วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน ชีวิตต้องสู้

เรื่องเล่าจากทางบ้านตอน ชีวิตต้องสู้
จากคลิปเมื่อวานที่เราคุยกันเรื่องของคำถามที่ว่า "ไม่จบสายโรงแรมมาจะทำงานโรงแรมได้ไหม?" กับ "ทำงานโรงแรมแผนกหนึ่งแล้วจะย้ายไปอีกแผนกหนึ่งได้ไหม?" วันนี้เฮียมีเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของสมาชิกเพจเรามาเล่าให้ฟังครับว่าก่อนที่เขาจะมาทำงานโรงแรมเขาผ่านอะไรมาบ้างซึ่งบอกเลยว่าบางงานไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโรงแรมเลย
....................................................................................


ประสพการณ์ส่วนตัวของผม ที่ได้เข้ามาทำงานเกี่ยวกับการโรงแรม
1. เป็นเด็กติดรถส่งน้ำแข็ง8เดือน
-ไปส่งน้ำแข็งให้ร้าน7/11อยู่เป็นประจำ เห็นพนักงานเซเว่นคิดเงิน ขายของให้ลูกค้า อยู่ในห้องแอร์ ก็เลยอยากทำงานเซเว่น เพราะเป็นคนที่ชอบใช้ความคิดทำงาน มากกว่าใช้แรงงาน ในตอนนั้นก็ยอมรับตรงๆว่าทำงานส่งน้ำแข็งเพื่อขั้นเวลา ในการคว้าโอกาส มองหางานใหม่ๆที่ตรงกับความถนัด
2. มาทำงานเป็นพนักงานเซเว่น1ปี ด้วยบูญเก่าที่เคยทำงานส่งของให้ร้านเซเว่นมาก่อน จึงทำให้รู้จัก ผจก. แต่ละร้าน เลยสมัครเข้ามาไม่ยากและได้ลงในสาขาพื้นที่ที่ต้องการ
ทำเซเว่นไปได้ 2 เดือน ก็เข้าใจระบบการทำงาน ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ได้สบายอย่างที่คิดเช่นกัน ทำได้เกือบ 1 ปี ก็เริ่มหมดpasssion ด้วยร้างกายที่เหนื่อยล้า และการทำงานที่จำเจ ไม่ค่อยมีความท้าทาย การให้บริการลูกค้า ก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ และเป็นแพทเทิ้ลเดิมๆ เซเว่นสาขาที่ทำ ณ ตอนนั้น ได้เช้าพื้นที่ชั้น1ของโรงแรม เลยทำให้ได้ครูพักลักจำ การทำงานของ Bell boy ได้เรียนรู้วิธีการบริการ ได้เห็นรายได้ค่าตอบแทนที่เขาได้รับ(ทิบ) ก็เกิดแรงจูงใจที่อยากจะลองกระโดดเข้ามาทำในสายงานโรงแรม
3. เข้ามาทำงานโรงแรม จนถึงตอนนี้ก็ยังทำอยู่ 5 ปีกว่าๆ ครบ 6 ปี วันที่ 31ตุลาคม 2563. โรงแรมแห่งแรกเกือบ 1 ปี เป็นโรงแรมขนาดเล็ก เข้ามาเป็น Bell boy คอยบริการ ช่วยลูกค้ายกกระเป๋าได้เรียนรู้งานด้านบริการมากมาย และได้ทำให้รู้ใจตัวเองว่า เราขอบงานบริการแนวนี้ มันไม่ใช้งานบริการแบบงานเซเว่น ที่บริการลุกค้าในระยะเวลาสั้นๆ และเป็นแพทเทิ้ลเดิมๆ ที่ลูกค้าไม่ได้สนใจบริการของเราที่นำเสนอออกไป เขาแค่อยากซื้อของแล้วก็ไปงานบริการลูกค้าของโรงแรม เป็นการให้บริการตลอดเวลาที่ลูกค้า จ่ายเงินซื้อเวลาเพื่อมาใช้บริการสินค้าของเรา มันไม่มีแพทเทิ้ล มันอินฟินิตี้ มันมีความหลากหลาย และมีความท้าทายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละเคส เมื่อผมรู้ใจตัวเอง ว่านี้แหละ คืองานที่ผมถนัดเป็นงานที่ผมทำแล้วมีความสุขผมจึงเริ่มตระเวนเขียนใบสมัครอีกครั้ง และครั้งนี้เป้าหมายผมคือโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
3.2 เข้ามาทำโรงแรมแห่งที่ 2 เป็นเวลา 4ปี ครั้งนี้ผมได้เข้ามาทำงานโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงติด Top 5 ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ณ ที่แห่งนี้ ผมได้ประสพการณการทำงานที่หลากหลายมาก ผมได้วิชาการทำห้อง ปู ปัด กวาด เช็ด ถู จากการสอนของคุณน้า คูณป้าแม่บ้าน ด้ความรู้งานช่างจากข่างประจำโรงแรม ตั้งแต่การแก้ไขช่องทีวี ซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่น ซ่อมระบบประปาเปลี่ยนก็อกน้ำ สายฉีดตูด ซ่อมแอร์ ดูแลระบบไฟ ระบบกลอนประตูหน้าต่าง ระบบคีย์การ์ด เพราะหลังจาก5โมงเย็น แม่บ้านกับช่างเลิกงาน ผมจะต้องทำหน้าทีแทนแม่บ้านและช่างเพราะที่นี่ห้องเต็มเกือบทุกวัน อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องจึงเสื่อมสภาพใว และ bell boy จะต้องซ่ิมและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ เพราะห้องสำรองบางวันแทบไม่มีเพราะลูกค้าล้นและถ้าเกิดมีลูกค้าc/o จะต้องรีบไปทำห้องทันทีเพื่อรีบส่งห้องให้frontเปิดขายงานที่นี่หนัก มีแรงกดดันสูง ขอบเขตหน้าที่ ความรับผิดชอบเยอะ แต่ด้วยความถนัด จึงทำให้ผมสนุกไปกับการทำงาน ประกอบกับมีแรงจูงใจที่ได้ค่าตอบแทนที่สูง สวัสดิการล้นเหลือจนใช้ไม่ใหวจนวันนึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อผมต้องมีปัญหาส่วนตัวกับบุคคลากรที่ทำงานในองค์การณ์เดียวกันจนเกิดความลำบากใจในการทำงาน เป็นทุกข์กับปัญหานั้นจนไม่ได้โฟกัสกับการทำงาน เมื่อการทำงานดรอบล ความสนุกในการทำงานไม่มี ผมจึงตัดสินใจ ยุติบทบาทbell boy และงานบริการที่ผมรักลงในปีที่ 5
ผมพักกายพักใจ พักสมอง ปล่อยว่างอยู่หบายเดือนและเริ่มตั้งเป้าหมายอีกครั้งครั้งนี้ผมตระเวนเขียนใบสมัคร เป้าหมายคือผมต้องเป็นหน้า front เพราะมันคือสายงานที่ผมทำงานไกล้ชิดกับ front มาตลอดแต่ไม่เคยได้เรียนรู้ระบบการทำงาในส่วนของfrontเลยสักครั้ง และผมก็ได้รับโอกาสนั้นเมื่อเร็วๆนี้มี ceo ท่านนึงได้มอบโอกาสให้ผม ให้โอกาสเด็กจบ ม.6 ได้เข้ามาเรียนรู้หาประสบการณ์
4.ได้มาทำงานหน้า front 1เดือนมันทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ท้ายทายให้ตัวผมอยากเรียนรู้ ความสนุกในการทำงานสายงานนี้ของผมกลับมาอีกครั้ง ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาจนถึง ณ ตอนนี้ ผมคงแชร์และบอกต่อได้เพียงเท่านี้
ผมอยากจะช่วยยืนยันอีกเสียงว่า ถ้ามีโอกาสและเราเปิดรับ มันก็มีโอกาสเป็นไปได้โอกาสของผม ได้มาด้วยการไคว่คว้า ผมตระเวนสมัครราวๆ 7แห่ง สอบสัมภาสษณ์แข่งกับคนจบ ป.ตรี จบใหม่ตั้งหลายคนโปรไฟล์ผมใน resume ผมแพ้ทุกคนอย่างขาดลอย เรียนจบไม่สูง จบแค่ม.6 สายศิลป์ทั่วไป เกรดเฉลี่ย 1.91 ต่ำเตี้ยเรี้ยดินแต่ในการสอบสัมภาสผมสามารถตอบคำถามหลายๆอย่างได้อย่างมั่นใจสามารถตอบคำถาม การแก้ปัญหา ที่ผู้สัมภาสยกตัวอย่างสถานการณ์มาเป็นโจทย์ ให้คิดตัดสินใจแก้ปัญหา ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาและสถานการณ์ได้
เพราะผมไม่เคยเกี่ยงงาน เกี่ยงหน้าที่
การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันคือกำไรของชีวิต
ผมไม่เคยเกี่ยงงานช่างว่าเหนื่อยหรือสกปรก
ผมไม่เคยเกี่ยงงานแม่บ้านว่าจุกจิกหรือขยะแขยงห้องสกปรกคราบน้ำคัดหลั่งในถุงขยะมีถุงยางใช้แล้วผมก็ไม่เกี่ยงที่จะทำมันจงทำงานที่เราทำแล้วมีความสุข อล้วเราจะสนุกและพร้อมเรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับมัน
Credit: Watcharin BugTorque
แล้วพวกเอ็งคนอื่นๆ ล่ะมีเรื่องตัวเองอยากจะเล่าบ้างไหมว่าได้โอกาสเข้ามายังไงและทำไมถึงรักงานโรงแรม???

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ