วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

 เตือนภัยโรงแรมครับ



เฮียได้รับการติดต่อทาง Message จากสมาชิกเพจเราท่านหนึ่งเกี่ยวกับมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของการอาศัยช่องว่างในการมี Service Mind และความพยามในการให้บริการแบบ Beyond Guest Expectation ของพวกเราครับ ซึ่งหลังจากได้รับเคสปกติเฮียจะตรวจสอบและขอหลักฐานก่อนเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้แต่งเรื่องเพื่อสร้างความเสียหายให้บุคคลที่สามและถ้าติดตามกันมาจะรู้ว่าเฮียจะไม่ค่อยอนุญาตให้ลงโพสต์ที่พาดพึงถึงบุคคลที่สามประเภททะเลาะกันมาแล้วจะให้เฮียมาโชว์หน้าโชว์ตาคู่กรณีนี่เลิกคิดได้เลย แต่เคสนี้เท่าที่เฮียตรวจสอบแล้วมีที่มาที่ไปแม้จะยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่เรื่องราวกับหลักฐานที่ส่งมาเมื่อเฮียประมวลผลดูแล้วและเทียบเคียงว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเราเลยตัดสินใจเอามาลง เพื่อให้พวกเราระมัดระวังตัว ส่วนใครจะคิดยังไงอันนี้ก็แล้วแต่นะครับเฮียห้ามความคิดใครไม่ได้แต่สำหรับเฮียเองเห็นว่า "มันเป็นเคสที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นและคนโรงแรมอย่างเราควรศึกษาเพื่อป้องกันตัวเองไว้ครับ"
กรณีนี้จะไม่มีการพาดพิงบุคคลที่สามใดๆ ตัวเนื้อเรื่องที่เจ้าของเคสนี้เจอมาค่อนข้างน่าสนใจและไม่อยากให้ใครโดน แต่ทางเจ้าของเรื่องขอสงวนชื่อโรงแรมนะครับส่วนหน้าตาคู่กรณีเนื่องจากมันยังไม่ได้เป็นคดีความตามกฎหมายเฮียเลยไม่ขอเอาลงนะเพราะมีเรื่อง พรบ.คอมฯ เรื่อง พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและพิจารณานะครับ
ข้อความจากทางบ้าน
สวัสดีค่ะ พอดีมีเรื่องมิจฉาชีพที่หลอกพนักงานโรงแรมแบบเราอยากจะให้ลงในเพจ เพื่อเป็นกรณีศึกษาค่ะ ไม่ทราบว่าจะลองอ่านเรื่องราวก่อนไหมค่ะ โดนมาสดๆ เมื่อคืนนี้เองริ่มเลยนะคะ…
เมื่อวานช่วงประมาณสามทุ่มครึ่ง มีชายเสียงวัยกลางคนโทรเข้ามาแจ้งว่า ให้ทาง รร. โทรกลับจะจองห้องพัก แต่เงินในโทรศัพท์จะหมดแล้ว พอเราโทรกลับไป บอกว่าขับรถมาหม้อน้ำแห้ง อยู่แถวป่าละอู ให้ทางโรงแรมช่วยหารถแท็กซี่มารับหน่อย เพราะต้องการพักทางโรงแรมของเราจริงๆ ซึ่งโรงแรมของเราอยู่นอกเพื้นที่ตัวเมืองหัวหิน เราเสนอว่า "ให้พักที่โรงแรมแถวหัวหินดีกว่าไหมคะ? น่าจะสะดวกกว่าที่จะเดินทางมาที่โรงแรมเรา" แต่ผู้ชายคนนั้นแจ้งว่า "เคยมาพักกับทางโรงแรมนี้และชอบอยากไปพักอีก" และอีกอย่างที่เขาแจ้งมาคือ "เขาจะไปทำธุระต่อที่ชุมพร"
ด้วยความหวังดีและเห็นใจลูกค้า เราจึงได้จัดหาแท็กซี่ให้ไปรับแต่ทั้งนี้ได้ให้ทางแท็กซี่โทรไปหาผู้ชายคนนั้นเองเพราะต้องตกลงกันเรื่องราคาเนื่องจากโรงแรมไม่ได้รับผิดชอบส่วนนี้
ผ่านไปสัก 10 นาที ผู้ชายคนนั้นโทรกลับมาที่โรงแรมโดยโทรมาแล้ว "ให้เราโทรกลับเพราะยังไม่มีเงินในโทรศัพท์" พอเราโทรกลับไปผู้ชายคนนี้บอกว่า "อยากให้เราไปซื้อบัตรเติมเงินทรูที่ 7-11" เราบอกว่า "เราทำงาน ไม่สามารถออกนอกโรงแรมได้" และก่อนวางสายผู้ชายคนนั้นถามว่า
"คนขับรถแท็กซี่วางใจได้นะ?" เพราะเค้าอยู่คนเดียว เราจึงแจ้งว่า "สามารถไว้ใจได้เพราะทางโรงแรมเรียกใช้บริการบ่อย"
..หลังจากนั้นผ่านไปสัก 1 ชั่วโมง คนขับรถแท็กซี่โทรมาบอกว่าติดต่อผู้ชายคนนั้นไม่ได้เลยและบอกกับเราว่า ในระหว่างที่ติดต่อกัน "ผู้ชายคนนั้นให้คนขับแท็กซี่เติมเงินให้จำนวน 400 บาท เพราะต้องการใช้โทรศัพท์โทรหาบริษัทรถ" ทางคนขับแท็กซี่จึงเติมเงินให้สุดท้ายแท็กซี่ขับไปถึงป่าละอูโดยที่ "ข้างทางไม่มีรถเสียจอดอยู่เลย" ขับไปจนถึงตัวทางเข้าน้ำตกป่าละอูก็ไม่เจอ คนขับจึงวนรถกลับ และโทรกลับมาแจ้งเราว่าไม่พบใครเลย จึงสรุปได้ว่าเราและคนขับแท็กซี่น่าจะโดยหลอกแล้วเสียเงินไป 400 บาท
หลังเกิดเหตุเราได้มีการนำชื่อผู้ชายคนนี้ไปค้นใน google เจอสถานที่ทำงานของเขาแต่พอโทรไปสอบถามสถานที่ทำงานปรากฎว่าเขาลาออกไปได้ 1 ปีแล้ว ตอนที่เราโทรไปสอบถามที่บริษัททางบริษัทตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ว่าลาออกไปแล้วเร็วมากเหมือนกับมีคนอื่นก็ตามหาเค้าอยู่เหมือนกัน สรุปว่าเราและคนขับแท็กซี่น่าจะโดนหลอกแล้วค่ะ
จุดประสงค์ที่อยากให้นำเสนอคือ เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมาหากินกับพนักงานรรที่มี service mind ในการบริการลูกค้าให้ประทับใจ หรือบางครั้งเราต้องบริการแบบ beyond guest expectation ตามที่เราเคยโดยเทรนกันมาบ่อยๆ ทั้งนี้หากทาง admin จะไม่โพสเรื่องนี้หรืออาจจะเรียบเรียงใหม่ ทางเราโอเคกับการตัดสินใจของ admin นะคะ
เรื่องราวจาก "มิตรสหายโรงแรมท่านหนึ่ง"
ปล. ไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไรนะอันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ