห้องที่ถัดจากห้องผมไป 2 ห้องมีคนเปิดประตูออกมาเป็นพนักงานผู้ชายสองคน เหมือนกำลังจะไปเข้างานผมกับไอ้ชินเห็นก็ยกมือสวัสดีพี่สองคนนั้นซึ่งเค้าก็มองมาแล้วรับไหว้ผมสองคนก่อนหันหลับไปอย่างเร็วแล้วคุยกันในระดับที่ผมกับไอ้ชินได้ยินว่า “เด็กฝึกงานเหรอวะไม่เห็นซะนานแล้วทำไมไปอยู่ห้องนั้นกันวะ” ก่อนที่สองคนจะไปทำงาน

ผมและไอ้ชินตอนนี้เริ่ม งงๆ ในพฤติกรรมของพนักงานทุกคนที่นี่ที่มีต่อเด็กฝึกงานมันดูแปลกๆ แต่ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจ เราสองคนไขประตูห้องเข้าไปพอเปิดประตูเข้าห้องปุ๊บอยู่ๆ จังหวะที่กำลังจะหันไปปิดประตูนั้นมีลมพัดมาวูบนึงจนประตูปิดเองดัง ปัง!!!!! ผมและไอ้ชินตกใจสะดุ้งกันอุทานออกมาพร้อมกันว่า “เชี้ยอะไรวะเนี่ยตกใจหมด” ที่ตกใจไม่ใช่อะไรนะครับแต่เพราะตอนที่ผมขึ้นมาชั้นนีไม่มีลมเลยและไม่มีทีท่าว่าจะมีลมแรงขึ้นมาได้แต่ทำไมอยู่ๆ มันดันมีลมวูบนี้พัดมาได้? พอหายตกใจก็หันหน้ามาสำรวจสภาพในห้องต่อซึ่งห้องพักห้องนี้นั้นมันแปลกตรรงที่ปกติหอพักพนักงานทั่วไปจากที่ผมรู้จักมักจะเป็นเตียงสองชั้นเพราะต้องการให้พักด้วยกันได้อย่างต่ำ 4 คน แต่ห้องของผมกับไอ้ชินห้องนี้เป็นเตียงไม้สองเตียงแยกกันอย่างดีที่สำคัญห้องนี้เป็นห้องเดียวที่ “มีห้องน้ำในตัวและไม่ต้องไปใช้ห้องน้ำรวมกับใคร” จนบางครั้งผมสองคนยังมองว่า “นี่มันดีไปหรือเปล่าวะเนี่ยเหมือนห้องพักแขกเลย” แต่ก็คิดต่อไปว่า “น่าจะเป็นเพราะเอสมาแจ้งฝ่ายบุคคลไว้หรือเปล่าว่าเป็นเพื่อนเลยให้ห้องดีมา” ด้วยความที่ไม่ได้สนใจอะไรและความเหนื่อยเราก็วางข้าวของเสร็จผมก้บอกไอ้ชินว่า “เฮ้ย กูขอนอนแป๊บนะ” ไอ้ชินก็ตอบมาว่า “ เออ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อน” แล้วเราก็แยกย้ายกันทำธุระ

ผมนอนหลับไปสักพักอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงไอ้ชินตะโกนดังมาจากห้องน้ำจนผมสะดุ้งตื่นมันตะโกนเรียกชื่อผมดังมากพร้อมร้องเสียงหลง “ไอ้ลมๆ ไอ้เชี้ย ช่วยกูด้วย ไอ้ลม” ผมรีบลุกจากเตียงวิ่งไปที่ห้องน้ำผมตะโกนเรียกไอ้ชิน “ไอ้ชินเปิดประตูเร็วมึงเป็นอะไร” มันตอบกลับมาเสียงแบบตกใจมากว่า “กูเปิดไม่ได้ไอ้ลม ช่วยกูด้วย”

โปรดติดตามตอนต่อไป..

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ