วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

การประสานงวงในโรงแรม หาดาว




สวัสดีครับ วันนี้เจ้าของบล๊อกขอลดดีกรีความกวนตีนลงสักนิดน๊ะครับ วันนี้จะมาเล่านิทานเกี่ยวกับวิธีการประสานงานในโรงแรม หาดาวและการวางตัวครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมได้เข้าทำงานในโรงแรมหาดาวแห่งหนึ่ง แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อน๊ะครับเดี๋ยวโดนฟ้อง ยังไม่อยากไปตรวจดีเอ็นเอตอนนี้ ในขณะที่ผมกำลังทำงานอยู่หน้าฟร้อนท์ตามปกติของผมอยู่นั้น ปรากฏเสียงของชะนีนางหนึ่งในแผนกแม่บ้านทางวิทยุสื่อสารอย่างดังถึงดังมากครับ ไม่รู้ว่ามึงจะดังแก้บนไปถึงไหน "ฟร้อนท์ วอ 2 ค่ะ ฟร้อนท์" (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้อง วอ 2? วอ 3 วอ 4 วอ 5 ก็มี เออ แปลก) ช่วยเช็คห้อง ... ด้วยค่ะ ในรีพอร์ทเป็นห้องว่างแต่มีของมีแขกน๊ะค่ะ" งานงอกแล้วครับในรายงานบอกห้องว่างแล้วเสือกมีของมีแขกเนี่ยน๊ะ ใครแม่งแอบไปนอนวะเนี่ย นึกในใจซวยแล้วกรูเพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 2 วัน งานเข้าแต่เช้าเลย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพครับ ผมจึงขึ้นลิฟท์ไปดูซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งมาเริ่มงานที่นี่ใหม่ ๆ ฉะนั้นเสื้อผ้าและชุดฟอร์มผมมันก็ยังไม่มี ที่ผมใส่ก็คือเสื้อเชิ๊ตกางเกงสแลคขาวดำ ประมาณไว้ทุกข์ให้ตัวเองไปในตัวเท่านั้น สักพักผมก้อเดินขึ้นลิฟท์ไปยังห้องที่เธอแจ้งมา พอโผล่หน้าเข้าไปเท่านั้นแหละครับ ปรากฏสายตาคู่หนึ่งมองผมเหมือนผมไปทำอะไรผิดมาอย่างแรงงงง ผมชะงักนิดนึง ใจก็นึกว่านี่กรูทำผิดข้อหาฆ่าแล้วไม่ข่มขืนเหรอวะหรือกูไปตีหัวลูกสาวคุณยายมัน ทำไมมันมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกูเลยวะ หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในห้องเช็คความเรียบร้อย สภาพห้องหลังจากการสันนิษฐานโดยสถาบันวิจัย คิงคองเลจ พบว่ามีคนมาพักอาศัยในห้องนี้จริง ๆ แต่ในรายงานของแผนกต้อนรับนั้นระบุว่าเป็นห้องว่าง เอาละครับทีนี้ผมเลยหันไปถามเธอ (ดี ๆ ย้ำครับว่าถามดี ๆ) ว่าพี่ครับในรายงานเค้าบอกว่าห้องว่างนี่ครับตอนที่แม่บ้านมา terndown (การเปิดเตียงเพื่อให้แขกนอนได้ง่ายขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะนอนแล้วเนี่ยมึงยังจะเสือกเรื่องมากอีกทำไม) เจอแขกมั้ยครับ จบประโยคปุ๊บ มันแหกปากปั๊บ "โอ๊ย พี่ไม่รู้หรอกค่ะ (ใครเป็นน้องมึง กูลูกคนโต) เค้าแจ้งมาก็ขึ้นมาดูเนี่ย เท่านั้นไม่พอเธอยังเดินเอามือไปจิ้มเตียง "เนี่ย ๆ ๆ เตียงยับอยู่เนี่ยเห็นมั้ย มันจะไม่มีคนได้ยังไง" ปรี๊ดเลยครับ ผม เดือดมากกกกกก ครับ แต่ต้องอดทนไว้เพราะเราเด็กใหม่ถึงตำแหน่งผมจะสูงกว่ามันเราก็ต้องอดทน "ไม่เป็นไรครับพี่เดี๋ยวผมเช็คให้อีกทีน๊ะครับ" จบประโยคผมก็เดินออกมา ในขณะลงลิฟท์มานั้นคิดในหัวตลอด "กูจะแก้แค้นมันยังไงดีวะเนี่ย ขับเครื่องบินชนแม่งเลยดีมั้ยหรือยิงด้วยเอ็ม 79 ดี" โมโห ครับ โมโห มาก หลังจากนั้นผมก็ไปรายงานหัวหน้าผมพอเราเสร็จเรื่องหัวหน้าผมก็พาผมไปแนะนำกับแผนกอื่นว่าผมเนี่ยเป็นพนักงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการ (ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องช่วยผู้จัดการทำเองไม่ได้หรือไงก็ไม่รู้) พอมาถึง office ของแม่บ้าน เจอมันครับกำลังนั่งเขียนรายงานอย่างเมามันหน้าตาเอาจริงเอาจังมากเหมือนอย่างกับลุ้นหวยใต้ดินอยู่เลย แอบคิดนึดนึง "นี่มึงกำลังติวคณิตพิชิตเอนทรานส์อยู่ป่ะเนี่ย" หัวหน้าผมก็เปิดประตูไปแล้วก็แนะนำ "สวัสดีค่ะนี่คุณ...น๊ะคะจะมาเป็น ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกต้อนรับคนใหม่ค่ะ" สิ้นเสียงมันเงยหน้าขึ้นมาเจอหน้าผม มันตกใจมากครับตกใจยิ่งกว่าถูกล้มประมูล 3จี อีก แต่เหมือนมันเรียนการแสดงมาครับมันยังตีเนียนไปได้อีกครับ "สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับน๊ะคะ" หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากเหมือนตอนได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพเลย เท่านั้นยังไม่พอครับตอนกินข้าวในห้องอาหาร ยังเดินมาทักผมตักน้ำให้ผมด้วย เออ เอากะมึงดิ เมื่อกี้มึงยังด่ายังตะคอกกูอยู่เลย ทีงี้เสือกมาตักน้ำให้กู นี่มึงแอบใส่ยาพิษให้กูป่ะเนี่ย เอาซิครับคนเราหัวโขนนี่มันช่วยได้น๊ะเนี่ย น้อง ๆ คนไหนอยากมีตำแหน่งความก้าวหน้าทำตามที่พี่บอกด้านล่างน๊ะครับ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าอยากทำงานอยู่โรงแรมหาดาวแล้วเจริญก้าวหน้า น้อง ๆ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ " ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน.. เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น.. เช้าสาย บ่ายหลับ กลับเร็ว..แค่นี้ก็แจ่มมมมมแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความแนะนำ